วานนี้( 26 ก.ย. 47) ในการสัมมนาพรรคประชาธิปัตย์ ; “ถึงเวลา ...... ทวงคืนประเทศไทย” เวลา 14.00น. ที่มหาวิทยาลัยรังสิต คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 249 คน โดยนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวรายงานและเปิดตัวผู้สมัครจำนวน 249 คน / เขต โดยภาคเหนือ 52 คน / เขต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 66 คน / เขต ภาคใต้ 54 คน / เขต(ครบทุกเขต) ภาคกลาง 77 คน / เขต กล่าวรายชื่อตามลำดับ จากนั้นเชิญนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มอบธงสัญลักษณ์ให้กับตัวแทนของแต่ละภาคทั้ง 4 ภาค หลังจากนั้นได้มอบธงสัญลักษณ์ให้กับ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ ผู้บัญชาการการเลือกตั้ง รับธงสัญลักษณ์เป็นคนสุดท้าย
หลังจากการเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 249 เขตแล้ว มีการฉายวิดีทัศน์ “คอรัปชั่น ”ขึ้นบัญชีดำ 25 โครงการอัปยศ อาทิ โครงการ อัลไพน์ แปลงที่วัดเป็นทุน,อนุมัติบริษัทจีนต่อเรือตรวจการณ์แลกผลประโยชน์,ไอทีวี:ผลประโยชน์ส่วนตัวอยู่เหนือประเทศดาวเทียม ,ค่าโง่ทางด่วน,ทุจริตจำนำพืชผลการเกษตร เช่นข้าว,ลำไย, จัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ปลอม,ซื้อนมโรงเรียน,โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเอื้ออาทรไม่กี่บริษัทฯลฯ
ต่อจากการฉายวิดีทัศน์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กล่าวปราศรัย ชู 6 มาตรการ แก้ปัญหาทุจริต “ทรัพย์สมบัติของชาติที่บรรพบุรุษสั่งสมเอาไว้ให้ลูกหลานถูกเล่นแร่แปรธาตุ แปรเปลี่ยนเป็นเงินเข้ากระเป๋าของผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คน”
นายบัญญัติ กล่าวว่า การทุจริตในรัฐบาลชุดนี้ เกิดขึ้นอย่างเป็นปกติวิสัย มีพฤติกรรมของการเรียกเก็บค่าหัวคิว เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางธุรกิจในวงการรับเหมาก่อสร้าง จนมีการเรียกขานรัฐมนตรีบางคนว่า “มิสเตอร์ 20 เปอร์เซ็นต์”
ยังกล่าวถึง การทุจริตเชิงนโยบาย ในกรณีการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ กับจีน ที่เริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมขณะนี้ เกษตรกรในภาคเหนือที่ปลูกหอม กระเทียม ลิ้นจี่ หรือพืชเมืองหนาวได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่เว้นแม้แต่โครงการหลวง เพราะถูกสินค้าประเภทผักผลไม้จากจีนเข้ามาตีตลาดจนสินค้าขายไม่ออก
ขณะที่กลุ่มที่ได้ประโยชน์จะมีเพียงกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เช่นเดิม โดยเฉพาะธุรกิจดาวเทียม ที่ก่อนหน้านี้ดาวเทียมไทยคมเคยมีปัญหาองศาทับซ้อนกับดาวเทียมของจีนก็มีการเจรจาตกลงเป็นผลสำเร็จด้วยดี
บัดนี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดทำบัญชีดำโครงการอื้อฉาวทั้งหมด ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จำนวนถึง 25 โครงการมีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นกรณีที่พรรคจะเข้าไปดำเนินการอย่างจริงจังยึดทรัพย์ เอาตัวคนทำผิดเข้าคุกให้ได้
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนท้ายว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องร่วมทวงผลประโยชน์ชาติและผลประโยชน์ของประชาชนที่ถูกฉกฉวยไปคืนมา “ถึงเวลาแล้ว พี่น้องครับ ที่จะต้องร่วมทวงคืนประเทศไทย”
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
หลังจากการเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 249 เขตแล้ว มีการฉายวิดีทัศน์ “คอรัปชั่น ”ขึ้นบัญชีดำ 25 โครงการอัปยศ อาทิ โครงการ อัลไพน์ แปลงที่วัดเป็นทุน,อนุมัติบริษัทจีนต่อเรือตรวจการณ์แลกผลประโยชน์,ไอทีวี:ผลประโยชน์ส่วนตัวอยู่เหนือประเทศดาวเทียม ,ค่าโง่ทางด่วน,ทุจริตจำนำพืชผลการเกษตร เช่นข้าว,ลำไย, จัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ปลอม,ซื้อนมโรงเรียน,โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเอื้ออาทรไม่กี่บริษัทฯลฯ
ต่อจากการฉายวิดีทัศน์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กล่าวปราศรัย ชู 6 มาตรการ แก้ปัญหาทุจริต “ทรัพย์สมบัติของชาติที่บรรพบุรุษสั่งสมเอาไว้ให้ลูกหลานถูกเล่นแร่แปรธาตุ แปรเปลี่ยนเป็นเงินเข้ากระเป๋าของผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คน”
นายบัญญัติ กล่าวว่า การทุจริตในรัฐบาลชุดนี้ เกิดขึ้นอย่างเป็นปกติวิสัย มีพฤติกรรมของการเรียกเก็บค่าหัวคิว เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางธุรกิจในวงการรับเหมาก่อสร้าง จนมีการเรียกขานรัฐมนตรีบางคนว่า “มิสเตอร์ 20 เปอร์เซ็นต์”
ยังกล่าวถึง การทุจริตเชิงนโยบาย ในกรณีการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ กับจีน ที่เริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมขณะนี้ เกษตรกรในภาคเหนือที่ปลูกหอม กระเทียม ลิ้นจี่ หรือพืชเมืองหนาวได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่เว้นแม้แต่โครงการหลวง เพราะถูกสินค้าประเภทผักผลไม้จากจีนเข้ามาตีตลาดจนสินค้าขายไม่ออก
ขณะที่กลุ่มที่ได้ประโยชน์จะมีเพียงกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เช่นเดิม โดยเฉพาะธุรกิจดาวเทียม ที่ก่อนหน้านี้ดาวเทียมไทยคมเคยมีปัญหาองศาทับซ้อนกับดาวเทียมของจีนก็มีการเจรจาตกลงเป็นผลสำเร็จด้วยดี
บัดนี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดทำบัญชีดำโครงการอื้อฉาวทั้งหมด ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จำนวนถึง 25 โครงการมีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นกรณีที่พรรคจะเข้าไปดำเนินการอย่างจริงจังยึดทรัพย์ เอาตัวคนทำผิดเข้าคุกให้ได้
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอนท้ายว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องร่วมทวงผลประโยชน์ชาติและผลประโยชน์ของประชาชนที่ถูกฉกฉวยไปคืนมา “ถึงเวลาแล้ว พี่น้องครับ ที่จะต้องร่วมทวงคืนประเทศไทย”
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-