พรรคประชาธิปัตย์ เสนอนโยบายและมาตรการรื้อ-แก้ไข-ลงโทษ-ทวงคืน เพื่อร่วมกันตัดเนื้อร้ายทิ้ง ระบุถึงเวลาแล้วที่ต้องร่วมกันทวงผลประโยชน์ที่ถูกฉกฉวยไปคืนมา ; ถึงเวลา ...ร่วมทวงคืนประเทศไทย
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยในงานสัมมนาพรรคประชาธิปัตย์ ; ถึงเวลา ...ร่วมทวงคืนประเทศไทย ในนามพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนขอประกาศว่า พรรคประชาธิปัตย์จะยืนหยัดมุ่งมั่นที่จะป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นทุกรูปแบบอย่างจริงจังด้วยนโยบายและมาตรการรื้อ-แก้ไข-ลงโทษ-ทวงคืน ดังนี้
1.ขึ้นบัญชีดำโครงการที่ไม่โปร่งใสเพื่อติดตามตรวจสอบ ยึดทรัพย์ เอาคนผิดเข้าคุก
พรรคประชาธิปัตย์จะใช้กลไกแห่งรัฐทุกกลไกเพื่อจัดการกับโครงการอันอื้อฉาวที่ได้ขึ้นบัญชีดำเอาไว้แล้วกว่า 20 โครงการ มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท โดยจะรื้อเพื่อตรวจสอบใหม่ติดตามยึดทรัพย์สินจากพวกร่ำรวยโดยมิชอบมาพัฒนาชาติและนำเอาคนโกงมาลงโทษ
2.สนับสนุน ปปช.ภาคประชาชน
พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนองค์กรอิสระภาคประชาชนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น เช่น มูลนิธิหรือสมาคมต่างๆที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อจะช่วยให้องค์กรเหล่านี้ ได้มีความพร้อมทางด้านเงินอุดหนุนช่วยเหลือและมีความคล่องตัวในการทำงานคู่ขนานกันไปกับหน่วยงานของรัฐ
3.เร่งปฏิรูปและฟื้นฟูระบบสื่อเสรี
พรรคประชาธิปัตย์เล็งเห็นว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นอย่างมากมายในทุกวันนี้ ก็เพราะการครอบงำสื่อ ทั้งโดยทางตรงและโดยอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสื่อของรัฐ
การเปิดโอกาสให้สื่อสารมวลชนมีเสรีภาพในการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยปราศจากการแทรกแซง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆจะมีผลต่อการช่วยป้องกันละปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นอีกด้วย ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ จึงไม่มีการครอบงำ คุกคาม หรือแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชนแต่ประการใด
4.แก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น
พรรคประชาธิปัตย์จะผลักดันให้มีกฏหมายว่าด้วยการทำสัญญาของหน่วยงานภาครัฐขึ้นมาใหม่ โดยจะเสนอมาตรการป้องกันและมีบทลงโทษที่รุนแรงกับผู้กระทำความผิดไม่ว่าในฐานะตัวการหรือผู้สนับสนุน ทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชการประจำ และเอกชน เพื่อให้เกิดความเกรงกลัว เข็ดหลาบ ไม่กล้าสมคบกันเบียดบังผลประโยชน์ของชาติเป็นของตน จะแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการเสียใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดกรณีสมคบกันเสียค่าโง่อย่างที่เป็นอยู่ จะแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองหุ้นของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และคู่สมรส รวมทั้งบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเพื่อป้องกันการตีความและเพื่อทำให้การใช้กฎหมายได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
5.แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันการครอบงำองค์กรอิสระ
ปัจจุบันกระบวนการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระแทบทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)มักจะถูกครอบงำจากฝ่ายบริหารที่มีเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เนื่องจากมีการกำหนดให้มีสัดส่วนตัวแทนของพรรคการเมืองร่วมอยู่ในกระบวนการสรรหาด้วย ทำให้ผลของการสรรหาขาดความสมดุล และนำไปสู่การแต่งตั้งบุคคลที่มีความโน้มเอียงไปในทางการเมือง ขาดความเป็นอิสระในการใช้ดุลยพินิจ วินิจฉัยในการทำหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศชาติและประชาชน
พรรคประชาธิปัตย์จึงเสนอให้ยกเลิกตัวแทนพรรคการเมืองในกระบวนสรรหาเพื่อให้การสรรหาได้ดำเนินการไปเพื่อประโยชน์ของการตรวจสอบอย่างแท้จริงไม่มีความโน้มเอียงไปในทางการเมือง
6.เพิ่มอำนาจหน้าที่และเพิ่มความพร้อมให้องค์กรอิสระเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ
องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่เป็นองค์กรตรวจสอบ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น จะทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากความมีอิสระอย่างแท้จริงแล้ว อำนาจหน้าที่ที่ครบถ้วนและความพร้อมของบุคลากรและทรัพยากรอื่นที่เกี่ยวข้องก็นับว่าเป็นสิ่งจำเป็น
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงการสนับสนุนส่งเสริมให้มีความพร้อมทุกด้าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ให้ทันต่อการเพิ่มขึ้นของการทุจริตคอรัปชั่น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องกระทำอย่างจริงจังและเร่งด่วน ไม่ใช่การคิดจะตั้งหน่วยงานในสังกัดรัฐบาลขึ้นมาใหม่ โดยอ้างว่า เพื่อแบ่งเบาภาระของ ปปช.อย่างที่รัฐบาลคิดจะทำ
เพราะเท่ากับ ดึงอำนาจส่วนหนึ่งของการตรวจสอบที่มีบทสรุปแล้ว ว่า ควรจะมีความเป็นอิสระจึงจะมีประสิทธิภาพ กลับคืนไปสู่ความไม่มีอิสระอีกครั้งหนึ่ง อันเป็นความคิดเก่าย้อนยุค และแฝงเร้นไว้ด้วยความมุ่งหมายที่จะเสริมสร้างอำนาจเบ็ดเสร็จให้แก่ฝ่ายบริหารอีกนั่นเอง ซึ่งไม่ใช่ระบบที่ถูกต้องอย่างแน่นอน
'เมื่อเป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่า การทุจริตคอรัปชั่นกำลังแพร่ระบาดขนาดหนัก ผลประโยชน์ชาติ และประโยชน์ประชาชนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต กำลังถูกฉกฉวยเอาไปเป็นของคนบางคนและบางกลุ่ม ด้วยพฤติกรรมของการทุจริตคอรัปชั่นทั้งที่ผิดกฎหมายและทั้งที่ทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายภายใต้รูปแบบการทำใหม่ที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซ่อนปม เป็นเครือข่ายใหญ่โตกว้างขวางมากยิ่งขึ้นทุกที และมีปริมาณเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะกลายพันธุ์เป็นมะเร็งร้ายที่จะนำประเทศชาติของเราไปสู่ความหายนะ'หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว และว่า จึงมีแต่การชิงตัดเนื้อร้ายทิ้งอย่างทันทีทันควันเท่านั้นที่จะหลีกเลี่ยงความหายนะนี้ได้ พรรคประชาธิปัตย์จึงได้เสนอนโยบายและมาตรการรื้อ-แก้ไข-ลงโทษ-ทวงคืน เพื่อร่วมกันตัดเนื้อร้ายทิ้ง ซึ่งมันถึงเวลาแล้วที่จะต้องร่วมกันทวงผลประโยชน์ชาติและผลประโยชน์ของประชาชนที่ถูกฉกฉวยไปคืนมา “ถึงเวลาแล้ว พี่น้องครับ ที่จะต้องร่วมทวงคืนประเทศไทย”
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยในงานสัมมนาพรรคประชาธิปัตย์ ; ถึงเวลา ...ร่วมทวงคืนประเทศไทย ในนามพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนขอประกาศว่า พรรคประชาธิปัตย์จะยืนหยัดมุ่งมั่นที่จะป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นทุกรูปแบบอย่างจริงจังด้วยนโยบายและมาตรการรื้อ-แก้ไข-ลงโทษ-ทวงคืน ดังนี้
1.ขึ้นบัญชีดำโครงการที่ไม่โปร่งใสเพื่อติดตามตรวจสอบ ยึดทรัพย์ เอาคนผิดเข้าคุก
พรรคประชาธิปัตย์จะใช้กลไกแห่งรัฐทุกกลไกเพื่อจัดการกับโครงการอันอื้อฉาวที่ได้ขึ้นบัญชีดำเอาไว้แล้วกว่า 20 โครงการ มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท โดยจะรื้อเพื่อตรวจสอบใหม่ติดตามยึดทรัพย์สินจากพวกร่ำรวยโดยมิชอบมาพัฒนาชาติและนำเอาคนโกงมาลงโทษ
2.สนับสนุน ปปช.ภาคประชาชน
พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนองค์กรอิสระภาคประชาชนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น เช่น มูลนิธิหรือสมาคมต่างๆที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อจะช่วยให้องค์กรเหล่านี้ ได้มีความพร้อมทางด้านเงินอุดหนุนช่วยเหลือและมีความคล่องตัวในการทำงานคู่ขนานกันไปกับหน่วยงานของรัฐ
3.เร่งปฏิรูปและฟื้นฟูระบบสื่อเสรี
พรรคประชาธิปัตย์เล็งเห็นว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นอย่างมากมายในทุกวันนี้ ก็เพราะการครอบงำสื่อ ทั้งโดยทางตรงและโดยอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสื่อของรัฐ
การเปิดโอกาสให้สื่อสารมวลชนมีเสรีภาพในการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยปราศจากการแทรกแซง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆจะมีผลต่อการช่วยป้องกันละปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นอีกด้วย ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ จึงไม่มีการครอบงำ คุกคาม หรือแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชนแต่ประการใด
4.แก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น
พรรคประชาธิปัตย์จะผลักดันให้มีกฏหมายว่าด้วยการทำสัญญาของหน่วยงานภาครัฐขึ้นมาใหม่ โดยจะเสนอมาตรการป้องกันและมีบทลงโทษที่รุนแรงกับผู้กระทำความผิดไม่ว่าในฐานะตัวการหรือผู้สนับสนุน ทั้งฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชการประจำ และเอกชน เพื่อให้เกิดความเกรงกลัว เข็ดหลาบ ไม่กล้าสมคบกันเบียดบังผลประโยชน์ของชาติเป็นของตน จะแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการเสียใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดกรณีสมคบกันเสียค่าโง่อย่างที่เป็นอยู่ จะแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองหุ้นของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และคู่สมรส รวมทั้งบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเพื่อป้องกันการตีความและเพื่อทำให้การใช้กฎหมายได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
5.แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันการครอบงำองค์กรอิสระ
ปัจจุบันกระบวนการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระแทบทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)มักจะถูกครอบงำจากฝ่ายบริหารที่มีเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เนื่องจากมีการกำหนดให้มีสัดส่วนตัวแทนของพรรคการเมืองร่วมอยู่ในกระบวนการสรรหาด้วย ทำให้ผลของการสรรหาขาดความสมดุล และนำไปสู่การแต่งตั้งบุคคลที่มีความโน้มเอียงไปในทางการเมือง ขาดความเป็นอิสระในการใช้ดุลยพินิจ วินิจฉัยในการทำหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศชาติและประชาชน
พรรคประชาธิปัตย์จึงเสนอให้ยกเลิกตัวแทนพรรคการเมืองในกระบวนสรรหาเพื่อให้การสรรหาได้ดำเนินการไปเพื่อประโยชน์ของการตรวจสอบอย่างแท้จริงไม่มีความโน้มเอียงไปในทางการเมือง
6.เพิ่มอำนาจหน้าที่และเพิ่มความพร้อมให้องค์กรอิสระเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ
องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่เป็นองค์กรตรวจสอบ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น จะทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากความมีอิสระอย่างแท้จริงแล้ว อำนาจหน้าที่ที่ครบถ้วนและความพร้อมของบุคลากรและทรัพยากรอื่นที่เกี่ยวข้องก็นับว่าเป็นสิ่งจำเป็น
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงการสนับสนุนส่งเสริมให้มีความพร้อมทุกด้าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ให้ทันต่อการเพิ่มขึ้นของการทุจริตคอรัปชั่น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องกระทำอย่างจริงจังและเร่งด่วน ไม่ใช่การคิดจะตั้งหน่วยงานในสังกัดรัฐบาลขึ้นมาใหม่ โดยอ้างว่า เพื่อแบ่งเบาภาระของ ปปช.อย่างที่รัฐบาลคิดจะทำ
เพราะเท่ากับ ดึงอำนาจส่วนหนึ่งของการตรวจสอบที่มีบทสรุปแล้ว ว่า ควรจะมีความเป็นอิสระจึงจะมีประสิทธิภาพ กลับคืนไปสู่ความไม่มีอิสระอีกครั้งหนึ่ง อันเป็นความคิดเก่าย้อนยุค และแฝงเร้นไว้ด้วยความมุ่งหมายที่จะเสริมสร้างอำนาจเบ็ดเสร็จให้แก่ฝ่ายบริหารอีกนั่นเอง ซึ่งไม่ใช่ระบบที่ถูกต้องอย่างแน่นอน
'เมื่อเป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่า การทุจริตคอรัปชั่นกำลังแพร่ระบาดขนาดหนัก ผลประโยชน์ชาติ และประโยชน์ประชาชนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต กำลังถูกฉกฉวยเอาไปเป็นของคนบางคนและบางกลุ่ม ด้วยพฤติกรรมของการทุจริตคอรัปชั่นทั้งที่ผิดกฎหมายและทั้งที่ทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายภายใต้รูปแบบการทำใหม่ที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซ่อนปม เป็นเครือข่ายใหญ่โตกว้างขวางมากยิ่งขึ้นทุกที และมีปริมาณเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะกลายพันธุ์เป็นมะเร็งร้ายที่จะนำประเทศชาติของเราไปสู่ความหายนะ'หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว และว่า จึงมีแต่การชิงตัดเนื้อร้ายทิ้งอย่างทันทีทันควันเท่านั้นที่จะหลีกเลี่ยงความหายนะนี้ได้ พรรคประชาธิปัตย์จึงได้เสนอนโยบายและมาตรการรื้อ-แก้ไข-ลงโทษ-ทวงคืน เพื่อร่วมกันตัดเนื้อร้ายทิ้ง ซึ่งมันถึงเวลาแล้วที่จะต้องร่วมกันทวงผลประโยชน์ชาติและผลประโยชน์ของประชาชนที่ถูกฉกฉวยไปคืนมา “ถึงเวลาแล้ว พี่น้องครับ ที่จะต้องร่วมทวงคืนประเทศไทย”
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-