แท็ก
ปชป.
‘ปชป.’ ชี้ บทพิสูจน์ที่ผิดพลาดของรัฐบาล แนะรัฐบาลเลิก’คุยโม้โอ้อวด’คุมสถานการณ์ได้มันไม่จริง ! กรณีการตายของ’รพินทร์ ‘เป็นกระจกสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้น ส่งสัญญาณความรุนแรง ‘ชี้’คนระดับ’รมต.’ไม่ควรออกมาพูดซ้ำเติมคนตายแต่ควรจะยอมรับความจริง 'กำซับ'รัฐบาลแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
วันนี้ (19 ก.ย. 47)นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มีความรุนแรงมากขึ้นและล่าสุดทางพรรคประชาธิปัตย์ต้อง ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของนายรพินทร์ เรือนแก้ว ผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานี อย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น สาเหตุที่ต้องกล่าวว่า การจากไปของผู้พิพากษาครั้งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นก็เพราะว่า เป็นการจากไปที่รัฐบาลจะต้องยอมรับความจริง ว่าเป็นการจากไปที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในนโยบายการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลชุดนี้
”เป็นการจากไปเป็นการเสียชีวิตในขณะที่มี ตำรวจ ทหาร ครู มีพี่น้องประชาชนจำนวนมาก เสียชีวิตมาก่อนหน้านี้ตลอดระยะเวลาเกือบ1 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมต้นปีนี้ที่มีการเริ่มต้นด้วยการขโมยอาวุธ ปล้นอาวุธไปจากค่ายทหาร หลังจากที่ ตำรวจ ทหาร ครู และพี่น้องประชาชนถูกลอบฆ่าลอบทำร้ายมาจำนวนมากแล้ว ก็มาถึงคนระดับผู้พิพากษาซึ่งถูกฆ่าตาย”นายองอาจ กล่าวและถามว่า รัฐบาลจะให้คนกลุ่มไหนอีกที่ถูกฆ่าตายไปมากกว่านี้ ถึงจะยอมรับความจริงว่า รัฐบาลดำเนินนโยบายการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ผิดพลาดมาโดยตลอด หรือว่ารัฐบาลนี้ต้องการให้คนที่เป็นระดับรัฐมนตรีถูกฆ่าตายเสียก่อนใช่หรือไม่ รัฐบาลนี้ถึงจะยอมรับความจริงว่า การแก้ไขปัญหาความม่าสงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นได้ดำเนินการมาผิดพลาดมาโดยตลอด
‘องอาจ’แนะรัฐบาลเลิก’คุยโม้โอ้อวด’ใช้กรณีการตายของ’รพินทร์ ‘เป็นกระจกสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้น
นายองอาจ กล่าวขอร้องรัฐบาลว่า ให้รัฐบาลยุติการออกมาให้ข่าว ที่ว่าการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดมาถูกทางแล้ว สามารถคุมสถานการณ์ได้หมดแล้ว และควรจะเลิกพูดคำว่า ไม่มีปัญหาแล้วใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านผู้พิพากษา รพินทร์ เรือนแก้วนั้นเป็นบทพิสูจน์อย่างชัดเจน ว่าสิ่งที่รัฐบาลพูดมาโดยตลอดว่า มาถูกทางแล้ว หรือคุมสถานการณ์ได้แล้วนั้น ไม่เป็นความจริง รัฐบาลควรจะใช้การตายของผู้พิพากษาเป็นกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงของความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และก็นำความจริงที่เกิดขึ้นมาค้นหาแนวทางแก้ไข รัฐบาลควรเข้าไปแก้ไขต่อปัญหานี้ด้วยความจริงใจมากกว่าการไม่ยอมรับความจริง และก็ปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ลุกลามต่อไปเรื่อยๆ
“ให้เลิกคุยโม้โอ้อวด ได้แล้วว่า การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดมาถูกทางแล้ว เลิกโม้ได้แล้วว่าคุมสถานการณ์ได้หมดแล้ว และควรจะเลิกพูดคำว่า ไม่มีปัญหาแล้วใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านผู้พิพากษา รพินทร์ เรือนแก้วนั้นเป็นบทพิสูจน์อย่างชัดเจนครับ ว่าสิ่งที่ท่านคุยโ ม้โอ้อวดมาโดยตลอดว่า มาทางแล้วหรือคุมสถานการณ์ได้แล้วนั้นไม่เป็นความจริงครับ”นายองอาจ กล่าวและชี้ให้เห็นถึงการเสียชีวิตของผู้พิพากษาว่า เป็นบทพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดเจนว่ามีการดำเนินตามนโยบายที่ผิดพลาด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ 3 ข้อที่เห็นได้ชัดเจน คือ
1.รัฐบาลแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ผิดพลาดมาโดยตลอด
2.รัฐบาลไม่ยอมรับความจริงว่าความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นจากนโยบายและแนวทางแก้ไขปัญหาของรัฐบาลเอง
3.ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลมักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มากกว่าที่จะพยายามแก้ปัญหาให้เกิดความสงบที่แท้จริง เท่ากับว่ารัฐบาลไม่จริงใจต่อการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้
‘โฆษกพรรคปชป.’ระบุคนระดับ’รมต.’ไม่ควรออกมาพูดซ้ำเติมคนตายแต่ควรจะยอมรับความจริง แนะรัฐบาล ควรเร่งหาทางแก้ไขมากกว่า
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงสิ่งที่ร้ายที่สุดก็คือว่า การเสียชีวิตของผู้พิพากษาท่านี้ ได้สะท้อนแนวคิดและจุดยืนของรัฐบาลผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ออกมาพูดว่า “ เรื่องนี่ถือว่าเป็นความผิดพลาด ทำไมท่านต้องเดินทางคนเดียว ควรจะประสานกับทาง ตำรวจ ทหาร ท่านเป็นระดับวีไอพี.ต้องรู้จักระวังตัวเอง ถ้ารู้ว่าจะได้รับอันตราย ก็รู้จักเอา ตำรวจ ทหาร คุ้มกันด้วยไม่ใช่ไปเดี่ยวๆ ผมเคยบอกมาตลอด”( หมายเหตุ ; คำพูด รมว.กลาโหม ) ต่อคำพูดนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า คนระดับรัฐมนตรี ซึ่งดูแลงานทางด้านความมั่นคงของประเทศ คงจะทราบดีว่า ท่านผู้พิพากษาเสียชีวิตในช่วงเช้าวันนั้น ท่านไปส่งลูกไปโรงเรียน ท่านไม่ได้เดินทางเข้าไปในเพื้นที่เสี่ยงอันตรายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเป็นว่าเป็นกิจวัตรที่ต้องทำทุกวันอยู่แล้ว “ถ้าท่านผู้พิพากษาจะไปส่งลูกไปโรงเรียนแล้วก็ต้องไปแจ้งให้ท่านทราบ เพื่อเอาตำรวจ ทหาร มาคุ้มครอง ผมคิดว่า ประชาชนชาวไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด ควรจะแจ้งให้ท่านทราบแล้วก็ให้ท่านเอา ทหาร ตำรวจไปคุ้มครองเขาเหล่านั้นด้วย เมื่อเขาต้องส่งลูกไปโรงเรียนหรือไปทำกิจวัตรอื่นเป็นประจำ ผมไม่ทราบว่าท่านรัฐมนตรีได้พูดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ต่อกรณีการออกมาพูดของรัฐมนตรีนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ท่านเป็นถึงรัฐมนตรีไม่ทราบว่าท่านพูดออกมาได้อย่างไร ที่สำคัญที่สุดก็คือ ท่านรัฐมนตรีไม่ควรใช้คำพูดนี้ไปซ้ำเติมคนที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ ในทางตรงข้ามท่านควรจะยอมรับว่า การเสียชีวิตของท่านผู้พิพากษา เป็นความผิดพลาดของรัฐบาล ที่มีท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบมากกว่าที่จะออกมาซ้ำเติมคนตาย”รัฐบาลนี้ รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ควรจะติดแก้ไขปัญหามากกว่าที่จะคิดแก้ตัว ให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นพ้นตัวเองไปเฉพาะหน้าเท่านั้น ”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวและว่า การเสียชีวิตในครั้งนี้ของท่านผู้พิพากษา เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น หรือว่ารัฐบาลจะปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป หรือรัฐบาลจะรีบหามาตรการเข้ามาแก้ไขสิ่งเหล่านี้ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังเฝ้าจับตาดูอยู่
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น มองว่า ทางพรรคเองได้ให้ความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลมามากแล้ว แต่ว่ารัฐบาลไม่เคยเอาสิ่งเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเมื่อรัฐบาลบอกว่า เดินมาถูกทาง คุมสถานการณ์ได้แล้ว ทางพรรคเองก็ไม่เคยออกมาพูดอะไรให้กระทบกระเทือนการทำงานของรัฐบาล แต่ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เห็นว่า รัฐบาลเดินมาผิดทาง และรัฐบาลควรรีบที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
วันนี้ (19 ก.ย. 47)นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มีความรุนแรงมากขึ้นและล่าสุดทางพรรคประชาธิปัตย์ต้อง ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของนายรพินทร์ เรือนแก้ว ผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานี อย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น สาเหตุที่ต้องกล่าวว่า การจากไปของผู้พิพากษาครั้งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นก็เพราะว่า เป็นการจากไปที่รัฐบาลจะต้องยอมรับความจริง ว่าเป็นการจากไปที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในนโยบายการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลชุดนี้
”เป็นการจากไปเป็นการเสียชีวิตในขณะที่มี ตำรวจ ทหาร ครู มีพี่น้องประชาชนจำนวนมาก เสียชีวิตมาก่อนหน้านี้ตลอดระยะเวลาเกือบ1 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมต้นปีนี้ที่มีการเริ่มต้นด้วยการขโมยอาวุธ ปล้นอาวุธไปจากค่ายทหาร หลังจากที่ ตำรวจ ทหาร ครู และพี่น้องประชาชนถูกลอบฆ่าลอบทำร้ายมาจำนวนมากแล้ว ก็มาถึงคนระดับผู้พิพากษาซึ่งถูกฆ่าตาย”นายองอาจ กล่าวและถามว่า รัฐบาลจะให้คนกลุ่มไหนอีกที่ถูกฆ่าตายไปมากกว่านี้ ถึงจะยอมรับความจริงว่า รัฐบาลดำเนินนโยบายการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ผิดพลาดมาโดยตลอด หรือว่ารัฐบาลนี้ต้องการให้คนที่เป็นระดับรัฐมนตรีถูกฆ่าตายเสียก่อนใช่หรือไม่ รัฐบาลนี้ถึงจะยอมรับความจริงว่า การแก้ไขปัญหาความม่าสงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นได้ดำเนินการมาผิดพลาดมาโดยตลอด
‘องอาจ’แนะรัฐบาลเลิก’คุยโม้โอ้อวด’ใช้กรณีการตายของ’รพินทร์ ‘เป็นกระจกสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้น
นายองอาจ กล่าวขอร้องรัฐบาลว่า ให้รัฐบาลยุติการออกมาให้ข่าว ที่ว่าการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดมาถูกทางแล้ว สามารถคุมสถานการณ์ได้หมดแล้ว และควรจะเลิกพูดคำว่า ไม่มีปัญหาแล้วใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านผู้พิพากษา รพินทร์ เรือนแก้วนั้นเป็นบทพิสูจน์อย่างชัดเจน ว่าสิ่งที่รัฐบาลพูดมาโดยตลอดว่า มาถูกทางแล้ว หรือคุมสถานการณ์ได้แล้วนั้น ไม่เป็นความจริง รัฐบาลควรจะใช้การตายของผู้พิพากษาเป็นกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงของความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และก็นำความจริงที่เกิดขึ้นมาค้นหาแนวทางแก้ไข รัฐบาลควรเข้าไปแก้ไขต่อปัญหานี้ด้วยความจริงใจมากกว่าการไม่ยอมรับความจริง และก็ปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ลุกลามต่อไปเรื่อยๆ
“ให้เลิกคุยโม้โอ้อวด ได้แล้วว่า การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดมาถูกทางแล้ว เลิกโม้ได้แล้วว่าคุมสถานการณ์ได้หมดแล้ว และควรจะเลิกพูดคำว่า ไม่มีปัญหาแล้วใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านผู้พิพากษา รพินทร์ เรือนแก้วนั้นเป็นบทพิสูจน์อย่างชัดเจนครับ ว่าสิ่งที่ท่านคุยโ ม้โอ้อวดมาโดยตลอดว่า มาทางแล้วหรือคุมสถานการณ์ได้แล้วนั้นไม่เป็นความจริงครับ”นายองอาจ กล่าวและชี้ให้เห็นถึงการเสียชีวิตของผู้พิพากษาว่า เป็นบทพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดเจนว่ามีการดำเนินตามนโยบายที่ผิดพลาด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ 3 ข้อที่เห็นได้ชัดเจน คือ
1.รัฐบาลแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ผิดพลาดมาโดยตลอด
2.รัฐบาลไม่ยอมรับความจริงว่าความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นจากนโยบายและแนวทางแก้ไขปัญหาของรัฐบาลเอง
3.ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลมักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มากกว่าที่จะพยายามแก้ปัญหาให้เกิดความสงบที่แท้จริง เท่ากับว่ารัฐบาลไม่จริงใจต่อการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้
‘โฆษกพรรคปชป.’ระบุคนระดับ’รมต.’ไม่ควรออกมาพูดซ้ำเติมคนตายแต่ควรจะยอมรับความจริง แนะรัฐบาล ควรเร่งหาทางแก้ไขมากกว่า
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงสิ่งที่ร้ายที่สุดก็คือว่า การเสียชีวิตของผู้พิพากษาท่านี้ ได้สะท้อนแนวคิดและจุดยืนของรัฐบาลผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ออกมาพูดว่า “ เรื่องนี่ถือว่าเป็นความผิดพลาด ทำไมท่านต้องเดินทางคนเดียว ควรจะประสานกับทาง ตำรวจ ทหาร ท่านเป็นระดับวีไอพี.ต้องรู้จักระวังตัวเอง ถ้ารู้ว่าจะได้รับอันตราย ก็รู้จักเอา ตำรวจ ทหาร คุ้มกันด้วยไม่ใช่ไปเดี่ยวๆ ผมเคยบอกมาตลอด”( หมายเหตุ ; คำพูด รมว.กลาโหม ) ต่อคำพูดนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า คนระดับรัฐมนตรี ซึ่งดูแลงานทางด้านความมั่นคงของประเทศ คงจะทราบดีว่า ท่านผู้พิพากษาเสียชีวิตในช่วงเช้าวันนั้น ท่านไปส่งลูกไปโรงเรียน ท่านไม่ได้เดินทางเข้าไปในเพื้นที่เสี่ยงอันตรายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเป็นว่าเป็นกิจวัตรที่ต้องทำทุกวันอยู่แล้ว “ถ้าท่านผู้พิพากษาจะไปส่งลูกไปโรงเรียนแล้วก็ต้องไปแจ้งให้ท่านทราบ เพื่อเอาตำรวจ ทหาร มาคุ้มครอง ผมคิดว่า ประชาชนชาวไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด ควรจะแจ้งให้ท่านทราบแล้วก็ให้ท่านเอา ทหาร ตำรวจไปคุ้มครองเขาเหล่านั้นด้วย เมื่อเขาต้องส่งลูกไปโรงเรียนหรือไปทำกิจวัตรอื่นเป็นประจำ ผมไม่ทราบว่าท่านรัฐมนตรีได้พูดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ต่อกรณีการออกมาพูดของรัฐมนตรีนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ท่านเป็นถึงรัฐมนตรีไม่ทราบว่าท่านพูดออกมาได้อย่างไร ที่สำคัญที่สุดก็คือ ท่านรัฐมนตรีไม่ควรใช้คำพูดนี้ไปซ้ำเติมคนที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ ในทางตรงข้ามท่านควรจะยอมรับว่า การเสียชีวิตของท่านผู้พิพากษา เป็นความผิดพลาดของรัฐบาล ที่มีท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ควรจะออกมาแสดงความรับผิดชอบมากกว่าที่จะออกมาซ้ำเติมคนตาย”รัฐบาลนี้ รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ควรจะติดแก้ไขปัญหามากกว่าที่จะคิดแก้ตัว ให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นพ้นตัวเองไปเฉพาะหน้าเท่านั้น ”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวและว่า การเสียชีวิตในครั้งนี้ของท่านผู้พิพากษา เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น หรือว่ารัฐบาลจะปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป หรือรัฐบาลจะรีบหามาตรการเข้ามาแก้ไขสิ่งเหล่านี้ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังเฝ้าจับตาดูอยู่
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น มองว่า ทางพรรคเองได้ให้ความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลมามากแล้ว แต่ว่ารัฐบาลไม่เคยเอาสิ่งเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเมื่อรัฐบาลบอกว่า เดินมาถูกทาง คุมสถานการณ์ได้แล้ว ทางพรรคเองก็ไม่เคยออกมาพูดอะไรให้กระทบกระเทือนการทำงานของรัฐบาล แต่ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เห็นว่า รัฐบาลเดินมาผิดทาง และรัฐบาลควรรีบที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-