กรณีที่พรรคไทยรักไทยออกมาวิจารณ์การเดินสายปราศรัยของพรรคใน “โครงการถึงเวลาทวงคืนประเทศไทย” ว่า ไม่ได้เป็นการทวงคืนประเทศไทย และยังตั้งคำถามว่า จะทวงคืนประเทศไทยไปให้ ไอเอ็มเอฟ ไปให้จอร์สโซรอส หรือเพื่อแจก สปก 4-01 อีกเช่นนั้นหรือ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นยุทธศาสตร์ของพรรคที่ได้ปฏิบัติมาโดยตอลดในการเข้าถึงประชาชน ซึ่งเป็นการทวงคืนประเทศไทยเพื่อเอาไปให้พี่น้องประชาชน คนไทยทั้งประเทศ เพราะปัจจุบันปัญหาต่างๆ ในประเทศได้หมักหมม มาตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งพรรคเห็นว่ามีเรื่องที่ต้องทวงคืนสำคัญๆอยู่ 6 เรื่องด้วยกัน คือ
1.ทวงคืนความสุจริต กลับมาสู่ประเทศไทยเพราะขณะนี้การทุจริตคอรัปชั่น ไม่ว่าจะเป็นการทุจริต เชิงนโยบาย หรือการทุจริต ในเชิงผลประโยชน์ทับซ้อน มีมาอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แม้ใกล้รัฐบาลจะครบวาระยังมีให้เห็นอยู่ ตลอดเวลา
2.ทวงคืนระบบเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประเทศไทย เพราะขณะตลอด 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดหนี้สิ้นแก้ประชาชนอย่างมากมายรัฐบาลได้สร้างเศรษฐกิจที่ฟุ้มเฟือย ขึ้นมาในประเทศนี้อย่างต่อเนื่อง
3.ทวงคืนระบบคุณธรรม เพื่อแทนระบบอุปถัมท์ จากการบริหารราชการแผ่นดิน ใน 4 ปี ที่ผ่านมาเน้นหนักในเรื่อง ระบบอุปถัมท์ เป็นหลัก จากการที่ผู้รับผิดชอบระดับสูงในรัฐบาลนี้ล้วน แล้วแต่เป็นผู้ที่มีนามสกุล หรือเป็นผู้มีความสัมพันธ์ โยงใย กับบุคคลระดับสูงในรัฐบาลชุดนี้อย่างมาก
4.ทวงคืนศีลธรรมกลับมาสู่ประเทศไทย จากที่ความเลวร้ายเกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน เป็นเพราะรัฐบาลคำนึงถึง ‘เงิน’ เป็นตัวตั้ง ทำทุกวิถีทางให้คนลุ่มหลงใน ‘เงิน’
5.ทวงคืนอำนาจให้กลับมาสู่ประชาชนอย่างเดิม อำนาจที่ประชาชนควรจะมีส่วนร่วมได้ตาม รัฐธรรมนูญของไทยรวมทั้งอำนาจอธิปไตยที่ควรจะเป็น ก็ได้ถูกทำให้เป็นของเฉพาะผู้มีอำนาจในรัฐบาล ในช่วงระยะเวลา เกือบ 4 ปีที่ผ่านมา บุคคลใดที่มีความเห็นแตกต่างจากรัฐบาลก็จะถูกรัฐบาลใช้อำนาจเถื่อน อำนาจที่ไม่ชอบธรรมเข้าไปรังแกเข้าไปข่มเหง เข้าไปเลือกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องตลอดมา ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องร่วมกับประชาชน ร่วมกันทวงคืนอำนาจกลับมาสู่ประชาชน
6.ทวงคืนความยุติธรรม เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพยายามเลือกปฏิบัติ ใช้วิธีการข่มเหงรังแก และใช้อำนาจรัฐเข้าไปข่มเหงรังแก ทำลายความยุติธรรม ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับประเด็นที่พรรคไทยรักไทย ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จะทวงคืนไอเอ็มเอฟกลับมาสู่ประเทศไทยอีก นายองอาจ กล่าวว่า พรรคไทยรักไทย ควรจะกลับไปถาม รองนายกฯ ในรัฐบาลชุดนี้ของท่าน เพราะคนที่เริ่มต้น ทำให้เศรษฐกิจ ล้มเหลว ในยุคปี 2540 จน กระทั่งไทยต้องกู้เงิน ไอเอ็มเอฟ ต้องปิดสถาบันการเงินนั้น เกิดขึ้นในช่วงของรัฐบาลที่มีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ในปัจจุบัน เป็น นายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้น และมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกฯ ในขณะนั้น ตรงกันข้ามพรรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ต้องเข้ามาแบกรับภาระอันหนักหน่วง จากปัญหาเศรษฐกิจ ที่บุคคลเหล่านั้นสร้างเอาไว้ จากค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินสหรัฐอเมริกา 25 บาท ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ ในยุคนั้นขึ้นไปถึง 50-60 บาท เราต้องทำให้มาอยู่ในสภาวะที่สมดุล มากที่สุดจนกระทั่งมาถึงปัจจุบันอยู่ที่ 40 บาท ต่อ 1 เหรียญ สหรัฐ
‘ฉะนั้นสิ่งที่พรรค ทรท.บอกว่าเราจะมาทวงคืน ไอเอ็มเอฟ ให้กลับมา หรือไม่นั้น จึงไม่เป็นความจริง เพราะความจริงแล้ว การกู้ยืมเงินไอเอ็มเอฟ เกิดขึ้นสมัย ที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเป็นนายกฯ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกฯ รวมทั้งการปิดสถาบันการเงิน จนทำให้ระบบเศรษฐกิจมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างมากมาย’นายองอาจกล่าว
ในส่วนของเรื่อง สปก 4-01 โฆษกพรรคปชป. กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์คงไม่ต้องทวงคืนอะไรกลับมา เพราะว่า การดำเนินการ แจกเอกสารสิทธิ์ในรูปแบบของ สปก. นับตั้งแต่พรรค ประชาธิปัตย์ดำเนินการจนกระทั่งมาถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิม ใครที่เคยกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการไม่ถูกต้อง ก็ไม่ได้มีการแก้ไขอะไรให้ถูกต้องไปกว่าเดิมเพราะ ความจริงย่อมเป็นความจริงว่า สิ่งที่พรรค ประชาธิปัตย์ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เป็นความถูกต้องชอบธรรมที่ทุกรัฐบาลหลังจากนั้นก็ดำเนินการไปตามกฎระเบียบนั้นทุกอย่าง ‘มีแต่รัฐบาลไทยรักไทยเท่านั้นที่จะพยายามเอา สปก 4-01 ไปทำให้เสียหายมากยิ่งขึ้น จะพยายามทำ สปก. ให้เป็นโฉนด ที่ดิน ซึ่งมีการเปลี่ยนมือกันได้ จะส่งผลให้มีการทำลายป่าครั้งใหญ่มากยิ่งขึ้นฉะนั้นเห็นได้ว่าการที่พรรคไทยรักไทย กล่าวต่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น’ โฆษกพรรคปชป.กล่าว และกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ทางพรรคประชาธิปัตย์กำลังทำอยู่ในการทวงคืนประเทศไทยนั้น เป็นเรื่องที่เป็นความจริงและเป็นความจำเป็นที่ต้องดำเนินการก่อนที่ประเทศชาติจะพบกับความ หายนะมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นอยู่ในปัจจุบัน
นายองอาจ กล่าวอีกว่า กรณีที่พรรคไทยรักไทยออกมาระบุว่า รู้สึกผิดหวังที่ประชาธิปัตย์ เดินสายปราศรัย โดยไม่นำเสนอนโยบายใดๆนั้น ตนคิดว่าพรรคไทยรักไทยคงต้องผิดหวังต่อไปอีกนาน เพราะพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องดำเนินการเช่นนี้ต่อไป เพราะการดำเนินการดังกล่าวประชาชนสมหวังในสิ่งที่เราได้พูดปราศรัย เพราะประชาชนได้สะท้อนให้พรรคได้รับทราบว่า ได้รับฟังข้อมูลความจริงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยเฉพาะความจริงที่ไม่เคยได้รับจากสื่อของรัฐ ซึ่งก็พยายามปิดกั้นข้อมูลของพรรคฝ่ายค้านมาตลอด ดังนั้นการเดินสายปราศรัย ตามยุทธศาสตร์การทวงคืนประเทศไทยของพรรคประชาธิปัตย์จึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการต่อไป
สำหรับกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงรัฐบาล ว่าเป็นรัฐบาลกระจอกนั้น นายองอาจกล่าวว่า เป็นการปราศรัยต่อเนื่องจากเรื่องของการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะรัฐบาลพูดถึงโจรที่เข้ามาดำเนินการก่อให้เกิดความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นโจรกระจอกนั้น แต่ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาเกือบ 4 ปี ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลกระจอกมากกว่าโจรกระจอก เพราะ หากเป็นโจรกระจอกคงไม่สามารถที่จะทำความรุนแรงให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอด เกือบ 4 ปี ที่ผ่านดังนั้นสิ่งที่ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวนั้นจึงเป็นความจริงทุกประการ
‘พรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศนโยบายตลอด ในเรื่องการปราบทุจริตคอรัปชั่น 6 ข้อ รวมทั้งนโยบาย ภารกิจเร่งด่วน อีก 4 ข้อ ดังนั้นการที่พรรคไทยรักไทยออกมาระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยโจมตีรัฐบาลโดยไม่พูดถึงเรื่องนโยบายนั้นก็ไม่เป็นความจริง เป็นไปไม่ได้ที่พรรคการเมืองที่เคยบริหารประเทศจะไม่มีนโยบายที่ดี ที่นำเสนอต่อประชาชนอย่างที่พรรคไทยรักไทยกล่าวหา’ นายองอาจ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-
1.ทวงคืนความสุจริต กลับมาสู่ประเทศไทยเพราะขณะนี้การทุจริตคอรัปชั่น ไม่ว่าจะเป็นการทุจริต เชิงนโยบาย หรือการทุจริต ในเชิงผลประโยชน์ทับซ้อน มีมาอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แม้ใกล้รัฐบาลจะครบวาระยังมีให้เห็นอยู่ ตลอดเวลา
2.ทวงคืนระบบเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประเทศไทย เพราะขณะตลอด 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดหนี้สิ้นแก้ประชาชนอย่างมากมายรัฐบาลได้สร้างเศรษฐกิจที่ฟุ้มเฟือย ขึ้นมาในประเทศนี้อย่างต่อเนื่อง
3.ทวงคืนระบบคุณธรรม เพื่อแทนระบบอุปถัมท์ จากการบริหารราชการแผ่นดิน ใน 4 ปี ที่ผ่านมาเน้นหนักในเรื่อง ระบบอุปถัมท์ เป็นหลัก จากการที่ผู้รับผิดชอบระดับสูงในรัฐบาลนี้ล้วน แล้วแต่เป็นผู้ที่มีนามสกุล หรือเป็นผู้มีความสัมพันธ์ โยงใย กับบุคคลระดับสูงในรัฐบาลชุดนี้อย่างมาก
4.ทวงคืนศีลธรรมกลับมาสู่ประเทศไทย จากที่ความเลวร้ายเกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน เป็นเพราะรัฐบาลคำนึงถึง ‘เงิน’ เป็นตัวตั้ง ทำทุกวิถีทางให้คนลุ่มหลงใน ‘เงิน’
5.ทวงคืนอำนาจให้กลับมาสู่ประชาชนอย่างเดิม อำนาจที่ประชาชนควรจะมีส่วนร่วมได้ตาม รัฐธรรมนูญของไทยรวมทั้งอำนาจอธิปไตยที่ควรจะเป็น ก็ได้ถูกทำให้เป็นของเฉพาะผู้มีอำนาจในรัฐบาล ในช่วงระยะเวลา เกือบ 4 ปีที่ผ่านมา บุคคลใดที่มีความเห็นแตกต่างจากรัฐบาลก็จะถูกรัฐบาลใช้อำนาจเถื่อน อำนาจที่ไม่ชอบธรรมเข้าไปรังแกเข้าไปข่มเหง เข้าไปเลือกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องตลอดมา ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องร่วมกับประชาชน ร่วมกันทวงคืนอำนาจกลับมาสู่ประชาชน
6.ทวงคืนความยุติธรรม เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพยายามเลือกปฏิบัติ ใช้วิธีการข่มเหงรังแก และใช้อำนาจรัฐเข้าไปข่มเหงรังแก ทำลายความยุติธรรม ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับประเด็นที่พรรคไทยรักไทย ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์จะทวงคืนไอเอ็มเอฟกลับมาสู่ประเทศไทยอีก นายองอาจ กล่าวว่า พรรคไทยรักไทย ควรจะกลับไปถาม รองนายกฯ ในรัฐบาลชุดนี้ของท่าน เพราะคนที่เริ่มต้น ทำให้เศรษฐกิจ ล้มเหลว ในยุคปี 2540 จน กระทั่งไทยต้องกู้เงิน ไอเอ็มเอฟ ต้องปิดสถาบันการเงินนั้น เกิดขึ้นในช่วงของรัฐบาลที่มีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ในปัจจุบัน เป็น นายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้น และมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกฯ ในขณะนั้น ตรงกันข้ามพรรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ต้องเข้ามาแบกรับภาระอันหนักหน่วง จากปัญหาเศรษฐกิจ ที่บุคคลเหล่านั้นสร้างเอาไว้ จากค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินสหรัฐอเมริกา 25 บาท ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ ในยุคนั้นขึ้นไปถึง 50-60 บาท เราต้องทำให้มาอยู่ในสภาวะที่สมดุล มากที่สุดจนกระทั่งมาถึงปัจจุบันอยู่ที่ 40 บาท ต่อ 1 เหรียญ สหรัฐ
‘ฉะนั้นสิ่งที่พรรค ทรท.บอกว่าเราจะมาทวงคืน ไอเอ็มเอฟ ให้กลับมา หรือไม่นั้น จึงไม่เป็นความจริง เพราะความจริงแล้ว การกู้ยืมเงินไอเอ็มเอฟ เกิดขึ้นสมัย ที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเป็นนายกฯ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรองนายกฯ รวมทั้งการปิดสถาบันการเงิน จนทำให้ระบบเศรษฐกิจมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างมากมาย’นายองอาจกล่าว
ในส่วนของเรื่อง สปก 4-01 โฆษกพรรคปชป. กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์คงไม่ต้องทวงคืนอะไรกลับมา เพราะว่า การดำเนินการ แจกเอกสารสิทธิ์ในรูปแบบของ สปก. นับตั้งแต่พรรค ประชาธิปัตย์ดำเนินการจนกระทั่งมาถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิม ใครที่เคยกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการไม่ถูกต้อง ก็ไม่ได้มีการแก้ไขอะไรให้ถูกต้องไปกว่าเดิมเพราะ ความจริงย่อมเป็นความจริงว่า สิ่งที่พรรค ประชาธิปัตย์ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เป็นความถูกต้องชอบธรรมที่ทุกรัฐบาลหลังจากนั้นก็ดำเนินการไปตามกฎระเบียบนั้นทุกอย่าง ‘มีแต่รัฐบาลไทยรักไทยเท่านั้นที่จะพยายามเอา สปก 4-01 ไปทำให้เสียหายมากยิ่งขึ้น จะพยายามทำ สปก. ให้เป็นโฉนด ที่ดิน ซึ่งมีการเปลี่ยนมือกันได้ จะส่งผลให้มีการทำลายป่าครั้งใหญ่มากยิ่งขึ้นฉะนั้นเห็นได้ว่าการที่พรรคไทยรักไทย กล่าวต่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น’ โฆษกพรรคปชป.กล่าว และกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ทางพรรคประชาธิปัตย์กำลังทำอยู่ในการทวงคืนประเทศไทยนั้น เป็นเรื่องที่เป็นความจริงและเป็นความจำเป็นที่ต้องดำเนินการก่อนที่ประเทศชาติจะพบกับความ หายนะมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นอยู่ในปัจจุบัน
นายองอาจ กล่าวอีกว่า กรณีที่พรรคไทยรักไทยออกมาระบุว่า รู้สึกผิดหวังที่ประชาธิปัตย์ เดินสายปราศรัย โดยไม่นำเสนอนโยบายใดๆนั้น ตนคิดว่าพรรคไทยรักไทยคงต้องผิดหวังต่อไปอีกนาน เพราะพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องดำเนินการเช่นนี้ต่อไป เพราะการดำเนินการดังกล่าวประชาชนสมหวังในสิ่งที่เราได้พูดปราศรัย เพราะประชาชนได้สะท้อนให้พรรคได้รับทราบว่า ได้รับฟังข้อมูลความจริงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยเฉพาะความจริงที่ไม่เคยได้รับจากสื่อของรัฐ ซึ่งก็พยายามปิดกั้นข้อมูลของพรรคฝ่ายค้านมาตลอด ดังนั้นการเดินสายปราศรัย ตามยุทธศาสตร์การทวงคืนประเทศไทยของพรรคประชาธิปัตย์จึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการต่อไป
สำหรับกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงรัฐบาล ว่าเป็นรัฐบาลกระจอกนั้น นายองอาจกล่าวว่า เป็นการปราศรัยต่อเนื่องจากเรื่องของการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะรัฐบาลพูดถึงโจรที่เข้ามาดำเนินการก่อให้เกิดความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นโจรกระจอกนั้น แต่ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาเกือบ 4 ปี ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลกระจอกมากกว่าโจรกระจอก เพราะ หากเป็นโจรกระจอกคงไม่สามารถที่จะทำความรุนแรงให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอด เกือบ 4 ปี ที่ผ่านดังนั้นสิ่งที่ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวนั้นจึงเป็นความจริงทุกประการ
‘พรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศนโยบายตลอด ในเรื่องการปราบทุจริตคอรัปชั่น 6 ข้อ รวมทั้งนโยบาย ภารกิจเร่งด่วน อีก 4 ข้อ ดังนั้นการที่พรรคไทยรักไทยออกมาระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยโจมตีรัฐบาลโดยไม่พูดถึงเรื่องนโยบายนั้นก็ไม่เป็นความจริง เป็นไปไม่ได้ที่พรรคการเมืองที่เคยบริหารประเทศจะไม่มีนโยบายที่ดี ที่นำเสนอต่อประชาชนอย่างที่พรรคไทยรักไทยกล่าวหา’ นายองอาจ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-