‘จุรินทร์ ‘ย้ำ ไม่ร่วมสังฆกรรมเวที ’รวมพลคนด่ารัฐบาล’ ไม่ต้องการเป็นตัวละครของรัฐบาล ด้าน ‘องอาจ’เห็นว่าเป็นการจัดฉากเพื่อลดกระแสของรัฐบาลทุกเรื่อง ‘ย้ำ’เป็นกิจกรรม ‘ไร้สาระ - ไม่ประเทืองปัญญา’
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมว่า กรณีที่รัฐบาลตั้งเวทีร่วมพลคนด่ารัฐบาล ให้ฝ่ายต่างๆ ไปแสดงความคิดเห็น ที่ประชุมได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ โดยได้ข้อสรุปว่ารัฐบาลเชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ด้วยกลวิธีทางการตลาด โดยเห็นประชาชนเป็นเหยื่อของการโฆษณา ซึ่งวิธีการที่ออกมาไม่ได้สะท้อนถึงความจริงจัง และจริงใจในการที่ต้องการฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริงแต่อย่างใดทั้งสิ้น ในส่วนของฝ่ายค้านคงไม่สามารถเข้าไปร่วมได้ เพราะไม่ต้องการไปเข้าฉากละครทางการเมืองที่รัฐบาลเป็นผู้กำกับการแสดง เพราะเห็นได้ชัดเจนว่า เป็นการสร้างภาพเพื่อให้ประชาชนคิดว่า รัฐบาลใจกว้าง ซึ่งในความเป็นจริงตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
‘ในพฤติกรรมที่ผ่านพ้นมา ซึ่งมีคำถามที่ชัดเจนขึ้นมาว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลไม่คิดที่จะรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายอื่น ทำไมเพิ่งจะคิดมาฟังก่อนการเลือกตั้ง และเราเชื่อว่า หลังจากการเลือกตั้งถ้าพรรคไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาล พฤติกรรมของรัฐบาลจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ผ่านพ้นมา การไม่ฟังความเห็นของคนอื่นนั้น เหมือนจะเป็นบุคลิกภาพถาวรของรัฐบาลชุดนี้ สิ่งที่รัฐบาลต้องตระหนักคือ เวทีประชาธิปไตย ไม่ใช่เวทีเฉพาะแค่รัฐบาลเป็นผู้จัดเท่านั้น’ ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำเป็นพิเศษอย่างน้อย 3 เรื่อง แทนที่จะจัดเวทีรวมพลคนด่ารัฐบาล คือ 1. รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการประชุมสภา ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้เทนราษฎร หรือวุฒิสภา ต้องเลิกพฤติกรรมหนีสภา เพราะตรงนั้นคือเวทีของตัวแทนประชาชนโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงที่จะ แสดงความคิดเห็นต่อรัฐบาล แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร และร่วมประชุมน้อยมาก 2. รัฐบาลต้องเลิกแทรกแซงสื่อโดยสิ้นเชิง และคืนสิทธิเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น และรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนกลับคืนให้กับสื่อและประชาชน โดยต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายอื่นใช้สื่อของรัฐในกรแสดงความคิดตามรัฐธรรมนูญ 3.รัฐบาลต้องเลิกใช้อำนาจรัฐข่มขู่ คุกคาม คนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ‘ที่สำคัญที่พวกเราเป็นห่วงและอยากฝากไปยังรัฐบาลเพิ่มเติมว่า จะจริงหรือไม่จริงก็แล้วแต่ ๆรัฐบาลต้องไม่คิดเอาประชาชนมาปะทะกันเอง เพื่อประโยชน์ในการรักษาอำนาจของรัฐบาล เพราะนั่นไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ถ้าไม่คิดก็ดี แต่ถ้าคิดต้องเลิกคิด ทั้งอย่าคิดและอย่าทำ’ นายจุรินทร์กล่าว
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคคงไม่ไปร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนักการเมืองที่สังกัดพรรคการเมืองชัดเจน ซึ่งได้ทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องและเต็มที่ในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การยื่นกระทู้ และการเสนอญัตติ ฝ่ายค้านมองว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อต้องการรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงการทำงาน แต่เป็นเพียงการลดกระแสการโจมตีรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเผด็จการ หรือการกรณีการวางเป้า 400เสียง ของพรรครัฐบาล ‘กิจกรรมที่จัดขึ้นพรรคเห็นว่าเป็นกิจกรรมไร้สาระ ไม่ประเทืองปัญญา เป็นกิจกรรมเบาปัญญา’ นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมว่า กรณีที่รัฐบาลตั้งเวทีร่วมพลคนด่ารัฐบาล ให้ฝ่ายต่างๆ ไปแสดงความคิดเห็น ที่ประชุมได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ โดยได้ข้อสรุปว่ารัฐบาลเชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ด้วยกลวิธีทางการตลาด โดยเห็นประชาชนเป็นเหยื่อของการโฆษณา ซึ่งวิธีการที่ออกมาไม่ได้สะท้อนถึงความจริงจัง และจริงใจในการที่ต้องการฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริงแต่อย่างใดทั้งสิ้น ในส่วนของฝ่ายค้านคงไม่สามารถเข้าไปร่วมได้ เพราะไม่ต้องการไปเข้าฉากละครทางการเมืองที่รัฐบาลเป็นผู้กำกับการแสดง เพราะเห็นได้ชัดเจนว่า เป็นการสร้างภาพเพื่อให้ประชาชนคิดว่า รัฐบาลใจกว้าง ซึ่งในความเป็นจริงตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
‘ในพฤติกรรมที่ผ่านพ้นมา ซึ่งมีคำถามที่ชัดเจนขึ้นมาว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลไม่คิดที่จะรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายอื่น ทำไมเพิ่งจะคิดมาฟังก่อนการเลือกตั้ง และเราเชื่อว่า หลังจากการเลือกตั้งถ้าพรรคไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาล พฤติกรรมของรัฐบาลจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ผ่านพ้นมา การไม่ฟังความเห็นของคนอื่นนั้น เหมือนจะเป็นบุคลิกภาพถาวรของรัฐบาลชุดนี้ สิ่งที่รัฐบาลต้องตระหนักคือ เวทีประชาธิปไตย ไม่ใช่เวทีเฉพาะแค่รัฐบาลเป็นผู้จัดเท่านั้น’ ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำเป็นพิเศษอย่างน้อย 3 เรื่อง แทนที่จะจัดเวทีรวมพลคนด่ารัฐบาล คือ 1. รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการประชุมสภา ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้เทนราษฎร หรือวุฒิสภา ต้องเลิกพฤติกรรมหนีสภา เพราะตรงนั้นคือเวทีของตัวแทนประชาชนโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงที่จะ แสดงความคิดเห็นต่อรัฐบาล แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร และร่วมประชุมน้อยมาก 2. รัฐบาลต้องเลิกแทรกแซงสื่อโดยสิ้นเชิง และคืนสิทธิเสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น และรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนกลับคืนให้กับสื่อและประชาชน โดยต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายอื่นใช้สื่อของรัฐในกรแสดงความคิดตามรัฐธรรมนูญ 3.รัฐบาลต้องเลิกใช้อำนาจรัฐข่มขู่ คุกคาม คนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ‘ที่สำคัญที่พวกเราเป็นห่วงและอยากฝากไปยังรัฐบาลเพิ่มเติมว่า จะจริงหรือไม่จริงก็แล้วแต่ ๆรัฐบาลต้องไม่คิดเอาประชาชนมาปะทะกันเอง เพื่อประโยชน์ในการรักษาอำนาจของรัฐบาล เพราะนั่นไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ถ้าไม่คิดก็ดี แต่ถ้าคิดต้องเลิกคิด ทั้งอย่าคิดและอย่าทำ’ นายจุรินทร์กล่าว
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคคงไม่ไปร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนักการเมืองที่สังกัดพรรคการเมืองชัดเจน ซึ่งได้ทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องและเต็มที่ในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การยื่นกระทู้ และการเสนอญัตติ ฝ่ายค้านมองว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อต้องการรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงการทำงาน แต่เป็นเพียงการลดกระแสการโจมตีรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเผด็จการ หรือการกรณีการวางเป้า 400เสียง ของพรรครัฐบาล ‘กิจกรรมที่จัดขึ้นพรรคเห็นว่าเป็นกิจกรรมไร้สาระ ไม่ประเทืองปัญญา เป็นกิจกรรมเบาปัญญา’ นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-