“ปชป.”แจงไม่เสียหน้า “บรุ๊ค”น้องชาย “พุทธิพงษ์" ลง ทรท .ยันไม่มีปัญหา ถือเป็นเรื่องธรรมดา ระบุ เจ้าตัวจะขออยู่กับ ปชป.ตลอดไป
วันนี้ (19 ก.ย. 47) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี “บรุ๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ ดารานักแสดง และน้องชาย นายพุทธิพงษ์ ส.ส.ประชาธิปัตย์ เขตพญาไท ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ว่า การลงสมัครส.ส.ไทยรักไทย ของนายดนุพร ถือเป็นการตัดสินใจของแต่ละคน ไม่สามารถตอบแทนนายดนุพรได้ว่า การที่ตัดสินใจลงพรรคไทยรักไทยด้วยเหตุเพราะอะไร แต่คงไม่ใช่เหตุผลที่ว่า พรรคประชาธิปัตย์ด้อยกว่าพรรคไทยรักไทย เพราะขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่า กระแสความนิยมของไทยรักไทยในกรุงเทพฯ ลดลงไปกว่าเดิมค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นการไปสมัคร อาจเป็นเพราะเหตุผลอื่น คงไม่ใช่เหตุผลเรื่องกระแสนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นหรือลงในกรุงเทพงฯ และการที่นายดนุพร ลงสมัครในนามพรรคไทยรักไทย คงไม่เป็นปัญหาอุปสรรคอะไร ในการทำงานของนายพุทธิพงษ์ หรือพรรคประชาธิปัตย์
"เมื่อเช้านี้ผมได้รับการยืนยันทางโทรศัพท์จากนายพุทธิพงษ์ ว่าน้องชายจะไปลงสมัครพรรคการเมืองไหนก็ตาม ในส่วนนายพุทธิพงษ์ยืนยันว่า ขอลงสมัครพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ไม่ว่าพรรคจะมีกระแสตกต่ำหรือขึ้น เพราะได้ตัดสินใจแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นพรรคที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ระยะยาว ไม่ใช่พรรคการเมืองฉพาะกิจ เพื่อหวังให้ใครเป็น รมต.เป็นครั้งคราว เพราะฉะนั้นเชื่อมั่นว่านายพุทธิพงษ์ ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป “นายองอาจกล่าว
ต่อคำถามว่า นายดนุพร หลงผิดไปลงสมัครในนามพรรคไทยรักไทยหรือไม่ นายองอาจ กล่าวตอบผู้สื่อข่าวว่า คงไม่สามารถไปบอกได้ว่า ใครลงผิดหรือถูกได้ เพราะผลการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละคน เพราะการตัดสินใจของแต่ละคนอยู่ที่ข้อมูล ข่าวสารที่ได้รับ นายดนุพร อาจได้รับข้อมูลข่าวสารว่า เมื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคไทยรักไทยในเขตกรุงเทพฯอาจจะชนะ จึงได้ตัดสินใจ และคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้ว
ต่อข้อถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคได้ทาบทามนายดนุพร หรือไม่นั้น นายองอาจ กล่าวว่า พรรคเคยมอบหมายให้ ส.ส.กรุงเทพฯทั้ง 9 คน ไปเชิญชวนบุคคลที่สนใจเพื่อจะมาสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรค นายพุทธิพงษ์ ก็คงเคยคุยกับนายดนุพร เพราะเขาอยู่บ้านเดียวกัน เป็นพี่น้องกันก็อาจจะพุดคุยกันบ้าง แต่ตนไม่ทราบคุยกันลึกซึ้งแค่ไหนอย่างไร น่าจะถามนายพุทธิพงษ์ จะได้คำตอบที่ชัดเจนกว่า
เมื่อถามว่า คิดว่าเสียหน้าหรือไม่ ที่นายพุทธิพงษ์กับน้องชายอยู่กันคนละพรรคการเมือง นายองอาจ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะนามสกุลเดียวกันอยู่คนละพรรคเยอะแยะ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่พี่น้องนามสกุลเดียวกันอยู่คนละพรรคก็มี และในอนาคตก็เชื่อว่ายังจะมีอยู่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
วันนี้ (19 ก.ย. 47) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี “บรุ๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ ดารานักแสดง และน้องชาย นายพุทธิพงษ์ ส.ส.ประชาธิปัตย์ เขตพญาไท ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ว่า การลงสมัครส.ส.ไทยรักไทย ของนายดนุพร ถือเป็นการตัดสินใจของแต่ละคน ไม่สามารถตอบแทนนายดนุพรได้ว่า การที่ตัดสินใจลงพรรคไทยรักไทยด้วยเหตุเพราะอะไร แต่คงไม่ใช่เหตุผลที่ว่า พรรคประชาธิปัตย์ด้อยกว่าพรรคไทยรักไทย เพราะขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่า กระแสความนิยมของไทยรักไทยในกรุงเทพฯ ลดลงไปกว่าเดิมค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นการไปสมัคร อาจเป็นเพราะเหตุผลอื่น คงไม่ใช่เหตุผลเรื่องกระแสนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นหรือลงในกรุงเทพงฯ และการที่นายดนุพร ลงสมัครในนามพรรคไทยรักไทย คงไม่เป็นปัญหาอุปสรรคอะไร ในการทำงานของนายพุทธิพงษ์ หรือพรรคประชาธิปัตย์
"เมื่อเช้านี้ผมได้รับการยืนยันทางโทรศัพท์จากนายพุทธิพงษ์ ว่าน้องชายจะไปลงสมัครพรรคการเมืองไหนก็ตาม ในส่วนนายพุทธิพงษ์ยืนยันว่า ขอลงสมัครพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ไม่ว่าพรรคจะมีกระแสตกต่ำหรือขึ้น เพราะได้ตัดสินใจแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเป็นพรรคที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ระยะยาว ไม่ใช่พรรคการเมืองฉพาะกิจ เพื่อหวังให้ใครเป็น รมต.เป็นครั้งคราว เพราะฉะนั้นเชื่อมั่นว่านายพุทธิพงษ์ ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป “นายองอาจกล่าว
ต่อคำถามว่า นายดนุพร หลงผิดไปลงสมัครในนามพรรคไทยรักไทยหรือไม่ นายองอาจ กล่าวตอบผู้สื่อข่าวว่า คงไม่สามารถไปบอกได้ว่า ใครลงผิดหรือถูกได้ เพราะผลการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละคน เพราะการตัดสินใจของแต่ละคนอยู่ที่ข้อมูล ข่าวสารที่ได้รับ นายดนุพร อาจได้รับข้อมูลข่าวสารว่า เมื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคไทยรักไทยในเขตกรุงเทพฯอาจจะชนะ จึงได้ตัดสินใจ และคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้ว
ต่อข้อถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคได้ทาบทามนายดนุพร หรือไม่นั้น นายองอาจ กล่าวว่า พรรคเคยมอบหมายให้ ส.ส.กรุงเทพฯทั้ง 9 คน ไปเชิญชวนบุคคลที่สนใจเพื่อจะมาสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรค นายพุทธิพงษ์ ก็คงเคยคุยกับนายดนุพร เพราะเขาอยู่บ้านเดียวกัน เป็นพี่น้องกันก็อาจจะพุดคุยกันบ้าง แต่ตนไม่ทราบคุยกันลึกซึ้งแค่ไหนอย่างไร น่าจะถามนายพุทธิพงษ์ จะได้คำตอบที่ชัดเจนกว่า
เมื่อถามว่า คิดว่าเสียหน้าหรือไม่ ที่นายพุทธิพงษ์กับน้องชายอยู่กันคนละพรรคการเมือง นายองอาจ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะนามสกุลเดียวกันอยู่คนละพรรคเยอะแยะ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่พี่น้องนามสกุลเดียวกันอยู่คนละพรรคก็มี และในอนาคตก็เชื่อว่ายังจะมีอยู่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-