‘สาธิต ปิตุเตชะ’ แนะนายกฯจะแก้คอร์รัปชั่น ในระยะสั้นต้องเน้นใช้ระบบธรรมภิบาลกับ ทรท.ก่อน ระบุเงินสะอาดก็สร้างปัญหาได้ ถ้าคนใช้ไม่มีความจริงใจ
จากการประชุมเพื่อกำหนดข้อตกลงร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) วานนี้ (30 ก.ย.47) นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องวิธีการที่จะแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น คือขอให้นายกฯใช้หลักธรรมาภิบาลกับพรรคไทยรักไทย นั่นคือนายกฯต้องกล้าที่จะใช้ระบบธรรมาภิบาลในพรรคไทยรักไทย หมายความว่าเงินที่จะเข้ามาสู่พรรค หรือเงินที่ใช้จ่ายในพรรค ต้องเป็นระบบที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมถึงเงินที่จ่ายให้ ส.ส. รายเดือนจำนวนมากถึงเดือนละ 500,000 บาทนั้น ก็ต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้ทราบว่านำเงินมาจากไหน ถ้านายกฯกล้าทำเรื่องเหล่านี้ก็คิดว่าเป็นการแก้ไขในระยะสั้นได้ เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่นเบื้องต้นมาจากระบบพรรคการเมือง ถ้าหากพรรคการเมืองใช้เงินจำนวนมากเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับสมาชิกเพื่อลงพื้นที่ เมื่อจ่ายมากพรรคการเมืองก็ต้องมีต้นทุนสูง เมื่อมีต้นทุนสูง ก็ต้องไปหาเงินมาด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะทำได้ในฐานะหัวหน้าพรรคคือ การที่จะออกมาประกาศให้เงิน ส.ส. ก็ต้องเป็นไปตามความจำเป็นในการลงพื้นที่เท่านั้น ‘ถ้านายกฯใช้ระบบธรรมาภิบาลกับพรรคการเมืองก็ไม่ต้องมีการออกมาพูดว่ารัฐมนตรีเรียกหาเงินเข้าพรรค ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ใช่พูดอย่างกระทำอีกอย่าง’ นายสาธิตกล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายกฯบอกว่าจะใช้เงินสะอาดล้างสกปรกนั้น นายกฯต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเงินที่บอกว่าสะอาดนั้น ไม่ได้มาจากการทุจริตเชิงนโยบาย นายกฯต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเงินเหล่านี้ได้มาโดยสะอาดจริงๆ แต่ถ้าเงินสะอาดมาทำให้ระบบพรรคการเมืองเสีย โดยการใช้เงินจ่าย เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง เงินสะอาดเหล่านี้ก็ถือว่านำมาใช้ในวิธีการที่ไม่ถูกต้อง กล่าวคือเป็นการสร้างปัญหาและทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นได้เหมือนกัน ‘เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นว่าเงินสะอาดนั้นจะมาลบล้างการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ แต่สิ่งที่สำคัญคืออยู่ที่ตัวตนของผู้บริหารประเทศว่ามีความจริงใจแค่ไหน ในการที่จะเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น’ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ส่วนเรื่องการแก้กฎหมาย ปปช. เพื่อเพิ่มอำนาจให้ ปปช. มีอำนาจมากขึ้น นายสาธิตกล่าวว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมาย เพิ่มอำนาจให้ ปปช. แต่ขอให้รัฐบาลทำอย่างเดียวคือ อย่าเข้าไปแทรกแซงก้าวก่ายในอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กร เพราะอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กรมีความพร้อมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าปล่อยให้แต่ละองค์กรทำงานอย่างมีอิสระและมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซง โดยควบคุมกำกับในระดับนโยบายเท่านั้น ก็จะทำให้ผลของการปราบทุจริตคอร์รัปชั่นเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามแต่ละองค์กรก็ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-
จากการประชุมเพื่อกำหนดข้อตกลงร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) วานนี้ (30 ก.ย.47) นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องวิธีการที่จะแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น คือขอให้นายกฯใช้หลักธรรมาภิบาลกับพรรคไทยรักไทย นั่นคือนายกฯต้องกล้าที่จะใช้ระบบธรรมาภิบาลในพรรคไทยรักไทย หมายความว่าเงินที่จะเข้ามาสู่พรรค หรือเงินที่ใช้จ่ายในพรรค ต้องเป็นระบบที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมถึงเงินที่จ่ายให้ ส.ส. รายเดือนจำนวนมากถึงเดือนละ 500,000 บาทนั้น ก็ต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้ทราบว่านำเงินมาจากไหน ถ้านายกฯกล้าทำเรื่องเหล่านี้ก็คิดว่าเป็นการแก้ไขในระยะสั้นได้ เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่นเบื้องต้นมาจากระบบพรรคการเมือง ถ้าหากพรรคการเมืองใช้เงินจำนวนมากเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับสมาชิกเพื่อลงพื้นที่ เมื่อจ่ายมากพรรคการเมืองก็ต้องมีต้นทุนสูง เมื่อมีต้นทุนสูง ก็ต้องไปหาเงินมาด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะทำได้ในฐานะหัวหน้าพรรคคือ การที่จะออกมาประกาศให้เงิน ส.ส. ก็ต้องเป็นไปตามความจำเป็นในการลงพื้นที่เท่านั้น ‘ถ้านายกฯใช้ระบบธรรมาภิบาลกับพรรคการเมืองก็ไม่ต้องมีการออกมาพูดว่ารัฐมนตรีเรียกหาเงินเข้าพรรค ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ใช่พูดอย่างกระทำอีกอย่าง’ นายสาธิตกล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายกฯบอกว่าจะใช้เงินสะอาดล้างสกปรกนั้น นายกฯต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเงินที่บอกว่าสะอาดนั้น ไม่ได้มาจากการทุจริตเชิงนโยบาย นายกฯต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเงินเหล่านี้ได้มาโดยสะอาดจริงๆ แต่ถ้าเงินสะอาดมาทำให้ระบบพรรคการเมืองเสีย โดยการใช้เงินจ่าย เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง เงินสะอาดเหล่านี้ก็ถือว่านำมาใช้ในวิธีการที่ไม่ถูกต้อง กล่าวคือเป็นการสร้างปัญหาและทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นได้เหมือนกัน ‘เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นว่าเงินสะอาดนั้นจะมาลบล้างการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ แต่สิ่งที่สำคัญคืออยู่ที่ตัวตนของผู้บริหารประเทศว่ามีความจริงใจแค่ไหน ในการที่จะเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น’ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ส่วนเรื่องการแก้กฎหมาย ปปช. เพื่อเพิ่มอำนาจให้ ปปช. มีอำนาจมากขึ้น นายสาธิตกล่าวว่า รัฐบาลไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมาย เพิ่มอำนาจให้ ปปช. แต่ขอให้รัฐบาลทำอย่างเดียวคือ อย่าเข้าไปแทรกแซงก้าวก่ายในอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กร เพราะอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กรมีความพร้อมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าปล่อยให้แต่ละองค์กรทำงานอย่างมีอิสระและมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซง โดยควบคุมกำกับในระดับนโยบายเท่านั้น ก็จะทำให้ผลของการปราบทุจริตคอร์รัปชั่นเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามแต่ละองค์กรก็ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-