แท็ก
ก.พ
ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ก.พลังงานยืนยันไม่มีการปรับราคาน้ำมันเบนซินภายในสัปดาห์นี้ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า
ก.พลังงานยืนยันยังไม่มีการปรับราคาน้ำมันเบนซินภายในสัปดาห์นี้ แม้ว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะมีการปรับเพิ่มขึ้นต่อ
เนื่อง ส่งผลให้ล่าสุดกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องชดเชยเบนซินออกเทน 95 ลิตรละ 1.11 บาท และออกเทน
91 ลิตรละ 1.20 บาท ขณะเดียวกัน รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งให้กรมการค้าภายในเรียกประชุมผู้ประกอบ
การสินค้าอุปโภคและบริโภคในสัปดาห์หน้าเพื่อขอความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้าต่อไปอีก 3-6 เดือน จาก
เดิมจะหมดระยะเวลาตรึงราคาในวันที่ 31 ต.ค.นี้ แต่หากผู้ประกอบการประสบภาวะขาดทุนและยืนยันว่าต้อง
ปรับขึ้นราคาก็จะขอให้ปรับขึ้นแบบขั้นบันไดหรือทยอยปรับขึ้นราคา นอกจากนี้ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการ
เงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หากรัฐบาลประกาศลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ก็ยังไม่กระทบ
ต่อต้นทุนที่แท้จริงของผู้ประกอบการโดยรวมมากนัก แต่จะกระทบในภาคการขนส่งและการบริการเนื่องจากใช้
น้ำมันดีเซลในการประกอบการเป็นหลัก ทั้งนี้ ภาวะเงินเฟ้อพื้นฐานก็ยังอยู่ในเป้าหมายที่ ธปท.วางไว้ อย่างไรก็
ตาม การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตัดสินใจประเมินภาวะเศรษฐกิจต่าง ๆ นั้น ได้มีการ
คำนวณถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของไทย ซึ่ง ธปท.มั่นใจว่าจะสามารถปรับนโยบาย
การเงินเพื่อรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ทัน (ผู้จัดการรายวัน, มตืชน, ข่าวสด)
2. บ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ผลประกอบการของ ธพ.ไทย 11 แห่งในไตรมาส 3 ปี 47
จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย บริษัทศูนย์กสิกรไทย ได้คาดการณ์ถึงผลประกอบการของระบบ ธพ.ไทย 11 แห่ง
(ไม่รวมธ.ธนชาต และ ธ.ดีบีเอส ไทยทนุ) สำหรับในไตรมาส 3 ปี 47 ว่า กำไรสุทธิจะมีระดับที่ค่อนข้างทรงตัว
จากไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,888 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 1,885 หมื่นล้านบาท ในไตร
มาส 2 ของปี 47 หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.17 ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ผลการ
ดำเนินงานของระบบ ธพ.ไทยทั้ง 11 แห่งคาดว่าจะขยับเพิ่มขึ้นจากการขาดทุนสุทธิเล็กน้อย 0.54 พันล้านบาท
ในไตรมาส 3 ปี 46 มาเป็นกำไรสุทธิประมาณ 1,888 หมื่นบ้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 47 ทั้งนี้ เนื่องจากราย
ได้ดอกเบี้ยสุทธิคงจะยังรักษาระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าไว้ได้ แม้ว่ายอดคงค้างของสินเชื่อในช่วง
ระหว่าง 2 เดือนแรกของไตรมาส 3 ปี 47 จะเติบโตต่ำกว่าการขยายตัวของเงินฝาก แต่ปัจจัยดังกล่าวคาดว่า
จะเป็นผลจากการขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ และการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินของ
บริษัทบริหารสินทรัพย์ ขณะที่สินเชื่อดียังน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อ
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.พาณิชย์ ตั้งเป้าหมายส่งออกในปี 48 ขยายตัวร้อยละ 20 รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า
ก.พาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกในปี 48 จะมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 20 หรือมีมูลค่าส่งออกประมาณ 1 แสน
ล.ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากได้รับรายงานจากกรมส่งเสริมการส่งออกว่า คำสั่งซื้อสินค้าไทยยังขยายตัวต่อ
เนื่อง โดยเฉพาะสินค้าอัญมณี เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์และอุปกรณ์ รวมทั้งสินค้าเกษตร
ส่วนกรณีราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าของไทยนั้น ทุกประเทศได้รับ
ผลกระทบเช่นเดียวกันหมด เชื่อว่าสินค้าไทยยังสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดโลกได้ (เดลินิวส์)
4. กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 47 สูงกว่าประมาณการร้อยละ 16.60 อธิบดีกรม
สรรพสามิต เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในปีงบประมาณ 47 จัดเก็บได้จำนวน 275,767 ล้าน
บาท สูงกว่าประมาณการถึง 39,267 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.60 และสูงกว่าปีงบประมาณ 46 ที่จัดเก็บได้
246,640 ล้านบาท จำนวน 29,126 ล้านบาท โดยนับว่าปีงบประมาณ 47 สามารถจัดเก็บภาษีได้สูงเป็น
ประวัติการณ์ เนื่องจากภาษีสรรพสามิตน้ำมัน รถยนต์ เบียร์ ได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าเป้าหมายเป็น
ส่วนใหญ่ โดยภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บได้มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ภาษีรถยนต์
ภาษีเบียร์ ภาษียาสูบ และภาษีสุรา (แนวหน้า, บ้านเมือง, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตของสรอ. ในเดือนก.ย. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 รายงานจาก
นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 47 ผลการสำรวจนักวิเคราะห์จำนวน 33 คนของรอยเตอร์คาดว่า ดัชนีราคาผู้
ผลิตของสรอ. (Producer Price Index — PPI) ในเดือนก.ย. 47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 หลังจากที่ลด
ลงร้อยละ 0.1 เมื่อเดือนก่อน เช่นเดียวกับดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและ
พลังงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.1 เมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันเริ่ม
ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อกลางเดือน ก.ย. และทำสถิติสูงสุดถึงบาร์เรลละ 54 ดอลลาร์ สรอ.ในสัปดาห์นี้ ซึ่งสร้าง
ความวิตกว่าจะกระทบราคาค้าส่งในไม่ช้านี้ ในขณะที่ราคาผักและผลไม้แม้ว่าจะแพงขึ้นแต่คาดว่าจะไม่กระทบต่อ
อัตราเงินเฟ้อมากนัก โดยยังจะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้อยู่ ทั้งนี้ ก.แรงงานสรอ. มีกำหนดจะประกาศ
ตัวเลข PPI อย่างเป็นทางการในวันศุกร์นี้ เวลา 8.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
2. อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษเดือน ก.ย.47 ลดลงเหลือร้อยละ 1.1 ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 13 ต.ค.47 Mervyn King ผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษ
กล่าวว่า การที่ ธ.กลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5 ครั้ง นับตั้งแต่เดือน พ.ย.46 จนปัจจุบันอยู่ที่ระดับ
ร้อยละ 4.5 ช่วยทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงและทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ทางการตั้งเป้าหมาย
ไว้ ตลอดจนช่วยชะลอความร้อนแรงของตลาดซื้อขายบ้านลงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูง
ขึ้นยังต้องจับตามองเป็นพิเศษ ส่วนปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อมีไม่มากนัก และอัตราเงินเฟ้อในเดือน
ก.ย.47 ลดลงอยู่ที่ระดับต่ำกว่าที่ ธ.กลางอังกฤษตั้งเป้าหมายไว้ไม่เกินร้อยละ 2 โดยเหลือเพียงร้อยละ 1.1
จากร้อยละ 1.3 ในเดือน ส.ค.47 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ในขณะที่อัตราคนว่างยังอยู่ในระดับ
ต่ำและมีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางญี่ปุ่นตัดสินใจคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป รายงานจากโตเกียว เมื่อ
13 ต.ค.47 คณะกรรมการ ธ.กลางญี่ปุ่นลงมติเป็นเอกฉันท์ให้คงสภาพคล่องส่วนเกินในระบบ ธ.พาณิชย์ในระดับ
ปัจจุบันต่อไปหลังจากใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายนี้มาเป็นเวลากว่า 3 ปีเพื่อคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับ
ใกล้ร้อยละ 0 จนกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 0 อย่างมีเสถียรภาพ การตัดสินใจดังกล่าว
ของ ธ.กลางญี่ปุ่นเกิดขึ้นหลังจากตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวที่เพิ่งประกาศเมื่อวันที่ 13 ต.ค.47 ชี้ให้เห็นว่า
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวจากเมื่อต้นปีนี้จากผลกระทบของราคาน้ำมันและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ
ตัว โดยยอดเงินให้สินเชื่อของ ธ.พาณิชย์ในเดือน ก.ย.47 มีจำนวน 449.0992 ล้านล้านเยนหรือประมาณ
4.1 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ.ลดลงร้อยละ 2.8 จากเดือนเดียวกันในปีก่อน ลดลงเป็นเดือนที่ 45 ติดต่อกัน หลัง
จากลดลงร้อยละ 2.8 และ 3.4 ในเดือน ส.ค.และ ก.ค.47 ตามลำดับ ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นร้อยละ
2.1 จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.45 ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค.47
ถูกปรับตัวเลขลดลงจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ก่อนหน้านี้เป็นเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ในขณะที่ยอดเกินดุลบัญชี
เดินสะพัดในเดือน ส.ค.47 มีจำนวน 1.447 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 จากปีก่อนเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุด
นับตั้งแต่เดือน มิ.ย.46 โดยยอดเกินดุลการค้าลดลงร้อยละ 15.3 จากปีก่อนมีจำนวน 806.3 พันล้านเยน
จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่ายอดส่งออกคือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.4 มีจำนวน
3.7631 ล้านล้านเยนในขณะที่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 มีจำนวน 4.5694 ล้านล้านเยน (รอยเตอร์)
4. นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดขายปลีกของสิงคโปร์จะลดลงในเดือน ส.ค.47 รายงาน
จาก สิงคโปร์เมื่อ 13 ต.ค.47 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า
ยอดขายปลีก(ตัวเลขหลังปรับปัจจัยตามฤดูกาล)ของสิงคโปร์ในเดือน ส.ค.47 จะลดลงร้อยละ 0.7 เทียบต่อ
เดือน หลังจากที่ลดลงเกินความคาดหมายถึงร้อยละ 5 ในเดือน ก.ค.47 สำหรับยอดขายปลีกในช่วง 8 เดือน
(ม.ค.-ส.ค.) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค. ทั้งนี้
ยอดขายปลีกที่ลดลงมีสาเหตุจากการที่จำนวนนักท่องเที่ยว ยอดขายรถยนต์ และการใช้จ่ายของผู้บริโภค ชะลอตัว
ลง โดยตัวเลขการขายปลีกของสิงคโปร์ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาค่อนข้างจะไม่สอดคล้องกับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
เช่นในเดือน ก.ค.47 ยอดขายปลีกลดลงแม้จะเป็นช่วงเทศกาลค้าปลีกประจำปี ในขณะที่เพิ่มขึ้นในช่วงเดือน
มิ.ย.และ พ.ค.47 อนึ่ง สำนักงานสถิติจะเปิดเผยตัวเลขยอดขายปลีกอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 15 ต.ค.นี้
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 14 ต.ค. 47 13 ต.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.374 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.1711/41.4630 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.6500-1.6875 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 661.29/ 19.05 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,100/8,200 8,100/8,200 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 38.04 37.75 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.79*/14.59 21.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 24 ส.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ก.พลังงานยืนยันไม่มีการปรับราคาน้ำมันเบนซินภายในสัปดาห์นี้ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า
ก.พลังงานยืนยันยังไม่มีการปรับราคาน้ำมันเบนซินภายในสัปดาห์นี้ แม้ว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะมีการปรับเพิ่มขึ้นต่อ
เนื่อง ส่งผลให้ล่าสุดกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องชดเชยเบนซินออกเทน 95 ลิตรละ 1.11 บาท และออกเทน
91 ลิตรละ 1.20 บาท ขณะเดียวกัน รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งให้กรมการค้าภายในเรียกประชุมผู้ประกอบ
การสินค้าอุปโภคและบริโภคในสัปดาห์หน้าเพื่อขอความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้าต่อไปอีก 3-6 เดือน จาก
เดิมจะหมดระยะเวลาตรึงราคาในวันที่ 31 ต.ค.นี้ แต่หากผู้ประกอบการประสบภาวะขาดทุนและยืนยันว่าต้อง
ปรับขึ้นราคาก็จะขอให้ปรับขึ้นแบบขั้นบันไดหรือทยอยปรับขึ้นราคา นอกจากนี้ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการ
เงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หากรัฐบาลประกาศลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ก็ยังไม่กระทบ
ต่อต้นทุนที่แท้จริงของผู้ประกอบการโดยรวมมากนัก แต่จะกระทบในภาคการขนส่งและการบริการเนื่องจากใช้
น้ำมันดีเซลในการประกอบการเป็นหลัก ทั้งนี้ ภาวะเงินเฟ้อพื้นฐานก็ยังอยู่ในเป้าหมายที่ ธปท.วางไว้ อย่างไรก็
ตาม การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตัดสินใจประเมินภาวะเศรษฐกิจต่าง ๆ นั้น ได้มีการ
คำนวณถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของไทย ซึ่ง ธปท.มั่นใจว่าจะสามารถปรับนโยบาย
การเงินเพื่อรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ทัน (ผู้จัดการรายวัน, มตืชน, ข่าวสด)
2. บ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ผลประกอบการของ ธพ.ไทย 11 แห่งในไตรมาส 3 ปี 47
จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย บริษัทศูนย์กสิกรไทย ได้คาดการณ์ถึงผลประกอบการของระบบ ธพ.ไทย 11 แห่ง
(ไม่รวมธ.ธนชาต และ ธ.ดีบีเอส ไทยทนุ) สำหรับในไตรมาส 3 ปี 47 ว่า กำไรสุทธิจะมีระดับที่ค่อนข้างทรงตัว
จากไตรมาสก่อนหน้า โดยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,888 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 1,885 หมื่นล้านบาท ในไตร
มาส 2 ของปี 47 หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.17 ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ผลการ
ดำเนินงานของระบบ ธพ.ไทยทั้ง 11 แห่งคาดว่าจะขยับเพิ่มขึ้นจากการขาดทุนสุทธิเล็กน้อย 0.54 พันล้านบาท
ในไตรมาส 3 ปี 46 มาเป็นกำไรสุทธิประมาณ 1,888 หมื่นบ้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 47 ทั้งนี้ เนื่องจากราย
ได้ดอกเบี้ยสุทธิคงจะยังรักษาระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าไว้ได้ แม้ว่ายอดคงค้างของสินเชื่อในช่วง
ระหว่าง 2 เดือนแรกของไตรมาส 3 ปี 47 จะเติบโตต่ำกว่าการขยายตัวของเงินฝาก แต่ปัจจัยดังกล่าวคาดว่า
จะเป็นผลจากการขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ และการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินของ
บริษัทบริหารสินทรัพย์ ขณะที่สินเชื่อดียังน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อ
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (กรุงเทพธุรกิจ)
3. ก.พาณิชย์ ตั้งเป้าหมายส่งออกในปี 48 ขยายตัวร้อยละ 20 รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า
ก.พาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกในปี 48 จะมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 20 หรือมีมูลค่าส่งออกประมาณ 1 แสน
ล.ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากได้รับรายงานจากกรมส่งเสริมการส่งออกว่า คำสั่งซื้อสินค้าไทยยังขยายตัวต่อ
เนื่อง โดยเฉพาะสินค้าอัญมณี เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์และอุปกรณ์ รวมทั้งสินค้าเกษตร
ส่วนกรณีราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าของไทยนั้น ทุกประเทศได้รับ
ผลกระทบเช่นเดียวกันหมด เชื่อว่าสินค้าไทยยังสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดโลกได้ (เดลินิวส์)
4. กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 47 สูงกว่าประมาณการร้อยละ 16.60 อธิบดีกรม
สรรพสามิต เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในปีงบประมาณ 47 จัดเก็บได้จำนวน 275,767 ล้าน
บาท สูงกว่าประมาณการถึง 39,267 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.60 และสูงกว่าปีงบประมาณ 46 ที่จัดเก็บได้
246,640 ล้านบาท จำนวน 29,126 ล้านบาท โดยนับว่าปีงบประมาณ 47 สามารถจัดเก็บภาษีได้สูงเป็น
ประวัติการณ์ เนื่องจากภาษีสรรพสามิตน้ำมัน รถยนต์ เบียร์ ได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าเป้าหมายเป็น
ส่วนใหญ่ โดยภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บได้มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ภาษีรถยนต์
ภาษีเบียร์ ภาษียาสูบ และภาษีสุรา (แนวหน้า, บ้านเมือง, ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตของสรอ. ในเดือนก.ย. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 รายงานจาก
นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 47 ผลการสำรวจนักวิเคราะห์จำนวน 33 คนของรอยเตอร์คาดว่า ดัชนีราคาผู้
ผลิตของสรอ. (Producer Price Index — PPI) ในเดือนก.ย. 47 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 หลังจากที่ลด
ลงร้อยละ 0.1 เมื่อเดือนก่อน เช่นเดียวกับดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและ
พลังงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.1 เมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันเริ่ม
ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อกลางเดือน ก.ย. และทำสถิติสูงสุดถึงบาร์เรลละ 54 ดอลลาร์ สรอ.ในสัปดาห์นี้ ซึ่งสร้าง
ความวิตกว่าจะกระทบราคาค้าส่งในไม่ช้านี้ ในขณะที่ราคาผักและผลไม้แม้ว่าจะแพงขึ้นแต่คาดว่าจะไม่กระทบต่อ
อัตราเงินเฟ้อมากนัก โดยยังจะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้อยู่ ทั้งนี้ ก.แรงงานสรอ. มีกำหนดจะประกาศ
ตัวเลข PPI อย่างเป็นทางการในวันศุกร์นี้ เวลา 8.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
2. อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษเดือน ก.ย.47 ลดลงเหลือร้อยละ 1.1 ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 13 ต.ค.47 Mervyn King ผู้ว่าการ ธ.กลางอังกฤษ
กล่าวว่า การที่ ธ.กลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5 ครั้ง นับตั้งแต่เดือน พ.ย.46 จนปัจจุบันอยู่ที่ระดับ
ร้อยละ 4.5 ช่วยทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงและทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ทางการตั้งเป้าหมาย
ไว้ ตลอดจนช่วยชะลอความร้อนแรงของตลาดซื้อขายบ้านลงในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูง
ขึ้นยังต้องจับตามองเป็นพิเศษ ส่วนปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อมีไม่มากนัก และอัตราเงินเฟ้อในเดือน
ก.ย.47 ลดลงอยู่ที่ระดับต่ำกว่าที่ ธ.กลางอังกฤษตั้งเป้าหมายไว้ไม่เกินร้อยละ 2 โดยเหลือเพียงร้อยละ 1.1
จากร้อยละ 1.3 ในเดือน ส.ค.47 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ในขณะที่อัตราคนว่างยังอยู่ในระดับ
ต่ำและมีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
3. ธ.กลางญี่ปุ่นตัดสินใจคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป รายงานจากโตเกียว เมื่อ
13 ต.ค.47 คณะกรรมการ ธ.กลางญี่ปุ่นลงมติเป็นเอกฉันท์ให้คงสภาพคล่องส่วนเกินในระบบ ธ.พาณิชย์ในระดับ
ปัจจุบันต่อไปหลังจากใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายนี้มาเป็นเวลากว่า 3 ปีเพื่อคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับ
ใกล้ร้อยละ 0 จนกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 0 อย่างมีเสถียรภาพ การตัดสินใจดังกล่าว
ของ ธ.กลางญี่ปุ่นเกิดขึ้นหลังจากตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวที่เพิ่งประกาศเมื่อวันที่ 13 ต.ค.47 ชี้ให้เห็นว่า
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวจากเมื่อต้นปีนี้จากผลกระทบของราคาน้ำมันและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ
ตัว โดยยอดเงินให้สินเชื่อของ ธ.พาณิชย์ในเดือน ก.ย.47 มีจำนวน 449.0992 ล้านล้านเยนหรือประมาณ
4.1 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ.ลดลงร้อยละ 2.8 จากเดือนเดียวกันในปีก่อน ลดลงเป็นเดือนที่ 45 ติดต่อกัน หลัง
จากลดลงร้อยละ 2.8 และ 3.4 ในเดือน ส.ค.และ ก.ค.47 ตามลำดับ ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นร้อยละ
2.1 จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.45 ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค.47
ถูกปรับตัวเลขลดลงจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ก่อนหน้านี้เป็นเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ในขณะที่ยอดเกินดุลบัญชี
เดินสะพัดในเดือน ส.ค.47 มีจำนวน 1.447 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 จากปีก่อนเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุด
นับตั้งแต่เดือน มิ.ย.46 โดยยอดเกินดุลการค้าลดลงร้อยละ 15.3 จากปีก่อนมีจำนวน 806.3 พันล้านเยน
จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่ายอดส่งออกคือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.4 มีจำนวน
3.7631 ล้านล้านเยนในขณะที่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 มีจำนวน 4.5694 ล้านล้านเยน (รอยเตอร์)
4. นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดขายปลีกของสิงคโปร์จะลดลงในเดือน ส.ค.47 รายงาน
จาก สิงคโปร์เมื่อ 13 ต.ค.47 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า
ยอดขายปลีก(ตัวเลขหลังปรับปัจจัยตามฤดูกาล)ของสิงคโปร์ในเดือน ส.ค.47 จะลดลงร้อยละ 0.7 เทียบต่อ
เดือน หลังจากที่ลดลงเกินความคาดหมายถึงร้อยละ 5 ในเดือน ก.ค.47 สำหรับยอดขายปลีกในช่วง 8 เดือน
(ม.ค.-ส.ค.) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค. ทั้งนี้
ยอดขายปลีกที่ลดลงมีสาเหตุจากการที่จำนวนนักท่องเที่ยว ยอดขายรถยนต์ และการใช้จ่ายของผู้บริโภค ชะลอตัว
ลง โดยตัวเลขการขายปลีกของสิงคโปร์ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาค่อนข้างจะไม่สอดคล้องกับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
เช่นในเดือน ก.ค.47 ยอดขายปลีกลดลงแม้จะเป็นช่วงเทศกาลค้าปลีกประจำปี ในขณะที่เพิ่มขึ้นในช่วงเดือน
มิ.ย.และ พ.ค.47 อนึ่ง สำนักงานสถิติจะเปิดเผยตัวเลขยอดขายปลีกอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 15 ต.ค.นี้
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 14 ต.ค. 47 13 ต.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.374 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 41.1711/41.4630 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.6500-1.6875 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 661.29/ 19.05 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,100/8,200 8,100/8,200 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 38.04 37.75 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 21.79*/14.59 21.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 24 ส.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-