โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ‘สวนกลับรัฐบาลวันนี้ปราบคอรับชั่นจริงหรือไม่ ? ‘จี้’รัฐบาลเผยชื่อ ‘รมต.’ ให้ชัดเจนต่อสังคม 'ชี้' ดัชนีความโปร่งใสของไทย ย่ำแย่กว่าเพื่อนบ้าน 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสอบตกอย่างสิ้นเชิง! กรีดยับเลื่อนวันประกาศฯ หวังเพียงสร้างภาพรอบใหม่ทางการเมือง ยื้อเวลาถึงวันเลือกตั้ง เตือนนายกฯ อย่าหลงอยู่ในสงครามเกมกดระวังถูก’ปชช.’ล่ามโซ่เพราะไม่พอใจการทุจริตของรัฐบาลชุดนี้
วันนี้ (19 ก.ย. 47)เวลา 10.30น. ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การทุจริตคอรัปชั่นในสังคมไทย ซึ่งสืบเรื่องมากที่นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีเพิเศษเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีรายงานข่าวเล็ดลอดจากที่ประชุมว่า “ผมขอร้องว่าอย่าได้เห็นแก่เงินเงินสำคัญกว่าผลงาน อย่าแอบอ้างชื่อของผมไปทำโน่นทำนี่เลย ถ้าใครจะบริจาคก็บริจาคมา พรรคจะออกใบเสร็จให้ เพราะผมทราบว่ามีรัฐมนตรีไปพูดกับผู้บริหารบางบริษัทว่าต้องหาเงินเข้าพรรค ไปอ้างชื่อผม เมียผม น้องผม ถ้าผมได้ยินอีกว่าใครไปอ้าง อย่าว่าผมนะ ถ้าผมทำอะไรลงไป แต่คนที่เอาชื่อผมไปอ้างและผมรู้มา ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมนี้”(หมายเหตุ ; คำพูดนายกฯ) สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสอบถามนายกฯในวันนี้ก็คือ ท่านนายกฯกล่าวว่า ท่านทราบว่าใครเอาชื่อไปแอบอ้าง เรียกร้องเอาเงินจากบางบริษัท และในขณะนี้ท่านได้ดำเนินการกับรัฐมนตรีเหล่านั้นหรือไม่ อย่างไร จนถึงขณะนี้ หรือว่าท่านเพียงแต่จะรับทราบว่ามีคนแอบอ้าง แล้วก็ปล่อยให้เรื่องราวเหล่านี้ผ่านเลยไป
‘ปชป.’เรียกร้องรัฐบาลระบุชื่อ ‘รมต.’ ให้ชัดเจนต่อสังคม ย้ำ’ปชป.’ข้องใจรัฐบาลปราบคอรัปชั่นจริงหรือไม่ ?
นอกจากนั้นท่านยังบอกอีกว่า รัฐมนตรีที่ท่านพูดถึงนั้นไม่ได้อยู่ที่ประชุมในวันนั้น และสิ่งที่สังคมต้องการที่จะทราบต่อไป รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์เองก็คือ รัฐมนตรีที่ไม่อยู่ในที่ประชุมในวันนั้นมีใครบ้าง และใคร คือคนที่นายกฯได้ยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนั้น ท่านในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อทราบว่ามีคนในรัฐบาลของท่านเองเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนี้ เมื่อท่านไม่ดำเนินการถือว่าเป็นการละเว้นต่อการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งท่านมีอำนาจตามกฎหมายอยู่แล้ว เหตุใดท่านจึงไม่ดำเนินการ“การที่นายกฯได้รับรู้รับทราบแล้วว่า มีรัฐมนตรีของท่าน ในคณะรัฐบาลของท่านไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตไปเรียกรับเงินจากบางบริษัท และท่านไม่ได้ดำเนินการอะไรนั้น จะถือว่าเป็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ในฐานะนายกฯซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย ที่จะจัดการกับคนที่ทุจริตคอรัปชั่น เหตุใดท่านจึงไม่ได้ดำเนินการในเรื่องเหล่านี้”นายองอาจ กล่าวและว่า การที่ท่านนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการเรื่องเหล่านี้ จึงทำให้เห็นชัดเจนว่า การทำสงครามปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ที่ท่านได้เลื่อนการประกาศจากวันที่ 3 ตุลาคม มาเป็นวันที่ 30 กันยายนนั้น ทำให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศไม่แน่ใจว่า การทำสงครามของท่านนายกรัฐมนตรีนั้นทำจริงหรือไม่
นายองอาจ ยังกล่าวอีกว่า เรื่องการปราบปรามการทุจริตนี้ก็เคยมีการประกาศมาตั้งแต่เข้าเป็นรัฐบาลใหม่ๆว่าจะจัดการการปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ถึงไม่มีใบเสร็จก็จะจัดการ แต่ว่าหลายกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ท่านเองก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร “การคอรัปชั่นในทุกวันนี้ ก็แผ่ขยายแทรกซึมไปเกือบทั่วแล้ว เป็นการสบทบกับร่วมมือกันนะครับ ของคนในรัฐบาล คนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล กับข้าราชการบางส่วน ร่วมมือกับนักธุรกิจบางคน ต้องถือได้ว่าขณะนี้การคอรัปชั่นเป็นภัยคุกคามต่อประเทศชาติที่น่ากลัวที่สุดนะครับ การทุจริตนั้นได้กระจายออกไปทุกระดับนะครับ จากระดับบนลงไปสู่ระดับล่าง อาจจะเรียกได้ว่า ขณะนี้มีการโกงกันทุกหย่อมหญ้า” นายองอาจกล่าว
'โฆษกปชป.'ระบุ ดัชนีความโปร่งใสของไทย’ย่ำแย่กว่าเพื่อนบ้าน 4 ปีที่ผ่านมาปราบคอรัปชั่น’รบ.’สอบตกสิ้นเชิง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงตัวเลขจากรายงานดัชนีชี้วัดความโปร่งใสระหว่างประเทศ เมื่อปี 2542 ที่ระบุว่าประเทศไทย แม้จะเป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่นก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าประเทศเกาหลีใต้และจีน แต่ปรากฎว่ามาถึงปัจจุบันในปี 2547 ที่มีการจัดทำดัชนีวัดความโปร่งใสระหว่างประเทศ เมื่อปี 2546 นั้น ปรากฎว่า ประเทศไทยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า ประเทศเกาหลีใต้และจีน รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเชียและสิงคโปร์ ซึ่งมีคะแนนที่อยู่ในระดับที่ดีกว่าไทย
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบ 4 ปี การทุจริตคอรัปชั่นในบ้านเมือง มีลักษณะที่เลวร้ายลงไปทุกวัน และการที่รัฐบาลประกาศว่าจะทำสงครามกับคอรัปชั่นนั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่แน่ใจ ว่ารัฐบาลจะดำเนินการในเรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ซึ่ง การอภิปรายของฝ่ายค้านในสภาฯที่ชี้ให้เห็นถึงการคอรัปชั่นหลายกรณี รัฐบาลก็ไม่เข้าไปดำเนินการอะไร
แม้กระทั่งการออกมาชี้ให้เห็น ถึงเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นของนักวิชาการ ของกลุ่มบุคคลต่างๆ หลายกรณี รัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ หรือแทบจะเรียกได้ว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสอบตกอย่างสิ้นเชิง “เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลประกาศว่าจะทำสงครามกับคอรัปชั่นอีกครั้งในวันที่ 30 กันยายนนี้ ก็คงเป็นเพียงการสร้างภาพรอบใหม่ของทางการเมือง เมื่อใกล้จะถึงเวลาเลือกตั้งนั้นเอง เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่ก็คือ ผู้ที่มีอำนาจในรัฐบาล และกลุ่มคนใกล้ชิดหรือเครือญาติของนายกฯแทบทั้งสิ้น แต่ดูเหมือนว่า การประกาศในครั้งนี้ ท่านพยายามที่จะพุ่งเป้าไปยังข้าราชการมากกว่า ทั้งๆที่เป้าที่ท่านควรจะพุ่งไปก็คือ รัฐมนตรีที่อยู่แวดล้อมตัวท่านนายกฯเองมากกว่า”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
เพราะฉะนั้นการประกาศสงครามปราบคอรัปชั่นของท่านนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อว่า เป็นการประกาศสงครามจริงๆ แต่คงจะเป็นเพียงการทำสงครามเกมกดบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็ทำให้ผู้ประกาศสงครามนั้นสะใจในการประกาศของตนเองเหมือนเด็กที่เล่นกดเกมส์สงครามต่างๆ ซึ่งเด็กเหล่านั้น ก็คงจะสะใจที่มีโอกาสเข้าไปอยู่ในยุทธภูมิการทำสงคราม แต่ก็คงไม่สามารถทำสงครามได้จริง ซึ่งก็คงไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นได้”ถ้าท่านนายกฯยังหลงอยู่ในสงครามเกมกดนี้ต่อไป ท่านอาจจะถูกจับล่ามโซ่เหมือนกับเด็กคนหนึ่งที่ถูกแม่จับล่ามโซ่เพราะไปเล่นเกมมากเกินไป และประชาชนซึ่งไม่พอใจกับการทุจริตของรัฐบาลชุดนี้ อาจจะเป็นผู้ล่ามโซ่ท่านนายกฯเสียเอง”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวสรุป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
วันนี้ (19 ก.ย. 47)เวลา 10.30น. ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การทุจริตคอรัปชั่นในสังคมไทย ซึ่งสืบเรื่องมากที่นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีเพิเศษเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีรายงานข่าวเล็ดลอดจากที่ประชุมว่า “ผมขอร้องว่าอย่าได้เห็นแก่เงินเงินสำคัญกว่าผลงาน อย่าแอบอ้างชื่อของผมไปทำโน่นทำนี่เลย ถ้าใครจะบริจาคก็บริจาคมา พรรคจะออกใบเสร็จให้ เพราะผมทราบว่ามีรัฐมนตรีไปพูดกับผู้บริหารบางบริษัทว่าต้องหาเงินเข้าพรรค ไปอ้างชื่อผม เมียผม น้องผม ถ้าผมได้ยินอีกว่าใครไปอ้าง อย่าว่าผมนะ ถ้าผมทำอะไรลงไป แต่คนที่เอาชื่อผมไปอ้างและผมรู้มา ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมนี้”(หมายเหตุ ; คำพูดนายกฯ) สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสอบถามนายกฯในวันนี้ก็คือ ท่านนายกฯกล่าวว่า ท่านทราบว่าใครเอาชื่อไปแอบอ้าง เรียกร้องเอาเงินจากบางบริษัท และในขณะนี้ท่านได้ดำเนินการกับรัฐมนตรีเหล่านั้นหรือไม่ อย่างไร จนถึงขณะนี้ หรือว่าท่านเพียงแต่จะรับทราบว่ามีคนแอบอ้าง แล้วก็ปล่อยให้เรื่องราวเหล่านี้ผ่านเลยไป
‘ปชป.’เรียกร้องรัฐบาลระบุชื่อ ‘รมต.’ ให้ชัดเจนต่อสังคม ย้ำ’ปชป.’ข้องใจรัฐบาลปราบคอรัปชั่นจริงหรือไม่ ?
นอกจากนั้นท่านยังบอกอีกว่า รัฐมนตรีที่ท่านพูดถึงนั้นไม่ได้อยู่ที่ประชุมในวันนั้น และสิ่งที่สังคมต้องการที่จะทราบต่อไป รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์เองก็คือ รัฐมนตรีที่ไม่อยู่ในที่ประชุมในวันนั้นมีใครบ้าง และใคร คือคนที่นายกฯได้ยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนั้น ท่านในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อทราบว่ามีคนในรัฐบาลของท่านเองเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนี้ เมื่อท่านไม่ดำเนินการถือว่าเป็นการละเว้นต่อการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งท่านมีอำนาจตามกฎหมายอยู่แล้ว เหตุใดท่านจึงไม่ดำเนินการ“การที่นายกฯได้รับรู้รับทราบแล้วว่า มีรัฐมนตรีของท่าน ในคณะรัฐบาลของท่านไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตไปเรียกรับเงินจากบางบริษัท และท่านไม่ได้ดำเนินการอะไรนั้น จะถือว่าเป็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ในฐานะนายกฯซึ่งมีอำนาจตามกฎหมาย ที่จะจัดการกับคนที่ทุจริตคอรัปชั่น เหตุใดท่านจึงไม่ได้ดำเนินการในเรื่องเหล่านี้”นายองอาจ กล่าวและว่า การที่ท่านนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการเรื่องเหล่านี้ จึงทำให้เห็นชัดเจนว่า การทำสงครามปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ที่ท่านได้เลื่อนการประกาศจากวันที่ 3 ตุลาคม มาเป็นวันที่ 30 กันยายนนั้น ทำให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศไม่แน่ใจว่า การทำสงครามของท่านนายกรัฐมนตรีนั้นทำจริงหรือไม่
นายองอาจ ยังกล่าวอีกว่า เรื่องการปราบปรามการทุจริตนี้ก็เคยมีการประกาศมาตั้งแต่เข้าเป็นรัฐบาลใหม่ๆว่าจะจัดการการปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ถึงไม่มีใบเสร็จก็จะจัดการ แต่ว่าหลายกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ท่านเองก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร “การคอรัปชั่นในทุกวันนี้ ก็แผ่ขยายแทรกซึมไปเกือบทั่วแล้ว เป็นการสบทบกับร่วมมือกันนะครับ ของคนในรัฐบาล คนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล กับข้าราชการบางส่วน ร่วมมือกับนักธุรกิจบางคน ต้องถือได้ว่าขณะนี้การคอรัปชั่นเป็นภัยคุกคามต่อประเทศชาติที่น่ากลัวที่สุดนะครับ การทุจริตนั้นได้กระจายออกไปทุกระดับนะครับ จากระดับบนลงไปสู่ระดับล่าง อาจจะเรียกได้ว่า ขณะนี้มีการโกงกันทุกหย่อมหญ้า” นายองอาจกล่าว
'โฆษกปชป.'ระบุ ดัชนีความโปร่งใสของไทย’ย่ำแย่กว่าเพื่อนบ้าน 4 ปีที่ผ่านมาปราบคอรัปชั่น’รบ.’สอบตกสิ้นเชิง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงตัวเลขจากรายงานดัชนีชี้วัดความโปร่งใสระหว่างประเทศ เมื่อปี 2542 ที่ระบุว่าประเทศไทย แม้จะเป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่นก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าประเทศเกาหลีใต้และจีน แต่ปรากฎว่ามาถึงปัจจุบันในปี 2547 ที่มีการจัดทำดัชนีวัดความโปร่งใสระหว่างประเทศ เมื่อปี 2546 นั้น ปรากฎว่า ประเทศไทยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า ประเทศเกาหลีใต้และจีน รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเชียและสิงคโปร์ ซึ่งมีคะแนนที่อยู่ในระดับที่ดีกว่าไทย
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบ 4 ปี การทุจริตคอรัปชั่นในบ้านเมือง มีลักษณะที่เลวร้ายลงไปทุกวัน และการที่รัฐบาลประกาศว่าจะทำสงครามกับคอรัปชั่นนั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่แน่ใจ ว่ารัฐบาลจะดำเนินการในเรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ซึ่ง การอภิปรายของฝ่ายค้านในสภาฯที่ชี้ให้เห็นถึงการคอรัปชั่นหลายกรณี รัฐบาลก็ไม่เข้าไปดำเนินการอะไร
แม้กระทั่งการออกมาชี้ให้เห็น ถึงเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นของนักวิชาการ ของกลุ่มบุคคลต่างๆ หลายกรณี รัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ หรือแทบจะเรียกได้ว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสอบตกอย่างสิ้นเชิง “เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลประกาศว่าจะทำสงครามกับคอรัปชั่นอีกครั้งในวันที่ 30 กันยายนนี้ ก็คงเป็นเพียงการสร้างภาพรอบใหม่ของทางการเมือง เมื่อใกล้จะถึงเวลาเลือกตั้งนั้นเอง เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่ก็คือ ผู้ที่มีอำนาจในรัฐบาล และกลุ่มคนใกล้ชิดหรือเครือญาติของนายกฯแทบทั้งสิ้น แต่ดูเหมือนว่า การประกาศในครั้งนี้ ท่านพยายามที่จะพุ่งเป้าไปยังข้าราชการมากกว่า ทั้งๆที่เป้าที่ท่านควรจะพุ่งไปก็คือ รัฐมนตรีที่อยู่แวดล้อมตัวท่านนายกฯเองมากกว่า”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
เพราะฉะนั้นการประกาศสงครามปราบคอรัปชั่นของท่านนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อว่า เป็นการประกาศสงครามจริงๆ แต่คงจะเป็นเพียงการทำสงครามเกมกดบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็ทำให้ผู้ประกาศสงครามนั้นสะใจในการประกาศของตนเองเหมือนเด็กที่เล่นกดเกมส์สงครามต่างๆ ซึ่งเด็กเหล่านั้น ก็คงจะสะใจที่มีโอกาสเข้าไปอยู่ในยุทธภูมิการทำสงคราม แต่ก็คงไม่สามารถทำสงครามได้จริง ซึ่งก็คงไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นได้”ถ้าท่านนายกฯยังหลงอยู่ในสงครามเกมกดนี้ต่อไป ท่านอาจจะถูกจับล่ามโซ่เหมือนกับเด็กคนหนึ่งที่ถูกแม่จับล่ามโซ่เพราะไปเล่นเกมมากเกินไป และประชาชนซึ่งไม่พอใจกับการทุจริตของรัฐบาลชุดนี้ อาจจะเป็นผู้ล่ามโซ่ท่านนายกฯเสียเอง”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวสรุป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-