นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในกรณีที่รัฐมนตรีบางท่านนำข้อมูลการประชุมคณะรัฐมนตรีวาระพิเศษเมื่อวันที่ 17 กันยายน 47 ออกมาเปิดเผย โดยกล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกำลังบานปลายไปถึงการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ซึ่งมีรัฐมนตรีบางท่านถึงกับสั่งให้เช็คการใช้โทรศัพท์ของผู้สื่อข่าวกับแหล่งข่าว ในช่วงหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น เพื่อที่จะตรวจสอบว่าข่าวมาจากแหล่งข่าวใด ซึ่งคิดว่าวิธีนี้เป็นการใช้อำนาจรัฐขมขู่ คุกคาม และจำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้สื่อข่าว
‘รัฐมนตรีไม่ควรนำอำนาจมาใช้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลของผู้สื่อข่าวที่พึ่งกระทำได้ หากรัฐบาลยังดำเนินการเช่นนี้ จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐบาล ควรจะยุติการกระทำใดๆที่จะไปคุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้สื่อข่าวในเรื่องเหล่านี้’นายองอาจ กล่าว
สำหรับกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ออกมาระบุว่า รัฐมนตรีที่นำคำพูดของนายกฯในการประชุมครั้งนี้ ออกมาเปิดเผยเป็นผู้ขาดจิตสำนึก เพราะเป็นการประชุมกันภายใน โฆษกพรรคปชป. กล่าวว่า รัฐมนตรีที่ออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวคงทนไม่ได้ ที่เห็นว่ามีการพูดจากันแต่ในที่ประชุม ดังนั้นตนเชื่อว่า รัฐมนตรีดังกล่าวแทนที่จะขาดจิตสำนึก แต่ท่านมีจิตสำนึกมากกว่ารัฐมนตรีหลายท่านในรัฐบาลชุดนี้ที่ปกปิดการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยการอ้างชื่อของนายกรัฐมนตรีเพื่อเรียกร้องเงินทองจากนักธุรกิจ
‘วันนี้ท่านรองนายกฯ ต้องการปกปิดแต่คงทำไม่ได้ เพราะถ้าถามนักธุรกิจที่ทำงานเกี่ยวข้องกับราชการ จะตอบเป็นเสียงเดียวว่า การเรียกร้องค่าหัวคิว เปอร์เซ็นจากการประมูลงานโดยอ้างชื่อท่านนายกฯ และครอบครัวนั้นมีอยู่ทุกที่ ทำให้เห็นชัดถึงจิตสำนึกของคนในรัฐบาลชุดนี้ มากกว่าจะไปประณามจิตสำนึกของรัฐมนตรีที่นำเรื่องดังกล่าวมาบอกผู้สื่อข่าว’ โฆษกพรรคปชป. กล่าว
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายวิษณุออกมาพูดเช่นนี้ถือเป็นการปัดสวะให้พ้นตัว และยังกล่าวหานักข่าวว่าแปลความผิด ซึ่งเป็นการขว้างบูมเมอแรงที่สุดท้ายจะกลับเข้ามาหาตัวเอง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง จึงเป็นการไม่ถูกต้องที่นายวิษณุพูดถึงเรื่องนี้โดยเน้นเรื่องมารยาท แทนที่จะยกย่องว่ารัฐมนตรีคนดังกล่าวรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะฉะนั้นนโยบายการปราบปรามการทุจริตคอร์ชั่นของรัฐบาลก็เปรียบเสมือนความหวังล้มๆแล้งๆของประชาชนเท่านั้น ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องว่านายกฯไม่ต้องประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณชนก็ได้ แต่สิ่งที่ต้องทำเร็วที่สุด คือ การทำสงครามกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งหมายความว่าต้องมีการสูญเสีย ต้องกล้าตัดสินใจที่จะลงโทษผู้กระทำผิด ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดที่แล้วก็มีการทุจริตนั้น หากรัฐบาลชุดนี้มีข้อมูลการทุจริตของรัฐบาลชุดที่แล้วจริงและยังอยู่ในอายุความ ก็ขอให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย และอย่าโยนความผิดให้กับผู้สื่อข่าว
‘ถ้ารัฐบาลมีข้อมูลในการทุจริตของรัฐบาลชุดที่แล้ว ขอท้าให้ท่านดำเนินการตามกฎหมายกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งยังอยู่ในอายุความตามกฎหมาย และก็ขออย่าให้โยนความผิด แต่วันนี้มีสิ่งที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆคือ การใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปเอื้อผลประโยชน์ทางการเมือง โดยมีสื่อมวลชนได้เสนอหนังสือจากผู้สมัครของพรรคการเมืองหนึ่งแจ้งว่า มีการร่วมมือกันระหว่างข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขวางแผนหาเสียงให้กับพรรคการเมืองพรรคนั้น โดยขอให้มีการโยกย้ายสาธารณสุขจังหวัดไปช่วยในการเลือกตั้ง แสดงให้เห็นว่าพรรคนี้มีการทุจริตโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปช่วยเหลือในการเพิ่มคะแนนเลือกตั้งให้กับพรรคดังกล่าว’ นายสาธิต กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ รัฐบาลต้องตรวจสอบการปั่นหุ้นที่นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานกรรมการบริหารบริษัทเครือโอเรียลเตล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษออกมาระบุด้วย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงสั่งก.ล.ต.มาให้ข้อมูลคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ และคณะกรรมาธิการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในวันที่ 22 ก.ย.นี้ คณะกรรมาธิการฯทั้งสองชุดจะพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งหาก ก.ล.ต.ให้ข้อมูลเหล่านี้ ก็จะรู้ว่ามีบริษัทใดเกี่ยวข้องการซื้อขายหุ้น รวมถึงกรณีที่รัฐบาลไทยปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศพม่า และเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทโทรคมนาคมของครอบครัวนายกฯ แต่ถ้ารัฐบาลช่วยคนใกล้ชิดและโยนความผิดให้กับผู้อื่นการประกาศสงครามกับการทุจริตก็ไร้ผล
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
‘รัฐมนตรีไม่ควรนำอำนาจมาใช้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลของผู้สื่อข่าวที่พึ่งกระทำได้ หากรัฐบาลยังดำเนินการเช่นนี้ จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐบาล ควรจะยุติการกระทำใดๆที่จะไปคุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้สื่อข่าวในเรื่องเหล่านี้’นายองอาจ กล่าว
สำหรับกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ออกมาระบุว่า รัฐมนตรีที่นำคำพูดของนายกฯในการประชุมครั้งนี้ ออกมาเปิดเผยเป็นผู้ขาดจิตสำนึก เพราะเป็นการประชุมกันภายใน โฆษกพรรคปชป. กล่าวว่า รัฐมนตรีที่ออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวคงทนไม่ได้ ที่เห็นว่ามีการพูดจากันแต่ในที่ประชุม ดังนั้นตนเชื่อว่า รัฐมนตรีดังกล่าวแทนที่จะขาดจิตสำนึก แต่ท่านมีจิตสำนึกมากกว่ารัฐมนตรีหลายท่านในรัฐบาลชุดนี้ที่ปกปิดการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยการอ้างชื่อของนายกรัฐมนตรีเพื่อเรียกร้องเงินทองจากนักธุรกิจ
‘วันนี้ท่านรองนายกฯ ต้องการปกปิดแต่คงทำไม่ได้ เพราะถ้าถามนักธุรกิจที่ทำงานเกี่ยวข้องกับราชการ จะตอบเป็นเสียงเดียวว่า การเรียกร้องค่าหัวคิว เปอร์เซ็นจากการประมูลงานโดยอ้างชื่อท่านนายกฯ และครอบครัวนั้นมีอยู่ทุกที่ ทำให้เห็นชัดถึงจิตสำนึกของคนในรัฐบาลชุดนี้ มากกว่าจะไปประณามจิตสำนึกของรัฐมนตรีที่นำเรื่องดังกล่าวมาบอกผู้สื่อข่าว’ โฆษกพรรคปชป. กล่าว
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายวิษณุออกมาพูดเช่นนี้ถือเป็นการปัดสวะให้พ้นตัว และยังกล่าวหานักข่าวว่าแปลความผิด ซึ่งเป็นการขว้างบูมเมอแรงที่สุดท้ายจะกลับเข้ามาหาตัวเอง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง จึงเป็นการไม่ถูกต้องที่นายวิษณุพูดถึงเรื่องนี้โดยเน้นเรื่องมารยาท แทนที่จะยกย่องว่ารัฐมนตรีคนดังกล่าวรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะฉะนั้นนโยบายการปราบปรามการทุจริตคอร์ชั่นของรัฐบาลก็เปรียบเสมือนความหวังล้มๆแล้งๆของประชาชนเท่านั้น ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องว่านายกฯไม่ต้องประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณชนก็ได้ แต่สิ่งที่ต้องทำเร็วที่สุด คือ การทำสงครามกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งหมายความว่าต้องมีการสูญเสีย ต้องกล้าตัดสินใจที่จะลงโทษผู้กระทำผิด ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดที่แล้วก็มีการทุจริตนั้น หากรัฐบาลชุดนี้มีข้อมูลการทุจริตของรัฐบาลชุดที่แล้วจริงและยังอยู่ในอายุความ ก็ขอให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย และอย่าโยนความผิดให้กับผู้สื่อข่าว
‘ถ้ารัฐบาลมีข้อมูลในการทุจริตของรัฐบาลชุดที่แล้ว ขอท้าให้ท่านดำเนินการตามกฎหมายกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งยังอยู่ในอายุความตามกฎหมาย และก็ขออย่าให้โยนความผิด แต่วันนี้มีสิ่งที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆคือ การใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปเอื้อผลประโยชน์ทางการเมือง โดยมีสื่อมวลชนได้เสนอหนังสือจากผู้สมัครของพรรคการเมืองหนึ่งแจ้งว่า มีการร่วมมือกันระหว่างข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขวางแผนหาเสียงให้กับพรรคการเมืองพรรคนั้น โดยขอให้มีการโยกย้ายสาธารณสุขจังหวัดไปช่วยในการเลือกตั้ง แสดงให้เห็นว่าพรรคนี้มีการทุจริตโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปช่วยเหลือในการเพิ่มคะแนนเลือกตั้งให้กับพรรคดังกล่าว’ นายสาธิต กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ รัฐบาลต้องตรวจสอบการปั่นหุ้นที่นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานกรรมการบริหารบริษัทเครือโอเรียลเตล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษออกมาระบุด้วย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงสั่งก.ล.ต.มาให้ข้อมูลคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ และคณะกรรมาธิการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในวันที่ 22 ก.ย.นี้ คณะกรรมาธิการฯทั้งสองชุดจะพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งหาก ก.ล.ต.ให้ข้อมูลเหล่านี้ ก็จะรู้ว่ามีบริษัทใดเกี่ยวข้องการซื้อขายหุ้น รวมถึงกรณีที่รัฐบาลไทยปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศพม่า และเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทโทรคมนาคมของครอบครัวนายกฯ แต่ถ้ารัฐบาลช่วยคนใกล้ชิดและโยนความผิดให้กับผู้อื่นการประกาศสงครามกับการทุจริตก็ไร้ผล
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-