สรุปสถานการณ์:
ดร.ปรเมธี วิมลศิริ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงานสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สคช) ได้เปิดเผยว่า เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมาได้มีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะขาดดุลการค้าในปี 2549 เนื่องจากการนำเข้าสินค้าทุนมากขึ้นแต่เมื่อน้ำมันมีราคาสูงขึ้นทำให้ไทยต้องเผชิญปัญหาขาดดุลเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 1 ปี ประกอบกับภัยสึนามิ ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลงและทำให้การขาดดุลสูงขึ้น ทั้งนี้ หากลดการนำเข้าลงได้ก็จะช่วยให้จีดีพีขยับขึ้น เช่น นำเข้าลดลง 1% จีดีพีจะขยายตัวเพิ่ม 0.6% หากลดได้ 2% จีดีพีก็จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.2% นอกจากนี้ สคช. กำลังจัดทำแผนแม่บทโลจิสติกส์ด้านการขนส่งของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายในด้านนี้ถึง 19% ของจีดีพี
ทางด้านนางสุชาดา กิระกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจว่า ในเดือนพฤษภาคม 2548 รายได้เกษตรจะขยายตัวเพียง 6.7% ลดลงอย่างมาก ขณะที่เดือน เม.ย. 2548 ขยายตัวถึง 18.1% ด้านการส่งออกใน 5 เดือนปี 2548 ขยายตัว 13% เป็นการขยายตัวในส่วนของราคา 13.6% และปริมาณ 6% ส่วนการส่งออกในเดือนพฤษภาคม ขยายตัว 13.1% ทิศทางในครึ่งปีหลัง 2548 จะมีปัจจัยเสี่ยงภายนอกอย่างเช่น ราคาน้ำมัน ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และอัตราแลกเปลี่ยนที่จะส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศชะงักลงด้วย
นายอัทธิ์ พิศาลวนิช ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เปิดเผยผลการศึกษาการคาดการณ์ภาวการณ์ส่งออกสินค้ารายไตรมาสของไทย คาดว่าในปี 2548 การส่งออกของไทยจะขยายตัว 13.3 % เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงจาก 4.7% เป็น 3.4% ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น หากจีนปรับค่าเงินหยวนในเดือนตุลาคมจะมีผลให้มูลค่าการส่งออกไปจีนลดลง ส่วนการนำเข้าจะขยายตัว 23.3% เนื่องจากมีการลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ถึง 1.7 ล้านล้านบาท ในปีนี้จะมีการนำเข้าสินค้าทุน 70% ของมูลค่าการลงทุน
ประเด็นวิเคราะห์:
จากภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้ประเทศต่างๆ ที่พึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศกระทบกันเป็นลูกโซ่ก่อให้เกิดต้นทุนการผลิตการขนส่งสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น รวมทั้งภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกผนวกกับภาวะแห้งแล้งในประเทศ ผลผลิตการเกษตรลดลง ด้านการนำเข้าน้ำมันมีมูลค่าสูงขึ้นรวมทั้งการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าอื่นเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดแต่หากสามารถควบคุมการนำเข้าลงได้ก็จะไม่ส่งผลกระทบมากนัก
ที่มา: http://www.depthai.go.th