นายสุธรรม ระหงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแถลงถึงกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่มิชอบ ในการหาเสียงให้กับพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคไทยรักไทย ว่า ในปัจจุบันนอกเหนือจากการดำเนินการดังกล่าวแล้ววันนี้การใช้อำนาจหน้าที่ไปบีบบังคับส่วนราชการ ข้าราชการ และการใช้เครื่องมือของราชการ ก็นับวันที่จะเข้มข้นมากขึ้น
นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ตนได้รับหนังสือร้องเรียนมา 1 ฉบับ ซึ่งเป็นหนังสือจากวิทยุสื่อสาร ในราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ด่วนที่สุด ที่มท.0876.1/ ว 1561 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2547 มีใจความว่า ได้รับแจ้งจากอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่า ฯพณฯ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะปราศรัยนโยบายการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พร้อมแถลงการขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการ พนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการดังนี้
1. ให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพร้อมด้วย สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาเทศบาล และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล มาร่วมรับฟังนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในวันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2547 เวลา 16.30 น.
2. ให้ท้องถิ่นอำเภอรายงานยอดผ็บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพร้อมทั้งสมาชิกให้กระทรวงมหาดไทยทราบด้วย เพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ส.ส.สมุทรสาคร กล่าวว่า จากคำสั่งข้างต้นเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า วันนี้รัฐบาลได้ใช้บุคลากรและเครื่องมือของรัฐในการหาเสียง โดยเฉพาะให้กับพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง และยังใช้ส่วนราชการอื่นๆ ในการดำเนินการลักษณะเช่นนี้เพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง
ทางด้านนายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ และในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบการรณรงค์การเลือกตั้งในภาคใต้ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในขณะนี้พบความจริงว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคไทยรักไทยทำไม่ถูกต้องหลายเรื่อง
เรื่องแรก คือ ความพยายามที่จะเอา 400 เสียง ยังคงมีอยู่ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นรองนายกฯ หรือรัฐมนตรีช่วยฯ และจะมีความรุนแรงมากขึ้นใน 100 วันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลใช้ช่องว่างของ 60 วัน ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาในการประกาศนโยบายต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นนโยบายที่ต้องใช้เงินทั้งสิ้น และเป็นการจูงใจให้คนลงคะแนนเสียง เช่น การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โครงการเอสเอ็มแอล แม้แต่ทางด้านกกต.ก็ยังอยู่เฉย โดยอ้างว่าเป็นเพียงนโยบายเท่านั้น
‘ตนคิดว่า มันไม่ใช่แค่นโยบายเพราะเอาเงินของรัฐใส่ นอกจากนั้นยังแจกเสื้อแจ็คเก็ตโดยมีการเอาเงินใส่ไว้ในกระเป๋า สิ่งเหล่านี้เป็นการซื้อเสียงล่วงหน้าทั้งสิ้น ดังนั้นตนจึงขอเสนอ รัฐบาลใน 2 เรื่อง คือ 1. ถ้ารัฐบาลเห็นว่าเงินเป็นอำนาจและสามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็เอาเงินมากองไว้ แล้วประเมินมาว่าแต่ละเขตจะใช้เงินในการเลือกตั้งเท่าไรก็บอกกับประชาชนไปเลย 2. เรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน มหาวิทยาลัย ประชาชน ผู้รักประชาธิปไตย ได้ติดตามพฤติกรรมของรัฐบาล ถ้าการกระทำใดเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย เป็นการจูงใจให้การเลือกตั้งผิดเพี้ยนไปก็ขอให้ออกมาเปิดโปง’ นายอาคม กล่าว และว่าตนอยากจะขอให้พี่น้องประชาชนกลับไปดูใน 4 เรื่องนี้ว่าควรจะเลือกรัฐบาลให้บริหารประเทศต่อไปหรือว่าจะปฏิเสธรัฐบาลชุดนี้ ประการแรก คือ การครอบงำการเมือง โดยใช้ระบบซีอีโอ 2. การปิดบังข้อมูลของภาครัฐตลอดระยะเวลา 4 ปี 3. การแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 4. จับตาดูการประกาศสงครามฯ ในเรื่องต่างๆของรัฐบาล ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ตนได้รับหนังสือร้องเรียนมา 1 ฉบับ ซึ่งเป็นหนังสือจากวิทยุสื่อสาร ในราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ด่วนที่สุด ที่มท.0876.1/ ว 1561 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2547 มีใจความว่า ได้รับแจ้งจากอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นว่า ฯพณฯ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะปราศรัยนโยบายการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พร้อมแถลงการขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการ พนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการดังนี้
1. ให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพร้อมด้วย สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาเทศบาล และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล มาร่วมรับฟังนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในวันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2547 เวลา 16.30 น.
2. ให้ท้องถิ่นอำเภอรายงานยอดผ็บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพร้อมทั้งสมาชิกให้กระทรวงมหาดไทยทราบด้วย เพื่อทราบและถือปฏิบัติ
ส.ส.สมุทรสาคร กล่าวว่า จากคำสั่งข้างต้นเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า วันนี้รัฐบาลได้ใช้บุคลากรและเครื่องมือของรัฐในการหาเสียง โดยเฉพาะให้กับพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง และยังใช้ส่วนราชการอื่นๆ ในการดำเนินการลักษณะเช่นนี้เพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง
ทางด้านนายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ และในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบการรณรงค์การเลือกตั้งในภาคใต้ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในขณะนี้พบความจริงว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคไทยรักไทยทำไม่ถูกต้องหลายเรื่อง
เรื่องแรก คือ ความพยายามที่จะเอา 400 เสียง ยังคงมีอยู่ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นรองนายกฯ หรือรัฐมนตรีช่วยฯ และจะมีความรุนแรงมากขึ้นใน 100 วันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลใช้ช่องว่างของ 60 วัน ก่อนมีพระราชกฤษฎีกาในการประกาศนโยบายต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นนโยบายที่ต้องใช้เงินทั้งสิ้น และเป็นการจูงใจให้คนลงคะแนนเสียง เช่น การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โครงการเอสเอ็มแอล แม้แต่ทางด้านกกต.ก็ยังอยู่เฉย โดยอ้างว่าเป็นเพียงนโยบายเท่านั้น
‘ตนคิดว่า มันไม่ใช่แค่นโยบายเพราะเอาเงินของรัฐใส่ นอกจากนั้นยังแจกเสื้อแจ็คเก็ตโดยมีการเอาเงินใส่ไว้ในกระเป๋า สิ่งเหล่านี้เป็นการซื้อเสียงล่วงหน้าทั้งสิ้น ดังนั้นตนจึงขอเสนอ รัฐบาลใน 2 เรื่อง คือ 1. ถ้ารัฐบาลเห็นว่าเงินเป็นอำนาจและสามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็เอาเงินมากองไว้ แล้วประเมินมาว่าแต่ละเขตจะใช้เงินในการเลือกตั้งเท่าไรก็บอกกับประชาชนไปเลย 2. เรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน มหาวิทยาลัย ประชาชน ผู้รักประชาธิปไตย ได้ติดตามพฤติกรรมของรัฐบาล ถ้าการกระทำใดเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย เป็นการจูงใจให้การเลือกตั้งผิดเพี้ยนไปก็ขอให้ออกมาเปิดโปง’ นายอาคม กล่าว และว่าตนอยากจะขอให้พี่น้องประชาชนกลับไปดูใน 4 เรื่องนี้ว่าควรจะเลือกรัฐบาลให้บริหารประเทศต่อไปหรือว่าจะปฏิเสธรัฐบาลชุดนี้ ประการแรก คือ การครอบงำการเมือง โดยใช้ระบบซีอีโอ 2. การปิดบังข้อมูลของภาครัฐตลอดระยะเวลา 4 ปี 3. การแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 4. จับตาดูการประกาศสงครามฯ ในเรื่องต่างๆของรัฐบาล ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-