‘วิรัตน์ กัลยาศิริ’ กระทู้ถามสด ถึงเหตุการณ์ยิงข้าราชการระดับสูง ‘ย้ำ’เหตุรัฐบาลประกาศนโยบายตอบโต้กลุ่มผู้ก่อการร้าย ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ หรือ ‘มึงบ้ามา กูบ้าไป’ ต้นตอของความรุนแรง
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีถึงเหตุการณ์ยิงข้าราชการระดับสูงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เหตุผลที่ตนต้องยื่นกระทู้ถามสดในครั้งนี้ เนื่องจากนายกฯได้เคยประกาศว่าปัจจุบันสถานการณ์ในภาคใต้สงบแล้ว ซึ่งขัดกับความจริง เพราะผู้ก่อการร้ายและขบวนการแบ่งแยกดินแดนยังคงก่อความไม่สงบไม่เว้นในแต่ละวัน ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงและความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ‘แค่อาทิตย์ที่ผ่านมา มีการยิงผู้พิพากษาศาล จ.ปัตตานี กลางตลาด ในเวลากลางวัน ซึ่งคนร้ายจะได้ผลตอบแทนคือ หากยิงครบ 3 ศพเมื่อไร จะได้ไปทัวร์หรือเรียนต่อต่างประเทศ’ นายวิรัตน์กล่าว และว่า นอกจากยิงผู้พิพากษาแล้ว ป้อมตำรวจกลางสี่แยก อ.เบตงยังถูกวางระเบิด นอกจากนี้ได้มีกลุ่มวัยรุ่นออกถ่ายภาพบ้านพักข้าราชการ และตำรวจ ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ สร้างความหวาดผวาให้แก่ข้าราชการเป็นอย่างมาก ‘ผู้ว่าฯนราธิวาส ต้องขอกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบ เพื่อลาดตระเวนตามบ้านพักของข้าราชการ นายอำเภอใน จ.ยะลาต้องหาเสื้อเกราะมาใส่ คิดดูว่าชาวบ้านที่ไม่มีอะไรเลยจะอันตรายขนาดไหน’ นายวิรัตน์กล่าว
นายวิรัตน์กล่าวต่อ ว่าสิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ สื่อในประเทศไทยไม่มีการเสนอข่าวนี้ แต่กลับไปเผยแพร่ในสื่อต่างประเทศ ที่ให้ข่าวชัดเจนว่าทหารในระดับสูงของประเทศไทยยืนยันว่ามีการเพิ่มทหารอีกประมาณ 4,200 คน ลงในพื้นที่ ทำให้ขณะนี้มีทหารกว่า 10,000 คน ดังนั้นการที่รัฐบาลบอกว่ามีกำลังทหารในพื้นที่เพียงนิดหน่อย จึงเป็นการปิดบังความจริงมาโดยตลอด ‘นี่หรือเหตุการณ์ที่นายกฯประกาศมาตลอดว่า เหตุการณ์สงบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว’ นายวิรัตน์กล่าว และว่า ขณะนี้ตำรวจไม่กล้าแต่งเครื่องแบบ แต่กลุ่มผู้ก่อการร้าย กลับแต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก และขณะนี้ถึงขนาดมีการขออนุญาตไม่ใช้รถที่มีตราของทางราชการ เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย และตั้งแต่ 4 ม.ค. 47 จนถึงปัจจุบัน มีเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชน เสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่า 300 คน แสดงว่ามีการฆ่ากันวันละ 1 — 2 คนทุกวัน ดังนั้นรัฐบาลจะสร้างความมั่นใจและให้ความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา ได้หรือไม่ว่าเหตุการณ์ร้ายจะไม่เกิดขึ้นอีก
นายวิรัตน์กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อรัฐบาลที่แล้ว เหตุการณ์ความไม่สงบลดลงจาก 70 ครั้ง เหลือเพียง 7 ครั้ง แต่เมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันประกาศนโยบายตอบโต้กลุ่มผู้ก่อการร้าย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายตาต่อตา ฟันต่อฟัน หรือมึงบ้ามา กูบ้าไป เป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีคนตายกว่า 300 คน รัฐบาลจะชดใช้ให้กับญาติผู้เสียชีวิต อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลได้อย่างไร ส่วนที่นายกฯให้สัมภาษณ์ย้ำว่าต้องมีการปิดล้อมล่าผู้ก่อการร้ายให้ได้ พวกเลวร้ายอย่ารื่นเริง ถึงจุดต้องใช้มาตรการเด็ดขาดแล้ว นายวิรัตน์กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าวของนายกฯ และแม้แต่คนในรัฐบาลเองก็ไม่เห็นด้วย จึงอยากทราบว่ารัฐบาลจะนำแนวความคิดสานสันติภาพมาใช้เมื่อไหร่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีถึงเหตุการณ์ยิงข้าราชการระดับสูงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เหตุผลที่ตนต้องยื่นกระทู้ถามสดในครั้งนี้ เนื่องจากนายกฯได้เคยประกาศว่าปัจจุบันสถานการณ์ในภาคใต้สงบแล้ว ซึ่งขัดกับความจริง เพราะผู้ก่อการร้ายและขบวนการแบ่งแยกดินแดนยังคงก่อความไม่สงบไม่เว้นในแต่ละวัน ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงและความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ‘แค่อาทิตย์ที่ผ่านมา มีการยิงผู้พิพากษาศาล จ.ปัตตานี กลางตลาด ในเวลากลางวัน ซึ่งคนร้ายจะได้ผลตอบแทนคือ หากยิงครบ 3 ศพเมื่อไร จะได้ไปทัวร์หรือเรียนต่อต่างประเทศ’ นายวิรัตน์กล่าว และว่า นอกจากยิงผู้พิพากษาแล้ว ป้อมตำรวจกลางสี่แยก อ.เบตงยังถูกวางระเบิด นอกจากนี้ได้มีกลุ่มวัยรุ่นออกถ่ายภาพบ้านพักข้าราชการ และตำรวจ ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ สร้างความหวาดผวาให้แก่ข้าราชการเป็นอย่างมาก ‘ผู้ว่าฯนราธิวาส ต้องขอกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบ เพื่อลาดตระเวนตามบ้านพักของข้าราชการ นายอำเภอใน จ.ยะลาต้องหาเสื้อเกราะมาใส่ คิดดูว่าชาวบ้านที่ไม่มีอะไรเลยจะอันตรายขนาดไหน’ นายวิรัตน์กล่าว
นายวิรัตน์กล่าวต่อ ว่าสิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ สื่อในประเทศไทยไม่มีการเสนอข่าวนี้ แต่กลับไปเผยแพร่ในสื่อต่างประเทศ ที่ให้ข่าวชัดเจนว่าทหารในระดับสูงของประเทศไทยยืนยันว่ามีการเพิ่มทหารอีกประมาณ 4,200 คน ลงในพื้นที่ ทำให้ขณะนี้มีทหารกว่า 10,000 คน ดังนั้นการที่รัฐบาลบอกว่ามีกำลังทหารในพื้นที่เพียงนิดหน่อย จึงเป็นการปิดบังความจริงมาโดยตลอด ‘นี่หรือเหตุการณ์ที่นายกฯประกาศมาตลอดว่า เหตุการณ์สงบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว’ นายวิรัตน์กล่าว และว่า ขณะนี้ตำรวจไม่กล้าแต่งเครื่องแบบ แต่กลุ่มผู้ก่อการร้าย กลับแต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก และขณะนี้ถึงขนาดมีการขออนุญาตไม่ใช้รถที่มีตราของทางราชการ เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย และตั้งแต่ 4 ม.ค. 47 จนถึงปัจจุบัน มีเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชน เสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่า 300 คน แสดงว่ามีการฆ่ากันวันละ 1 — 2 คนทุกวัน ดังนั้นรัฐบาลจะสร้างความมั่นใจและให้ความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา ได้หรือไม่ว่าเหตุการณ์ร้ายจะไม่เกิดขึ้นอีก
นายวิรัตน์กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อรัฐบาลที่แล้ว เหตุการณ์ความไม่สงบลดลงจาก 70 ครั้ง เหลือเพียง 7 ครั้ง แต่เมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันประกาศนโยบายตอบโต้กลุ่มผู้ก่อการร้าย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายตาต่อตา ฟันต่อฟัน หรือมึงบ้ามา กูบ้าไป เป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีคนตายกว่า 300 คน รัฐบาลจะชดใช้ให้กับญาติผู้เสียชีวิต อันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลได้อย่างไร ส่วนที่นายกฯให้สัมภาษณ์ย้ำว่าต้องมีการปิดล้อมล่าผู้ก่อการร้ายให้ได้ พวกเลวร้ายอย่ารื่นเริง ถึงจุดต้องใช้มาตรการเด็ดขาดแล้ว นายวิรัตน์กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าวของนายกฯ และแม้แต่คนในรัฐบาลเองก็ไม่เห็นด้วย จึงอยากทราบว่ารัฐบาลจะนำแนวความคิดสานสันติภาพมาใช้เมื่อไหร่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-