นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง กล่าวถึงกรณีที่เลขาธิการพรรคไทยรักไทยได้ออกมาแถลงข่าวว่ารัฐบาลได้ปราบปรามเรื่องการทุจริตมาตลอดแต่ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์นั้นว่า เรื่องนี้ขัดกับความเป็นจริง เพราะมีประเด็นที่น่าสงสัยก็คือ ทำไมรัฐบาลถึงปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้นมากมายในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา และเพิ่งคิดจะมาแก้ปัญหาเรื่องการทุจริตในระยะ 3 เดือน ก่อนจะครบวาระ
ส.ส.พัทลุง กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลปล่อยให้มีการทุจริตมากมายเกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา และเมื่อจะครบวาระของรัฐบาล รัฐบาลก็ลุกขึ้นมาประกาศทำสงครามกับยาเสพติดนั้นเป็นที่น่าสงสัยว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาลมีผลประโยชน์กับการทุจริตหรือไม่ ถ้ารัฐบาลไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องของการทุจริต รัฐบาลก็น่าจะประกาศทำสงครามกับยาเสพติดควบคู่ไปกับการประกาศทำสงครามเรื่องความยากจน
“ประเด็นเรื่องการปราบปรามการทุจริตที่รัฐบาลบอกว่าทำมาตลอดนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่า 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลปล่อยให้มีการทุจริตมากขึ้น โดยไม่ทำการแก้ไขก็น่าสงสัยว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือวางเฉยต่อการทุจริตเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาลหรือไม่ และการปราบปรามการทุจริตในรอบ 3 เดือนก่อนจะครบวาระนั้นคิดว่ามันน้อยมากและจะไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะการจะปราบปรามการทุจริตในรอบ 3 เดือนข้างหน้าก่อนครบวาระรัฐบาลนั้นไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จแน่นอน แต่ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลปล่อยให้การทุจริตมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น จนเป็นเนื้อร้ายของระบบสังคมไทย ยากที่จะมีการแก้ไขได้” นายนิพิฏฐ์ กล่าวและว่า
การทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ฝ่ายค้านได้ออกมาให้ข้อมูลอยู่ตลอดเวลาว่า การทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมินั้นมีอย่างต่อเนื่องและมีอย่างมากมาย จนกระทั่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้มีมติให้ดำเนินคดีกับบอร์ดการท่าอากาศยานแห่งใหม่ และได้ส่งเรื่องนี้ไปยังปปช. ให้ดำเนินคดีกับบอร์ดและส่งเรื่องนี้ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้ดำเนินการทางวินัยกับบอร์ดทั้งชุดของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อ 1 ปีเศษที่ผ่านมา
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ใน 1 ปีเศษที่ผ่านมาที่สตง. ได้ชี้มูลว่ามีการทุจริตและให้ดำเนินคดีกับบอร์ดนั้น รมต.คมนาคม ไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใดกลับเฉยต่อคำชี้ขาดของสตง. แสดงว่า รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่ามีการทุจริตแต่เพิกเฉย แสดงว่ารัฐบาลอาจจะมีส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับการทุจริตอยู่ แต่เราไม่สามารถจะกล่าวหารัฐบาลรับผลประโยชน์กับการทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิได้ แต่ข้อเท็จจริงก็คือ มีการทุจริตแน่นอน และรัฐบาลไม่ได้ปราบปรามการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
ส.ส.พัทลุง กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลปล่อยให้มีการทุจริตมากมายเกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา และเมื่อจะครบวาระของรัฐบาล รัฐบาลก็ลุกขึ้นมาประกาศทำสงครามกับยาเสพติดนั้นเป็นที่น่าสงสัยว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาลมีผลประโยชน์กับการทุจริตหรือไม่ ถ้ารัฐบาลไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องของการทุจริต รัฐบาลก็น่าจะประกาศทำสงครามกับยาเสพติดควบคู่ไปกับการประกาศทำสงครามเรื่องความยากจน
“ประเด็นเรื่องการปราบปรามการทุจริตที่รัฐบาลบอกว่าทำมาตลอดนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่า 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลปล่อยให้มีการทุจริตมากขึ้น โดยไม่ทำการแก้ไขก็น่าสงสัยว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือวางเฉยต่อการทุจริตเพื่อผลประโยชน์ของรัฐบาลหรือไม่ และการปราบปรามการทุจริตในรอบ 3 เดือนก่อนจะครบวาระนั้นคิดว่ามันน้อยมากและจะไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะการจะปราบปรามการทุจริตในรอบ 3 เดือนข้างหน้าก่อนครบวาระรัฐบาลนั้นไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จแน่นอน แต่ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลปล่อยให้การทุจริตมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น จนเป็นเนื้อร้ายของระบบสังคมไทย ยากที่จะมีการแก้ไขได้” นายนิพิฏฐ์ กล่าวและว่า
การทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ฝ่ายค้านได้ออกมาให้ข้อมูลอยู่ตลอดเวลาว่า การทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมินั้นมีอย่างต่อเนื่องและมีอย่างมากมาย จนกระทั่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้มีมติให้ดำเนินคดีกับบอร์ดการท่าอากาศยานแห่งใหม่ และได้ส่งเรื่องนี้ไปยังปปช. ให้ดำเนินคดีกับบอร์ดและส่งเรื่องนี้ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้ดำเนินการทางวินัยกับบอร์ดทั้งชุดของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อ 1 ปีเศษที่ผ่านมา
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ใน 1 ปีเศษที่ผ่านมาที่สตง. ได้ชี้มูลว่ามีการทุจริตและให้ดำเนินคดีกับบอร์ดนั้น รมต.คมนาคม ไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใดกลับเฉยต่อคำชี้ขาดของสตง. แสดงว่า รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่ามีการทุจริตแต่เพิกเฉย แสดงว่ารัฐบาลอาจจะมีส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับการทุจริตอยู่ แต่เราไม่สามารถจะกล่าวหารัฐบาลรับผลประโยชน์กับการทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิได้ แต่ข้อเท็จจริงก็คือ มีการทุจริตแน่นอน และรัฐบาลไม่ได้ปราบปรามการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-