เมื่อเวลา 16.10 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยว่าขณะนี้ ตนได้มอบหมายให้ทนายความได้ไปยื่นฟ้องนายตำรวจ 2 นายที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยได้ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากมีการให้สัมภาษณ์ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และทำให้ตนเกิดความเสียหาย โดยในคำสัมภาษณ์นั้นทำให้เกิดความเข้าใจต่อสาธารณะทั่วไปว่า ได้มีการเรียกสอบนางสาวปรารถนา คงนาค แล้วพบว่าตนเป็นคนสั่งนางสาวปรารถนาให้ไปจ้างทำสติ๊กเกอร์ ซึ่งการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นเท็จทั้งสิ้น เพราะตนไม่เคยสั่งการและไม่เคยคิดที่จะทำ
‘เป็นเท็จทั้งในกรณีที่ผมไม่เคยสั่ง ไม่ว่าสั่งใครก็ตามไม่เฉพาะนางสาวปรารถนาเท่านั้น และก็ไม่เคยสั่งทำสติ๊กเกอร์หรือเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใดทั้งสิ้น เหมือนที่ผมเคยเรียนให้ทราบก่อนหน้านี้ อย่าว่าแต่ทำหรือสั่ง แค่คิดยังไม่เคย อันนี้คือสิ่งที่ได้เน้นย้ำมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพราะมันเป็นข้อเท็จจริง และอีกประการหนึ่งเท่าที่ได้ตรวจสอบก็ได้ความว่า ยังไม่เคยมีการให้ปากคำจากนางสาวปรารถนา ต่อพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ให้สัมภาษณ์จึงเป็นเท็จทั้ง 2 กรณี’ นายจุรินทร์กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขณะนี้มีการใช้วิชามารในการปล่อยข่าวเพื่อทำลายกันทางการเมือง ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะผู้ที่อ่านข่าวในการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ก็เข้าใจผิดไปแล้วว่าตนเป็นคนสั่งและได้มีการสอบนางสาวปรารถนาแล้ว อันนี้คือสิ่งที่เหมือนกับว่ามีธงไว้ล่วงหน้าว่ามีความประสงค์ที่จะให้กรณีนี้เดินไปในทิศทางไหนอย่างไร ส่วนกรณีที่ตนฟ้องร้องเรื่องนี้ก็จะเป็นกรณีตัวอย่างเพื่อพิสูจน์ความจริงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รวมทั้งการให้ข่าวในลักษณะนี้ทำให้สามารถตั้งข้อสังเกตย้อนไปถึงกรณีอื่นได้ด้วยว่าที่ออกมาปล่อยข่าวหรือให้ข่าวทำนองว่าสอบคนนั้นคนนี้ ที่สุดมันจะเป็นอย่างนี้หรือไม่ คือไม่ได้ตรงกับความเป็นจริง แต่ผู้ที่ถูกพาดพิงก็เสียหายไปแล้ว
ต่อข้อถามว่า นายกฯได้พาดพิงคณะผู้บริหารของพรรคว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะฟ้องนายกฯด้วยหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนพรรคล่วงหน้าได้ แต่ในกรณีนี้ตนขอใช้สิทธิเพราะมีการพาดพิงถึงตน ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างอื่นหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้ เพราะทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพรรค เมื่อถามว่านายกฯยังปักใจเชื่อว่ามีแกนนำปชป.หนุนหลังอยู่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องที่นายกฯต้องพิสูจน์เอง
เมื่อถามว่ากลัวการชี้นำจากนายกฯหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนคิดว่ากระบวนการยุติธรรมในส่วนของศาล นายกฯคงไปชี้นำไม่ได้ ทั้งนี้ตนก็ยังเชื่อมั่นในศาลสถิตยุติธรรม แต่กระบวนยุติธรรมบางขั้น เช่นขั้นตอนการสอบสวนตนไม่อยากตั้งความหวัง 'อันนี้มีเครื่องหมายคำถาม เช่น เครื่องหมายคำถามกับการให้สัมภาษณ์ทำให้เกิดความเข้าใจผิด่อตัวผม และนำมาสู่การฟ้องร้อง 1 คดี อันนี้มันมีเครื่องหมายคำถามชัดเจนว่า ในขั้นพนักงานสอบสวนเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ผมเชื่อว่าต้องมีมือลึกลับมาสั่ง ซึ่งผมไม่หมายความว่ามือลึกลับสั่งทำสติ๊กเกอร์ แต่ผมพูดว่ามือลึกลับได้มีการสั่งงการทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องการเมืองเพื่อหวังประโยชน์ในการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ และผมเชื่อว่าเป็นมือลึกลับทางการเมือง ผมก็ได้เตือนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติก่อนหน้านี้ว่าต้องทำหน้าที่ให้สมกับเป็นข้าราชการ ต้องทำตัวเป็นข้าราชการ อย่าทำตัวเป็นข้านักการเมือง หรือข้าพรรคการเมือง’ นายจุรินทร์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีการพุ่งเป้ามาที่ตนเองเพียงคนเดียว นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนคิดว่ามีความพยายามมาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนทำงานตรวจสอบรัฐบาลในหลายเรื่อง ทั้งในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) หรือตำแหน่งอื่น ซึ่งอาจจะไปกระทบกับบุคคลหรือใครหลายคน ตนจึงกลายเป็นเป้าโจมตี แต่ก็ไม่เป็นไร และการกระทำทั้งหมดจะมาหยุดการทำหน้าที่ของตนไม่ได้ เพราะตนมีหน้าที่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 31 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
‘เป็นเท็จทั้งในกรณีที่ผมไม่เคยสั่ง ไม่ว่าสั่งใครก็ตามไม่เฉพาะนางสาวปรารถนาเท่านั้น และก็ไม่เคยสั่งทำสติ๊กเกอร์หรือเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใดทั้งสิ้น เหมือนที่ผมเคยเรียนให้ทราบก่อนหน้านี้ อย่าว่าแต่ทำหรือสั่ง แค่คิดยังไม่เคย อันนี้คือสิ่งที่ได้เน้นย้ำมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพราะมันเป็นข้อเท็จจริง และอีกประการหนึ่งเท่าที่ได้ตรวจสอบก็ได้ความว่า ยังไม่เคยมีการให้ปากคำจากนางสาวปรารถนา ต่อพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ให้สัมภาษณ์จึงเป็นเท็จทั้ง 2 กรณี’ นายจุรินทร์กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขณะนี้มีการใช้วิชามารในการปล่อยข่าวเพื่อทำลายกันทางการเมือง ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะผู้ที่อ่านข่าวในการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ก็เข้าใจผิดไปแล้วว่าตนเป็นคนสั่งและได้มีการสอบนางสาวปรารถนาแล้ว อันนี้คือสิ่งที่เหมือนกับว่ามีธงไว้ล่วงหน้าว่ามีความประสงค์ที่จะให้กรณีนี้เดินไปในทิศทางไหนอย่างไร ส่วนกรณีที่ตนฟ้องร้องเรื่องนี้ก็จะเป็นกรณีตัวอย่างเพื่อพิสูจน์ความจริงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รวมทั้งการให้ข่าวในลักษณะนี้ทำให้สามารถตั้งข้อสังเกตย้อนไปถึงกรณีอื่นได้ด้วยว่าที่ออกมาปล่อยข่าวหรือให้ข่าวทำนองว่าสอบคนนั้นคนนี้ ที่สุดมันจะเป็นอย่างนี้หรือไม่ คือไม่ได้ตรงกับความเป็นจริง แต่ผู้ที่ถูกพาดพิงก็เสียหายไปแล้ว
ต่อข้อถามว่า นายกฯได้พาดพิงคณะผู้บริหารของพรรคว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะฟ้องนายกฯด้วยหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนพรรคล่วงหน้าได้ แต่ในกรณีนี้ตนขอใช้สิทธิเพราะมีการพาดพิงถึงตน ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างอื่นหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้ เพราะทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพรรค เมื่อถามว่านายกฯยังปักใจเชื่อว่ามีแกนนำปชป.หนุนหลังอยู่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องที่นายกฯต้องพิสูจน์เอง
เมื่อถามว่ากลัวการชี้นำจากนายกฯหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนคิดว่ากระบวนการยุติธรรมในส่วนของศาล นายกฯคงไปชี้นำไม่ได้ ทั้งนี้ตนก็ยังเชื่อมั่นในศาลสถิตยุติธรรม แต่กระบวนยุติธรรมบางขั้น เช่นขั้นตอนการสอบสวนตนไม่อยากตั้งความหวัง 'อันนี้มีเครื่องหมายคำถาม เช่น เครื่องหมายคำถามกับการให้สัมภาษณ์ทำให้เกิดความเข้าใจผิด่อตัวผม และนำมาสู่การฟ้องร้อง 1 คดี อันนี้มันมีเครื่องหมายคำถามชัดเจนว่า ในขั้นพนักงานสอบสวนเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ผมเชื่อว่าต้องมีมือลึกลับมาสั่ง ซึ่งผมไม่หมายความว่ามือลึกลับสั่งทำสติ๊กเกอร์ แต่ผมพูดว่ามือลึกลับได้มีการสั่งงการทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องการเมืองเพื่อหวังประโยชน์ในการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ และผมเชื่อว่าเป็นมือลึกลับทางการเมือง ผมก็ได้เตือนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติก่อนหน้านี้ว่าต้องทำหน้าที่ให้สมกับเป็นข้าราชการ ต้องทำตัวเป็นข้าราชการ อย่าทำตัวเป็นข้านักการเมือง หรือข้าพรรคการเมือง’ นายจุรินทร์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีการพุ่งเป้ามาที่ตนเองเพียงคนเดียว นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนคิดว่ามีความพยายามมาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนทำงานตรวจสอบรัฐบาลในหลายเรื่อง ทั้งในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) หรือตำแหน่งอื่น ซึ่งอาจจะไปกระทบกับบุคคลหรือใครหลายคน ตนจึงกลายเป็นเป้าโจมตี แต่ก็ไม่เป็นไร และการกระทำทั้งหมดจะมาหยุดการทำหน้าที่ของตนไม่ได้ เพราะตนมีหน้าที่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 31 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-