สรุปสถานการณ์ส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้างประจำเดือน ส.ค.47(ม.ค.-ส.ค.2547)

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 21, 2004 10:49 —กรมส่งเสริมการส่งออก

          การส่งออกวัสดุก่อสร้างในเดือนสิงหาคมมีมูลค่าการส่งออก 379.51 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปี 2547   ร้อยละ 11.62 คาดว่าการส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้างในเดือนกันยายน 2547 มีแนวโน้มชลอตัวลงเล็กน้อยโดยมีมูลค่า  353.02 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภาพรวมการส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้าง
การส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้างระยะ 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) 2547 มีมูลค่าการส่งออก 2,432.40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว ร้อยละ 33.89 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546
มูลค่าการส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้างโดยรวมเพิ่มขึ้นเนื่องจากประเทศแถบเอเชียได้แก่ จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดสำคัญมีการขยายตัวทางอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องมีการนำเข้าสินค้าเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และโพล์ต-กลาสและแก้วเพิ่มขึ้น ส่วนตลาดสำคัญอย่างจีนมีแนวโน้มชลอตัวเนื่องจากนโยบายการชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนส่งผลให้การนำเข้าผลิตภัณฑ์และสินค้าทุนลดลง
สำหรับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ผู้ผลิตรายใหญ่มีแนวโน้มลดปริมาณ การส่งออกลง สืบเนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชนกว่าร้อยละ 75 ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมานั้นส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและการ ขนส่งเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 65 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546
เป้าหมายการส่งออกปี 2547 :
มูลค่า 3,030 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2546
เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์
การส่งออกเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ในเดือนสิงหาคมมีมูลค่าการส่งออก 256.27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2547 ร้อยละ 19.65 คาดว่าการส่งออกเหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ในเดือนกันยายน มีมูลค่า 237.36 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภาพรวมการส่งออก เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์
การส่งออกเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ระยะ 8 เดือนแรก(ม.ค.-ส.ค.) ปี 2547 มีมูลค่าการส่งออก 1,571.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.92 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546
คาดว่าการส่งออกในไตรมาสที่สามจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนในการผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กเพื่อการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับภาวะความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงที่ ผ่านมาเมื่อในช่วงไตรมาส 2 และ 3 เพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย 44.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสแรกอยู่ที่ระดับราคา 38 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
เป้าหมายการส่งออกปี 2547 :
มูลค่า 2,028 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2546
ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม
การส่งออกผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมในเดือนสิงหาคมมีมูลค่าการส่งออก 46.01 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดือนกรกฎาคมปี 2547 ร้อยละ 0.32 คาดว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมในเดือนกันยายนจะมี มูลค่า 44.71 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภาพรวมการส่งออก ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม
การส่งออกผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมระยะ 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ปี 2547 มีมูลค่าการส่งออก 321.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.71 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546
คาดการณ์ว่าการส่งออกไตรมาสที่สามจะเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับ สินค้าเหล็ก โดยเฉพาะตลาดแถบเอเชียได้แก่ มาเลเซีย ญี่ปุ่น ฮ่องกงและเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นตลาดสำคัญและมีการขยายตัวของ อุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายการส่งออกปี 2547 :
มูลค่า406 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2546
ปูนซีเมนต์
การส่งออกปูนซีเมนต์ในเดือนสิงหาคมมีมูลค่าการส่งออก 36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปี 2547 ร้อยละ 39.32 คาดว่าการส่งออกปูนซีเมนต์ในเดือนกันยายนมีมูลค่า 33.66 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภาพรวมการส่งออกปูนซีเมนต์
การส่งออกปูนซีเมนต์ระยะ 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ปี 2547 มีมูลค่าการส่งออก 214.58 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546
เป้าหมายการส่งออกปี 2547 :
มูลค่า 318 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปี 2546 (ประมาณ 10 ล้านเมตริกตัน)
โพล์ตกลาสและแก้วที่ขัดผิว
การส่งออกโพล์ตกลาสและแก้วที่ขัดผิว ในเดือนสิงหาคมมีมูลค่า การส่งออก 12.23 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.52 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมปี 2547 คาดว่าการส่งออกโพล์ตกลาสและแก้วที่ ขัดผิวในเดือนกันยายนมีมูลค่า 12.93 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภาพรวมการส่งออกโพล์ตกลาสและแก้วที่ขัดผิว
การส่งออกโพล์ตกลาสและแก้วที่ขัดผิวระยะ 8 เดือนแรก (ม.ค.- ส.ค.) ปี 2547 มีมูลค่าการส่งออก 91.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.27 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546
เป้าหมายการส่งออกปี 2547 :
มูลค่า 117 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปี 2546
ที่มา: http://www.depthai.go.th
-อบ-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ