โฆษกพรรคประชาธิปัตย์’ จวกรัฐบาล ‘ไร้ประสิทธิภาพ’ แก้ไขปัญหาไข้หวัดนก สางปมรัฐบาลปกปิดข้อมูลเหตุหายนะรอบสอง ส่งผลกระทบต่อศก.ประเทศ ย้ำขีดเส้นตาย 30 วันของ ‘นายกฯ’หวังผลทางการเมือง สร้างภาพ เอาจริงต่อการแก้ปัญหา...
วันนี้ ( 3 ต.ค.47 )นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีวิกฤติไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการติดตามมาโดยตลอดและได้พบว่า การแก้ไขปัญหาไข้หวัดนกของรัฐบาล ‘ไร้ประสิทธิภาพ’ อย่างชัดเจน ซึ่งจะเห็นได้ว่า นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาที่รัฐบาลประกาศยอมรับว่ามีการแพร่ระบาดเป็นครั้งแรก ทั้งๆที่มีการแพร่ระบาดรอบแรกตั้งแต่เดือนพฤษจิกายน 2546 ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนัก แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกได้อย่างเด็ดขาด
“การที่รัฐบาลไม่สามารถหยุดยั้ง การแพร่ระบาดของโรคได้อย่างเด็ดขาด สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีศักยภาพเพียงพอเมื่อเผชิญกับวิกฤติการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการให้เห็นมาตลอดนั้นเป็นแต่เพียงการสร้างภาพ ปกปิดซ่อนเร้นข้อเท็จจริงกับประชาชนอยู่ตลอดเวลา”นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ ยังกล่าวถึง การปกปิดข้อมูลของรัฐบาล ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกในครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปีที่แล้วล้วนเกิดจากการปกปิดข้อมูลของทางรัฐบาล เพียงเพื่อปกป้องผลกระทบของกลุ่มนายทุนผู้เลี้ยงไก่บางรายที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลเท่านั้น นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจากการประเมินในเบื้องต้นแล้วพบว่า ได้สร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท รวมทั้งทำให้มีการว่างงานอีกนับแสนคนด้วย
อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจากการระบาดในรอบใหม่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา ที่จังหวัดกำแพงเพชรทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ก็ยังมีลักษณะการทำงานของรัฐบาลในรูปแบบเดิมนั่นคือยังมีการปกปิดข้อมูล และความไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่เช่นเดิม
“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ทำงานประสานงานกัน โดยจะเห็นได้ว่ามีการพบว่ามีไก่ตายที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร แต่ทางปศุสัตว์จังหวัดกลับไม่รู้เรื่อง อีกทั้งเมื่อมีผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลกลับปรากฎว่าไม่มีการตรวจวินิจฉัยโรคอย่างละเอียด ทั้งที่มีการออกมาตรการในเรื่องดังกล่าวเอาไว้อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”นายองอาจ กล่าวและว่า พบเห็นความขัดแย้ง ปัดความรับผิดชอบกันไปมา ระหว่าง ระหว่างรัฐมนตรี 3 กระทรวง ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก ต่างฝ่ายก็อ้างว่าอีกฝ่ายผิดพลาดจนทำให้ปัญหาลุกลาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ทำงานประสานงาน และทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
นายองอาจ ยังกล่าวถึง การที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศขีดเส้นตายว่า ให้ล้างเผ่าพันธุ์เชื้อโรคไข้หวัดนกภายใน 30 วัน และขู่เล่นงานรัฐมนตรีถึง 5 คน ว่าเเป็นเพียงการพูดหวังผลทางการเมือง สร้างภาพให้เห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหานั้น มีเพียงแต่คำขู่เท่านั้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-
วันนี้ ( 3 ต.ค.47 )นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีวิกฤติไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการติดตามมาโดยตลอดและได้พบว่า การแก้ไขปัญหาไข้หวัดนกของรัฐบาล ‘ไร้ประสิทธิภาพ’ อย่างชัดเจน ซึ่งจะเห็นได้ว่า นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาที่รัฐบาลประกาศยอมรับว่ามีการแพร่ระบาดเป็นครั้งแรก ทั้งๆที่มีการแพร่ระบาดรอบแรกตั้งแต่เดือนพฤษจิกายน 2546 ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนัก แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกได้อย่างเด็ดขาด
“การที่รัฐบาลไม่สามารถหยุดยั้ง การแพร่ระบาดของโรคได้อย่างเด็ดขาด สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีศักยภาพเพียงพอเมื่อเผชิญกับวิกฤติการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการให้เห็นมาตลอดนั้นเป็นแต่เพียงการสร้างภาพ ปกปิดซ่อนเร้นข้อเท็จจริงกับประชาชนอยู่ตลอดเวลา”นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ ยังกล่าวถึง การปกปิดข้อมูลของรัฐบาล ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกในครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปีที่แล้วล้วนเกิดจากการปกปิดข้อมูลของทางรัฐบาล เพียงเพื่อปกป้องผลกระทบของกลุ่มนายทุนผู้เลี้ยงไก่บางรายที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลเท่านั้น นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจากการประเมินในเบื้องต้นแล้วพบว่า ได้สร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท รวมทั้งทำให้มีการว่างงานอีกนับแสนคนด้วย
อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจากการระบาดในรอบใหม่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา ที่จังหวัดกำแพงเพชรทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ก็ยังมีลักษณะการทำงานของรัฐบาลในรูปแบบเดิมนั่นคือยังมีการปกปิดข้อมูล และความไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่เช่นเดิม
“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ทำงานประสานงานกัน โดยจะเห็นได้ว่ามีการพบว่ามีไก่ตายที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร แต่ทางปศุสัตว์จังหวัดกลับไม่รู้เรื่อง อีกทั้งเมื่อมีผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลกลับปรากฎว่าไม่มีการตรวจวินิจฉัยโรคอย่างละเอียด ทั้งที่มีการออกมาตรการในเรื่องดังกล่าวเอาไว้อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”นายองอาจ กล่าวและว่า พบเห็นความขัดแย้ง ปัดความรับผิดชอบกันไปมา ระหว่าง ระหว่างรัฐมนตรี 3 กระทรวง ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก ต่างฝ่ายก็อ้างว่าอีกฝ่ายผิดพลาดจนทำให้ปัญหาลุกลาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ทำงานประสานงาน และทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
นายองอาจ ยังกล่าวถึง การที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศขีดเส้นตายว่า ให้ล้างเผ่าพันธุ์เชื้อโรคไข้หวัดนกภายใน 30 วัน และขู่เล่นงานรัฐมนตรีถึง 5 คน ว่าเเป็นเพียงการพูดหวังผลทางการเมือง สร้างภาพให้เห็นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหานั้น มีเพียงแต่คำขู่เท่านั้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-