จากการที่พรรคไทยรักไทยออกมากล่าวว่า นโยบาย 201 เสียงเพื่อตรวจสอบรัฐบาล ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นเพียงเกมการเมืองเท่านั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง กทม. และผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ประชาธิปัตย์บอกกับประชาชนว่า เลือกประชาธิปัตย์ให้ถึง 201 เสียง ไม่ได้เป็นเพียงการหาเสียงเพื่อขอคะแนนสงสารจากประชาชน แต่ตั้งใจอยากจะสื่อให้เห็นว่า ตัวเลขนี้สำคัญยิ่ง สามารถกำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองได้ในอนาคต ไม่ให้ตกอยู่ภายใต้การรวบอำนาจของนายกฯเพียงคนเดียว
“รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 มาตรา 185 ได้กำหนดให้ ส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่าสองในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ดังนั้น หากประชาธิปัตย์ได้ 201 เสียงหรือมากกว่า ย่อมสามารถตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรีได้ ทำให้นายกฯ ต้องให้คำตอบ ให้คำอธิบาย ถึงเหตุผลในการบริหารประเทศ เป็นการถ่วงดุลอำนาจซึ่งอาจทำให้นายกฯเกิดความตระหนัก ไม่กล้าใช้อำนาจจนเกินขอบเขตหรือล่อแหลมต่อการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญได้บ้าง เพราะต้องรับผิดชอบต่อระบบรัฐสภาและประชาชนในการบริหารประเทศ นอกจากนี้ยังทำให้ประชาชนได้รับทราบความจริงในอีกมุมหนึ่งว่า นายกฯทำงานโปร่งใส มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีความผิดพลาดในการบริหารเกิดขึ้นหรือไม่ นอกเหนือจากฟังการถ่ายทอดผลงานเฉพาะด้านดี ๆ ผ่านสื่อต่าง ๆ เท่านั้น” นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า หากพรรคฝ่ายค้านไม่สามารถทำหน้าที่ตรวจสอบได้ เพราะได้เสียงไม่ถึง 201 เสียง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ใน 4 ปีข้างหน้า ประชาชนจะเห็นการบริหารประเทศแบบผูกขาด หรือเผด็จการในระบบรัฐสภาที่เด่นชัดขึ้น และเห็นการแผ่ขยายอิทธิพลทางการเมืองในวงกว้างขึ้น ตั้งแต่การผูกขาดการเมืองระดับชาติ การครอบงำองค์กรอิสระ การครอบงำและยึดโยงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การกำกับควบคุมกลไกตรวจสอบในสภา และการครอบงำควบคุมสื่อสารมวลชนทั้งระบบ พูดง่าย ๆ ก็คือ รัฐบาลใช้อำนาจได้อย่างสมบูรณ์แบบนั่นเอง
“ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนทุกคนเห็นความสำคัญ หากประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียง 201 เสียงหรือมากกว่า แน่นอนว่า ผลประโยชน์ย่อมตกแก่พี่น้องประชาชนมากกว่าตกอยู่กับพรรครัฐบาลพรรคเดียวที่อ้างตนเองว่ามีเสถียรภาพ” นายเกรียงศักดิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
“รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 มาตรา 185 ได้กำหนดให้ ส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่าสองในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ดังนั้น หากประชาธิปัตย์ได้ 201 เสียงหรือมากกว่า ย่อมสามารถตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรีได้ ทำให้นายกฯ ต้องให้คำตอบ ให้คำอธิบาย ถึงเหตุผลในการบริหารประเทศ เป็นการถ่วงดุลอำนาจซึ่งอาจทำให้นายกฯเกิดความตระหนัก ไม่กล้าใช้อำนาจจนเกินขอบเขตหรือล่อแหลมต่อการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญได้บ้าง เพราะต้องรับผิดชอบต่อระบบรัฐสภาและประชาชนในการบริหารประเทศ นอกจากนี้ยังทำให้ประชาชนได้รับทราบความจริงในอีกมุมหนึ่งว่า นายกฯทำงานโปร่งใส มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีความผิดพลาดในการบริหารเกิดขึ้นหรือไม่ นอกเหนือจากฟังการถ่ายทอดผลงานเฉพาะด้านดี ๆ ผ่านสื่อต่าง ๆ เท่านั้น” นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า หากพรรคฝ่ายค้านไม่สามารถทำหน้าที่ตรวจสอบได้ เพราะได้เสียงไม่ถึง 201 เสียง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ใน 4 ปีข้างหน้า ประชาชนจะเห็นการบริหารประเทศแบบผูกขาด หรือเผด็จการในระบบรัฐสภาที่เด่นชัดขึ้น และเห็นการแผ่ขยายอิทธิพลทางการเมืองในวงกว้างขึ้น ตั้งแต่การผูกขาดการเมืองระดับชาติ การครอบงำองค์กรอิสระ การครอบงำและยึดโยงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การกำกับควบคุมกลไกตรวจสอบในสภา และการครอบงำควบคุมสื่อสารมวลชนทั้งระบบ พูดง่าย ๆ ก็คือ รัฐบาลใช้อำนาจได้อย่างสมบูรณ์แบบนั่นเอง
“ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนทุกคนเห็นความสำคัญ หากประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียง 201 เสียงหรือมากกว่า แน่นอนว่า ผลประโยชน์ย่อมตกแก่พี่น้องประชาชนมากกว่าตกอยู่กับพรรครัฐบาลพรรคเดียวที่อ้างตนเองว่ามีเสถียรภาพ” นายเกรียงศักดิ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-