‘กอรปศักดิ์’ เตือน แผ่นดินไทยกำลังถูกต่างชาติครอบครอง กว่า 30 ปี ผลประโยชน์กว่า 70,000 ล้านกำลังจะสูญ
นายกอรปศักดิ์ สภาวสุ ส.ส.ระบบบัญชีายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าจากการที่ ครม.มีมติให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอเกี่ยวกับโครงการเปิดสัมปทาน 30 ปี ท่าเรือแหลมฉบัง ให้เอกชนมา จากการติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง พบว่ามีประเด็นที่น่าสนใจ
ประเด็นแรก คือในกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายจะให้สัมปทาน กลุ่มผลประโยชน์ นักธุรกิจ หรือบริษัทเดียว เข้ามาบริหารกิจการท่าเรือของประเทศ เกือบทั้งหมด เป็นระยะเวลา 30 ปี ถือเป็นเรื่องใหญ่และต้องให้ความสำคัญ
‘โครงการนี้ใหญ่มาก ค่าสัมปทานเบื้องต้น 51,900 ล้านบาท หมายความว่า ใครก็ตามเข้ามาลงทุนต้องจ่ายช่วงระยะเวลา 30 ปี เป็นเงินทั้งสิ้น 51,900 ล้านบาท แล้วจึงจะมีการประกวดกันว่า ใครเสนอเพิ่มมากกว่าก็มีสิทธิได้รับการคัดเลือก’นายกอรปศักดิ์ กล่าว และว่าท่าเรือของประเทศไทยที่พอจะให้เป็นมาตรฐานโลก คือท่าเรือแหลมฉบัง เพราะภูมิประเทศเอื้ออำนวย เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา จึงต้องเพิ่มการส่งออก โดยผ่านท่าเรือแหลมฉบัง วันนี้รัฐบาลบอกว่าจะเอาท่าเรือที่สำคัญของประเทศ 6 ท่า ให้ต่างชาติ สัมปทาน 30 ปี เรื่องกล่าวต้องกระทำการให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะปัจจุบันมีท่าเรือที่แหลมฉบังเพียง 5 ท่า เพราะอีกท่าหนึ่งได้มีการประมูลไปแล้ว แต่การที่รัฐบาลรวบเอาท่าใหม่ทั้งหมด และท่าเก่าหนึ่งท่า มาประมูลในลักษรณะที่บอกว่า มติครม.อนุมัติ แล้วโดยการอนุมัติแบบไม่มีความรอบคอบ
ประเด็นที่สอง เป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมมีการสร้างกติกา คือหลักเกณฑ์การคัดเลือกที่แปลกจากหลหลักความจริงมาก กล่าวคือมีการเสนอซองทางเทคนิคด้วย และที่สำคัญคือมีการให้คะแนนในกรณีเสนอเทคนิคกว่า 80 % เท่ากับว่าเรื่องราคามีผลเพียง 20 % และการวัดเทคนิคอยู่ที่ดุลยพินิจของคณะกรรมการ หรือผู้มีอิทธิพลในการท่าเรือเท่านั้น
โดยปกติการเสนอราคาแบบ 2 ซอง จะเป็นที่วิจารณ์มาก ก็จะมีทางออกโดยใช้วิธีว่าซองราคาถือเป็น 100% หมายความว่าบริษัทใดผ่านเทคนิคแล้ว ก็เอาราคามาวัด แต่รายการนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมต้องออกมาชี้แจง เพราะที่ปรึกษาที่กระทรวงคมนาคมว่าจ้าง ซึ่งเป็นเรื่องร่วมทุนขนาดใหญ่ จำเป็นต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนกำหนดว่าต้องจ้างที่ปรึกษา ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ดูมาเรียบร้อย และมีการประมาณราคาว่ารัฐพึงจะได้รับเท่าไหร่ เป็นตัวเลข รายรับทั้งหมด ว่ารัฐพึงจะได้รับ 11,000 กว่าล้านบาท ในขณะที่บริษัทที่ครม.อนุมัติ เมื่อวันอังคาร ตัวเลขอยู่ที่ 7,000กว่าล้าน ต่ำกว่าเงินที่รัฐพึงจะได้รับกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาสุทธิ
นายกอรปศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนจะนำเรื่องดังกล่าวเป็นกระทู้ถามสดในสภา และขอแนะนำให้นายกฯ ว่าไม่จำเป็นต้องไปตั้งเวทีฟังคนด่ารัฐบาล แต่นายกฯควรเข้าประชุมเพื่อตอบกระทู้สด ในฐานะประธานการประชุม เพื่อทราบข้อมูล เพื่อนำไปแก้ไขปัญหา เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปี นายกฯไม่เคยมาตอบกระทู้ถามสดของฝ่ายค้านเลย
‘เพราะอยู่ดีจะเอาแผ่นดินติดชายฝั่งทะเลของประเทศออกประมูล ให้คนมาสร้างท่าเรือเป็นระยะเวลา 30 ปี เจ้าของประเทศอย่ากรู้ว่า ใช้วิธีแบบไหน ถูกต้องหรือไม่ เพราะไม่มีประเทษไหนจะทำแบบนี้’ นายกอรปศักดิ์กล่าว
นายกอรปศักดิ์ กล่าวต่อว่าประเด็นสุดท้าย คืออยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการเดินเรือ อยากให้ท่าเรือของประเทศเป็นเหมือน ฮ่องกง สิงคโปร์ ซึ่งการเสนอครั้งมีมีผู้เสนอ 3 ราย 1.ฮ่องกง 2. สิงคโปร และ 3. รูไบ ร่วมกับคนไทย ตนจึงขอตั้งคำถาม เพื่อให้รัฐบาลให้คำตอบกับสาธารณชนได้รับรู้ว่าขณะนี้รัฐบาลทักษิณกำลังนำแผ่นดินออกสัมปทาน 30 ปี ผลประโยชน์รวมแล้วประมาณ 70,000 ล้านบาท
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายกอรปศักดิ์ สภาวสุ ส.ส.ระบบบัญชีายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าจากการที่ ครม.มีมติให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอเกี่ยวกับโครงการเปิดสัมปทาน 30 ปี ท่าเรือแหลมฉบัง ให้เอกชนมา จากการติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง พบว่ามีประเด็นที่น่าสนใจ
ประเด็นแรก คือในกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายจะให้สัมปทาน กลุ่มผลประโยชน์ นักธุรกิจ หรือบริษัทเดียว เข้ามาบริหารกิจการท่าเรือของประเทศ เกือบทั้งหมด เป็นระยะเวลา 30 ปี ถือเป็นเรื่องใหญ่และต้องให้ความสำคัญ
‘โครงการนี้ใหญ่มาก ค่าสัมปทานเบื้องต้น 51,900 ล้านบาท หมายความว่า ใครก็ตามเข้ามาลงทุนต้องจ่ายช่วงระยะเวลา 30 ปี เป็นเงินทั้งสิ้น 51,900 ล้านบาท แล้วจึงจะมีการประกวดกันว่า ใครเสนอเพิ่มมากกว่าก็มีสิทธิได้รับการคัดเลือก’นายกอรปศักดิ์ กล่าว และว่าท่าเรือของประเทศไทยที่พอจะให้เป็นมาตรฐานโลก คือท่าเรือแหลมฉบัง เพราะภูมิประเทศเอื้ออำนวย เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา จึงต้องเพิ่มการส่งออก โดยผ่านท่าเรือแหลมฉบัง วันนี้รัฐบาลบอกว่าจะเอาท่าเรือที่สำคัญของประเทศ 6 ท่า ให้ต่างชาติ สัมปทาน 30 ปี เรื่องกล่าวต้องกระทำการให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพราะปัจจุบันมีท่าเรือที่แหลมฉบังเพียง 5 ท่า เพราะอีกท่าหนึ่งได้มีการประมูลไปแล้ว แต่การที่รัฐบาลรวบเอาท่าใหม่ทั้งหมด และท่าเก่าหนึ่งท่า มาประมูลในลักษรณะที่บอกว่า มติครม.อนุมัติ แล้วโดยการอนุมัติแบบไม่มีความรอบคอบ
ประเด็นที่สอง เป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมมีการสร้างกติกา คือหลักเกณฑ์การคัดเลือกที่แปลกจากหลหลักความจริงมาก กล่าวคือมีการเสนอซองทางเทคนิคด้วย และที่สำคัญคือมีการให้คะแนนในกรณีเสนอเทคนิคกว่า 80 % เท่ากับว่าเรื่องราคามีผลเพียง 20 % และการวัดเทคนิคอยู่ที่ดุลยพินิจของคณะกรรมการ หรือผู้มีอิทธิพลในการท่าเรือเท่านั้น
โดยปกติการเสนอราคาแบบ 2 ซอง จะเป็นที่วิจารณ์มาก ก็จะมีทางออกโดยใช้วิธีว่าซองราคาถือเป็น 100% หมายความว่าบริษัทใดผ่านเทคนิคแล้ว ก็เอาราคามาวัด แต่รายการนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมต้องออกมาชี้แจง เพราะที่ปรึกษาที่กระทรวงคมนาคมว่าจ้าง ซึ่งเป็นเรื่องร่วมทุนขนาดใหญ่ จำเป็นต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนกำหนดว่าต้องจ้างที่ปรึกษา ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ดูมาเรียบร้อย และมีการประมาณราคาว่ารัฐพึงจะได้รับเท่าไหร่ เป็นตัวเลข รายรับทั้งหมด ว่ารัฐพึงจะได้รับ 11,000 กว่าล้านบาท ในขณะที่บริษัทที่ครม.อนุมัติ เมื่อวันอังคาร ตัวเลขอยู่ที่ 7,000กว่าล้าน ต่ำกว่าเงินที่รัฐพึงจะได้รับกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาสุทธิ
นายกอรปศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนจะนำเรื่องดังกล่าวเป็นกระทู้ถามสดในสภา และขอแนะนำให้นายกฯ ว่าไม่จำเป็นต้องไปตั้งเวทีฟังคนด่ารัฐบาล แต่นายกฯควรเข้าประชุมเพื่อตอบกระทู้สด ในฐานะประธานการประชุม เพื่อทราบข้อมูล เพื่อนำไปแก้ไขปัญหา เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปี นายกฯไม่เคยมาตอบกระทู้ถามสดของฝ่ายค้านเลย
‘เพราะอยู่ดีจะเอาแผ่นดินติดชายฝั่งทะเลของประเทศออกประมูล ให้คนมาสร้างท่าเรือเป็นระยะเวลา 30 ปี เจ้าของประเทศอย่ากรู้ว่า ใช้วิธีแบบไหน ถูกต้องหรือไม่ เพราะไม่มีประเทษไหนจะทำแบบนี้’ นายกอรปศักดิ์กล่าว
นายกอรปศักดิ์ กล่าวต่อว่าประเด็นสุดท้าย คืออยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการเดินเรือ อยากให้ท่าเรือของประเทศเป็นเหมือน ฮ่องกง สิงคโปร์ ซึ่งการเสนอครั้งมีมีผู้เสนอ 3 ราย 1.ฮ่องกง 2. สิงคโปร และ 3. รูไบ ร่วมกับคนไทย ตนจึงขอตั้งคำถาม เพื่อให้รัฐบาลให้คำตอบกับสาธารณชนได้รับรู้ว่าขณะนี้รัฐบาลทักษิณกำลังนำแผ่นดินออกสัมปทาน 30 ปี ผลประโยชน์รวมแล้วประมาณ 70,000 ล้านบาท
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 ก.ย. 2547--จบ--
-ดท-