ส.ส.มหาสารคาม ‘ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร’ ชี้ รัฐบาลจะต้องกล้าตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เพราะงบที่ใช้เป็นเงินแผ่นดินจำนวนมาก
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามสด นายโภคิน พลกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในกรณีที่นายโภคิน ได้ขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี ในโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร มูลค่าโครงการ 6,687 ล้านบาท ในการจัดซื้อรถดับเพลิง และอุปกรณ์ดับเพลิง โดยได้ชี้แจงว่า รัฐบาลออสเตรเลียเสนอให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลไทยในรูปของรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ในเรื่อง2 สำคัญ คือ 1 .การจัดหาทุนโดยหาแหล่งเงินกู้ที่มีการผ่อนชำระคืนในระยะยาว 2. ในเรื่องของพันธะการค้าต่างตอบแทน หรือ เคาน์เตอร์เทรด ที่รัฐบาลออสเตรเลียจะช่วยเหลือประเทศไทย
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ตนอยากให้รัฐบาลชี้แจงในเรื่องการจัดหาเงินกู้ 100% ให้มีความชัดเจน และในส่วนของพันธะการค้าต่างตอบแทน ซึ่งเป็นมติสำคัญของคณะรัฐมนตรี ทำไมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่เซ็นในเอโอยู หรือ agreement of understanding ระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ เพราะถ้ารัฐบาลออสเตรเลียไม่รับทราบในเรื่องการซื้อสินค้าจากประเทศไทย หรือ เคาน์เตอร์เทรด จำนวน 6,687 ล้านบาท ใครจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ตนอยากทราบว่าเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่กรุงเทพมหานครได้ลงนามในสัญญากับบริษัทสไตล์เออร์ของประเทศออสเตรเลีย ได้มีการลงนามในเรื่องสัญญาการค้าต่างตอบแทน ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กับบริษัทตัวแทนของบริษัทสไตล์เออร์เสร็จสมบูรณ์ หรือไม่ ‘หนังสือกระทรวงมหาดไทยวันที่ 14 กรกฎาคม ที่กท.1800/8435 เขียนบอกว่าเงินที่ใช้ในการจ่ายของโครงการดังกล่าวเป็นเงินของรัฐบาล 60 % กรุงเทพมหานคร 40% ผูกพันงบประมาณตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2553 ถามชัดๆเลยว่าเงินดังกล่าวอยู่ตรงไหน เพราะว่ามันเป็นงบประมาณ แผ่นดิน เป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชนจ่ายเต็ม100%’ นายยุทธพงศ์กล่าว และกล่าวต่ออีกว่าโครงการจัดซื้อรถดับเพลิง และอุปกรณ์ดับเพลิง ใครเป็นผู้จ่ายแวตประมาณ 470 ล้านบาท กทม. หรือบริษัทสไตล์เออร์ของออสเตรเลียจ่าย รวมถึงภาษีศุลกากรในการนำเข้ารถดับเพลิงและอุปกรณ์ดังเพลิงเข้ามาในประเทศ
ส.ส.มหาสารคาม กล่าวต่ออีกว่า การที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยออกมาระบุว่าไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีต้องทราบดี เพราะหนังสือด่วนที่สุด ที่กท.0100/9836 กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม เรื่องรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรียนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว ขอแสดงความนับถือนายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงมหาดไทย ตนจึงบอกว่าท่านรัฐมนตรีไม่ทราบเรื่องไม่ได้ เพราะเป็นผู้ลงนามในหนังสือ และรายงานไปถึงคณะรัฐมนตรี ‘เรื่องนี้เข้า ครม.ครั้งแรกเมื่อวันที่ 31พฤษภาคม เลขที่หนังสือ ที่มท.0100/6450 ขอแสดงความนับถือนายโภคิน พลกุล และนายประชา มาลีนนท์ ลงนามไปกับท่านรัฐมนตรีด้วย ถ้าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนคงไม่สามารถไว้วางใจท่านรัฐมนตรีได้ เพราะว่าท่านเป็นคนลงนามในหนังสือแต่ท่านบอกว่าไม่รู้เรื่อง ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการท่านทำแบบนี้ได้อย่างไร ’ นายยุทธพงศ์กล่าว
ทั้งนี้ นายยุทธพงศ์ ยังได้กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรจะมีความกล้าในการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว ให้เกิดความโปร่งใส เพราะงบประมาณที่ใช้เป็นเงินงบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก และเมื่อโครงการดังกล่าวยังมีข้อครหา เพราะเป็นการเซ็นในช่วงวันสุดท้ายของการรักษาการของอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยควรสั่งให้กทม.ระงับไม่ให้มีการเปิดแอลซีให้กับบริษัทสไตล์เออร์ไว้ก่อนจนกว่าโครงการดังกล่าวจะมีการสอบสวนความโปร่งใสเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และเพื่อสนองนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีที่ประกาศว่าวันที่ 3 ตุลาคม จะเป็นวันดีเดย์ของการปราบทุจริต
นายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า โครงการจัดซื้อรถดับเพลิง และอุปกรณ์ดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร เป็นโครงการที่กรุงเทพมหานครพิจารณาว่ามีความสำคัญ โดยเสนอให้กระทรวงมหาดไทยศึกษา และให้การสนับสนุนในหลักการ โดยนำเข้าสู่ครม.พิจารณา สำหรับในเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย ตนไม่สามารถที่จะตอบชี้แจงในสภานี้ได้ เพราะไม่มีข้อมูลในเรื่องดังกล่าว จึงต้องขอไปศึกษารายละเอียดข้อมูลแล้วจะเรียนให้ท่านทราบต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้ถามสด นายโภคิน พลกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในกรณีที่นายโภคิน ได้ขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี ในโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร มูลค่าโครงการ 6,687 ล้านบาท ในการจัดซื้อรถดับเพลิง และอุปกรณ์ดับเพลิง โดยได้ชี้แจงว่า รัฐบาลออสเตรเลียเสนอให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลไทยในรูปของรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ในเรื่อง2 สำคัญ คือ 1 .การจัดหาทุนโดยหาแหล่งเงินกู้ที่มีการผ่อนชำระคืนในระยะยาว 2. ในเรื่องของพันธะการค้าต่างตอบแทน หรือ เคาน์เตอร์เทรด ที่รัฐบาลออสเตรเลียจะช่วยเหลือประเทศไทย
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ตนอยากให้รัฐบาลชี้แจงในเรื่องการจัดหาเงินกู้ 100% ให้มีความชัดเจน และในส่วนของพันธะการค้าต่างตอบแทน ซึ่งเป็นมติสำคัญของคณะรัฐมนตรี ทำไมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่เซ็นในเอโอยู หรือ agreement of understanding ระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ เพราะถ้ารัฐบาลออสเตรเลียไม่รับทราบในเรื่องการซื้อสินค้าจากประเทศไทย หรือ เคาน์เตอร์เทรด จำนวน 6,687 ล้านบาท ใครจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ตนอยากทราบว่าเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่กรุงเทพมหานครได้ลงนามในสัญญากับบริษัทสไตล์เออร์ของประเทศออสเตรเลีย ได้มีการลงนามในเรื่องสัญญาการค้าต่างตอบแทน ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กับบริษัทตัวแทนของบริษัทสไตล์เออร์เสร็จสมบูรณ์ หรือไม่ ‘หนังสือกระทรวงมหาดไทยวันที่ 14 กรกฎาคม ที่กท.1800/8435 เขียนบอกว่าเงินที่ใช้ในการจ่ายของโครงการดังกล่าวเป็นเงินของรัฐบาล 60 % กรุงเทพมหานคร 40% ผูกพันงบประมาณตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2553 ถามชัดๆเลยว่าเงินดังกล่าวอยู่ตรงไหน เพราะว่ามันเป็นงบประมาณ แผ่นดิน เป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชนจ่ายเต็ม100%’ นายยุทธพงศ์กล่าว และกล่าวต่ออีกว่าโครงการจัดซื้อรถดับเพลิง และอุปกรณ์ดับเพลิง ใครเป็นผู้จ่ายแวตประมาณ 470 ล้านบาท กทม. หรือบริษัทสไตล์เออร์ของออสเตรเลียจ่าย รวมถึงภาษีศุลกากรในการนำเข้ารถดับเพลิงและอุปกรณ์ดังเพลิงเข้ามาในประเทศ
ส.ส.มหาสารคาม กล่าวต่ออีกว่า การที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยออกมาระบุว่าไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีต้องทราบดี เพราะหนังสือด่วนที่สุด ที่กท.0100/9836 กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม เรื่องรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรียนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว ขอแสดงความนับถือนายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงมหาดไทย ตนจึงบอกว่าท่านรัฐมนตรีไม่ทราบเรื่องไม่ได้ เพราะเป็นผู้ลงนามในหนังสือ และรายงานไปถึงคณะรัฐมนตรี ‘เรื่องนี้เข้า ครม.ครั้งแรกเมื่อวันที่ 31พฤษภาคม เลขที่หนังสือ ที่มท.0100/6450 ขอแสดงความนับถือนายโภคิน พลกุล และนายประชา มาลีนนท์ ลงนามไปกับท่านรัฐมนตรีด้วย ถ้าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนคงไม่สามารถไว้วางใจท่านรัฐมนตรีได้ เพราะว่าท่านเป็นคนลงนามในหนังสือแต่ท่านบอกว่าไม่รู้เรื่อง ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการท่านทำแบบนี้ได้อย่างไร ’ นายยุทธพงศ์กล่าว
ทั้งนี้ นายยุทธพงศ์ ยังได้กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรจะมีความกล้าในการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว ให้เกิดความโปร่งใส เพราะงบประมาณที่ใช้เป็นเงินงบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก และเมื่อโครงการดังกล่าวยังมีข้อครหา เพราะเป็นการเซ็นในช่วงวันสุดท้ายของการรักษาการของอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยควรสั่งให้กทม.ระงับไม่ให้มีการเปิดแอลซีให้กับบริษัทสไตล์เออร์ไว้ก่อนจนกว่าโครงการดังกล่าวจะมีการสอบสวนความโปร่งใสเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และเพื่อสนองนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีที่ประกาศว่าวันที่ 3 ตุลาคม จะเป็นวันดีเดย์ของการปราบทุจริต
นายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า โครงการจัดซื้อรถดับเพลิง และอุปกรณ์ดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร เป็นโครงการที่กรุงเทพมหานครพิจารณาว่ามีความสำคัญ โดยเสนอให้กระทรวงมหาดไทยศึกษา และให้การสนับสนุนในหลักการ โดยนำเข้าสู่ครม.พิจารณา สำหรับในเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย ตนไม่สามารถที่จะตอบชี้แจงในสภานี้ได้ เพราะไม่มีข้อมูลในเรื่องดังกล่าว จึงต้องขอไปศึกษารายละเอียดข้อมูลแล้วจะเรียนให้ท่านทราบต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-