วันนี้ (19 ต.ค. 47) ที่อาคารรัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเป็นห่วงกรณีการเลื่อนระเบียบวาระการประชุมของวิปรัฐบาล ซึ่งทุกสัปดาห์เกือบจะเรียกได้ว่า มีการขอเลื่อนระเบียบวาระหรือเปลี่ยนระเบียบวาระในลักษณะเป็นพวงตลอด คือเปลี่ยนระเบียบวาระครั้งละเกือบ 10 วาระ และเมื่อเลื่อนขึ้นมาก็ไม่สามารถพิจารณาระเบียบวาระได้หมด ค้างระเบียบวาระไว้ อีกทั้งสัปดาห์ต่อมาก็เลื่อนเรื่องใหม่ขึ้นมาซ้อนเรื่องเก่าที่เคยเลื่อนขึ้นมาในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ซึ่งเป็นปัญหาต่อการพิจารณาระเบียบวาระของสัปดาห์มาโดยลำดับ ดังนั้นวิปฝ่ายค้านเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรเลื่อนระเบียบวาระในลักษณะนี้อีก และจะประสานกับวิปรัฐบาลขอให้เปลี่ยนระเบียบวาระทำเท่าที่จำเป็น
ส่วนกระทู้ถามสดสัปดาห์นี้มีมติให้ตั้งกระทู้ถามสดรัฐบาลถึงกรณีไข้หวัดนก ซึ่งพบว่านอกจากเกิดปัญหาภายในประเทศแล้วยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยที่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการใดๆในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ นอกเหนือจากนั้นยังกระทบการส่งออก รวมทั้งปัญหาอื่นๆที่จะตามมาด้วย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลประกาศคิกออฟแคมเปญ เมื่อดูภาพรวมทั้งหมดที่ประกาศออกมามีลักษณะเป็นประชานิยม ภาค 2 พูดง่ายๆ คือ แจกภาค 2 ซึ่งแจกภาค 1 วิปก็ยังเป็นห่วงอยู่ เพราะรัฐบาลใช้ธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารหลัก ในการนำเงินมาใช้ในโครงการประชานิยม หรือ ลด แลก แจก แถม จนวันนี้ธนาคารกรุงไทยมีปัญหาเพราะฉะนั้นเมื่อรัฐบาลประกาศว่า แจกภาค 2 จะใช้ธนาคารออมสินเป็นหลักก็ยิ่งเพิ่มความน่าเป็นห่วง เพราะสะท้อนให้เห็นว่าเริ่มที่จะเอาเงินเด็กออกมาใช้ในโครงการ ลด แลก แจก แถม ทั้งนี้ถ้าพรรคไทยรักไทยได้รับเลือกตั้งเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เกรงว่าธนาคารออมสินจะกลายเป็นธนาคารกรุงไทย 2 นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วง
ปธ.วิปฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า กรณีที่นายกฯประกาศว่าสามารถจะหาเงินมาใช้จ่ายในโครงการแจกภาค 2 ได้ไม่ยาก และ มีความชำนาญในเรื่องการเสกกระดาษเป็นเงิน ความจริงจะพบเห็นได้ชัดเจนว่า ช่วงระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา ถ้าเป็นการเสกกระดาษจริงๆ รัฐบาลนี้ก็เสกกระดาษเป็นหนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้คนจน และหนี้ครัวเรือน ‘ โครงการทั้งหมดของรัฐบาล ล้วนแต่นำไปสู่การเป็นหนี้เพิ่มขึ้นของประชาชนภาคครัวเรือนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น โครงการกองทุนหมู่บ้านที่ทำให้ครัวเรือนเป็นหนี้เพิ่มขึ้น 47.9% โครงการพักหนี้เกษตรกรที่ทำให้ครัวเรือนเป็นหนี้เพิ่มขึ้น 48.9% โครงการธนาคารประชาชนที่ทำให้ครัวเรือนเป็นหนี้เพิ่มขึ้น 88.5% และโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนมีแนวโน้มว่าจะส่งเสริมให้ประชาชนเอาสมบัติชิ้นสุดท้าย คือ ที่ดิน ไปจำนอง แล้วไปกู้หนี้ สุดท้ายก็จะนำไปสู่การเป็นหนี้เช่นเดียวกัน รวมถึงโครงการใหม่ที่จะให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์คนละ 10,000 — 15,000 บาท ก็จะนำไปสู่การเป็นหนี้อีกเช่นเดียวกัน นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วง ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นแนวคิดของรัฐบาลว่า ใช้เงินเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหา และ เงิน คือ คำตอบสุดท้ายของทุกเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง คำถามคือในอนาคตใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้เงินเกินตัวของรัฐบาล ที่สุดก็จะหนีไม่พ้นประชาชน เพราะรัฐบาลนี้แน่นอนว่าจะไม่มีทางอยู่ค้ำฟ้า ’ ปธ.วิปฝ่ายค้าน กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า กรณีนายกฯพูดพาดพิงมาถึงตนว่ารัฐบาลชุดก่อนนำนักเขียนการ์ตูนไปขายยาง ราคายางจึงอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 กว่าบาท ความจริงในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ราคายางขึ้นจากกิโลกรัมละ 13-14 บาท เป็นกิโลละ 40 กว่าบาท เพราะฉะนั้นสิ่งที่นายกฯกล่าว คือ การโกหก และพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อีกทั้ง 40 กว่าบาทในยุคนั้นอยู่ในช่วงที่ 1 เหรียญเท่ากับ 25 บาท เพราะฉะนั้นราคายางคือ 1.6 เหรียญ แต่ปัจจุบันที่นายกฯออกมาบอกว่ายางกิโลละ 40 กว่าบาท เมื่อเทียบเป็นเงิน 1.2 เหรียญเท่านั้น ยางยังแพงสู้ยุคนั้นไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เราไม่มีโอกาสได้พูด และ ไม่มีสามารถเผยแพร่ไปสู่สาธารณชนได้ ‘ กรณีที่นายกฯพูดเรื่องส่วนตัวว่าเซ็กซ์เสื่อมตนคิดว่าประชาชนไม่สนใจ แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายเป็นห่วงคือ จริยธรรมผู้นำเสื่อม ซึ่งจะเห็นว่าไม่มีการพูดเรื่อง จริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรม และความโปร่งใส’ นายจุรินทร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ ปปช. จะมีการแถลง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าที่ปรากฏเป็นข่าววันนี้จะมีการแถลงเรื่องอะไร เพราะไม่สามารถที่จะไปตามการทำงานในส่วนภายในของ ปปช.ได้ และตนก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะไปติดตามในส่วนนั้น แต่ก็ต้องรอฟังว่าจะแถลงเรื่องอะไร แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตน ที่ตนทราบ เพราะบังเอิญว่าอนุกรรมการ ปปช. ท่านหนึ่งได้ออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้ประมาณ 2- 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีการขอตัวตนไปให้ปากคำโดยทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนฯ ซึ่งเป็นวันที่ ส.ว. และ ส.ส. จำนวนหนึ่งไปยื่นถอดถอนคณะกรรมการ ปปช. กรณีขึ้นค่าตอบแทนให้กับตัวเอง ในวันนั้นตนจึงทราบว่าจะมีการดำเนินการ ซึ่งกรณีนี้นักกฎหมายหลายคนได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมต้องทำหนังสือขอตัวมายังประธานสภาฯ เพราะการขอตัวมายังประธานสภาฯ ส.ส. คนนั้นจะต้องอยู่ในฐานะผู้ต้องหา ซึ่งตนไม่ได้อยู่ในฐานะของผู้ต้องหา เป็นแค่ผู้ถูกกล่าวหา และยังไม่ได้รับหนังสืออะไรทั้งสิ้น ‘ผมเรียนแล้วว่าผมเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบเสมอ กี่ครั้งกี่รอบก็ยินดี ไม่มีปัญหาทั้งสิ้น’ นายจุรินทร์กล่าว
เมื่อถามว่ามีการสอบถามไปยังประธานสภาฯหรือไม่ว่าได้รับหนังสือจาก ปปช. หรือยัง นายจุรินทร์กล่าวว่า ยังไม่ได้สอบถาม เพราะเข้าใจว่าเป็นหนังสือภายใน และทางประธานสภาฯก็ยังไม่แจ้งอะไรทั้งสิ้น ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีการชี้มูลว่ามีความผิดจริงจะดำเนินการอย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า พอจะคาดการณ์ได้ล่วงหน้าได้อยู่แล้ว ว่าผลจะออกมาอย่างไร ขอยืนยันว่าตนสุจริตและบริสุทธิ์ ไม่เคยทุจริตหาประโยชน์จากการบริหารราชการแผ่นดินใดๆทั้งสิ้น แต่เมื่อติดตามรูปการณ์ต่างๆก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าผลจะออกมาอย่างไร ตั้งแต่การแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนที่มีการแต่งตั้งคนที่ตนคัดค้าน รวมทั้งมีการเอาพนักงานสอบสวนชุดเดียวกับที่เคยออกหมายจับตนตอนยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้ามาเกือบทั้งหมด ‘ผมก็พอคาดการณ์ได้โดยสัญชาติญาณส่วนตัวว่าที่สุดผลจะเป็นอย่างไร แต่ทั้งหมดก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่เป็นอย่างนั้น นี่เป็นความรู้สึกส่วนตัว ไม่มีปัญหา ผมพร้อมที่จะเผชิญและพร้อมที่จะพิสูจน์แม้ได้พิสูจน์ไปแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เป็นไร ผมยังยินดีและพร้อมที่จะพิสูจน์ต่อไป เพราะผมเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ผมต้องทนทานต่อการพิสูจน์เสมอ’ นายจุรินทร์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่อยากพูดว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่คนที่ติดตามการเมืองมาตลอดจะเข้าใจว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ที่หยิบยกเรื่องนี้มากล่าวโทษกับตำรวจ ก็หยิบขึ้นมาในช่วงที่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจพอดี ไปยื่นหลังจากที่ตนไปยื่นถอดถอนรัฐมนตรีตามหน้าที่ประธานวิปฝ่ายค้าน 1 วัน และหลังจากนั้นก็มีการดำเนินการจนกระทั่งขอออกหมายจับ แต่ก็ไม่เคยมีการจับ จนวันนี้มีการนำเรื่องเข้า ปปช. ใหม่อีกรอบ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-
ส่วนกระทู้ถามสดสัปดาห์นี้มีมติให้ตั้งกระทู้ถามสดรัฐบาลถึงกรณีไข้หวัดนก ซึ่งพบว่านอกจากเกิดปัญหาภายในประเทศแล้วยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยที่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการใดๆในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ นอกเหนือจากนั้นยังกระทบการส่งออก รวมทั้งปัญหาอื่นๆที่จะตามมาด้วย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลประกาศคิกออฟแคมเปญ เมื่อดูภาพรวมทั้งหมดที่ประกาศออกมามีลักษณะเป็นประชานิยม ภาค 2 พูดง่ายๆ คือ แจกภาค 2 ซึ่งแจกภาค 1 วิปก็ยังเป็นห่วงอยู่ เพราะรัฐบาลใช้ธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารหลัก ในการนำเงินมาใช้ในโครงการประชานิยม หรือ ลด แลก แจก แถม จนวันนี้ธนาคารกรุงไทยมีปัญหาเพราะฉะนั้นเมื่อรัฐบาลประกาศว่า แจกภาค 2 จะใช้ธนาคารออมสินเป็นหลักก็ยิ่งเพิ่มความน่าเป็นห่วง เพราะสะท้อนให้เห็นว่าเริ่มที่จะเอาเงินเด็กออกมาใช้ในโครงการ ลด แลก แจก แถม ทั้งนี้ถ้าพรรคไทยรักไทยได้รับเลือกตั้งเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เกรงว่าธนาคารออมสินจะกลายเป็นธนาคารกรุงไทย 2 นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วง
ปธ.วิปฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า กรณีที่นายกฯประกาศว่าสามารถจะหาเงินมาใช้จ่ายในโครงการแจกภาค 2 ได้ไม่ยาก และ มีความชำนาญในเรื่องการเสกกระดาษเป็นเงิน ความจริงจะพบเห็นได้ชัดเจนว่า ช่วงระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา ถ้าเป็นการเสกกระดาษจริงๆ รัฐบาลนี้ก็เสกกระดาษเป็นหนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้คนจน และหนี้ครัวเรือน ‘ โครงการทั้งหมดของรัฐบาล ล้วนแต่นำไปสู่การเป็นหนี้เพิ่มขึ้นของประชาชนภาคครัวเรือนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น โครงการกองทุนหมู่บ้านที่ทำให้ครัวเรือนเป็นหนี้เพิ่มขึ้น 47.9% โครงการพักหนี้เกษตรกรที่ทำให้ครัวเรือนเป็นหนี้เพิ่มขึ้น 48.9% โครงการธนาคารประชาชนที่ทำให้ครัวเรือนเป็นหนี้เพิ่มขึ้น 88.5% และโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนมีแนวโน้มว่าจะส่งเสริมให้ประชาชนเอาสมบัติชิ้นสุดท้าย คือ ที่ดิน ไปจำนอง แล้วไปกู้หนี้ สุดท้ายก็จะนำไปสู่การเป็นหนี้เช่นเดียวกัน รวมถึงโครงการใหม่ที่จะให้ธนาคารออมสินปล่อยกู้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์คนละ 10,000 — 15,000 บาท ก็จะนำไปสู่การเป็นหนี้อีกเช่นเดียวกัน นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วง ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นแนวคิดของรัฐบาลว่า ใช้เงินเป็นตัวตั้งในการแก้ปัญหา และ เงิน คือ คำตอบสุดท้ายของทุกเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง คำถามคือในอนาคตใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้เงินเกินตัวของรัฐบาล ที่สุดก็จะหนีไม่พ้นประชาชน เพราะรัฐบาลนี้แน่นอนว่าจะไม่มีทางอยู่ค้ำฟ้า ’ ปธ.วิปฝ่ายค้าน กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า กรณีนายกฯพูดพาดพิงมาถึงตนว่ารัฐบาลชุดก่อนนำนักเขียนการ์ตูนไปขายยาง ราคายางจึงอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 กว่าบาท ความจริงในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ราคายางขึ้นจากกิโลกรัมละ 13-14 บาท เป็นกิโลละ 40 กว่าบาท เพราะฉะนั้นสิ่งที่นายกฯกล่าว คือ การโกหก และพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อีกทั้ง 40 กว่าบาทในยุคนั้นอยู่ในช่วงที่ 1 เหรียญเท่ากับ 25 บาท เพราะฉะนั้นราคายางคือ 1.6 เหรียญ แต่ปัจจุบันที่นายกฯออกมาบอกว่ายางกิโลละ 40 กว่าบาท เมื่อเทียบเป็นเงิน 1.2 เหรียญเท่านั้น ยางยังแพงสู้ยุคนั้นไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เราไม่มีโอกาสได้พูด และ ไม่มีสามารถเผยแพร่ไปสู่สาธารณชนได้ ‘ กรณีที่นายกฯพูดเรื่องส่วนตัวว่าเซ็กซ์เสื่อมตนคิดว่าประชาชนไม่สนใจ แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายเป็นห่วงคือ จริยธรรมผู้นำเสื่อม ซึ่งจะเห็นว่าไม่มีการพูดเรื่อง จริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรม และความโปร่งใส’ นายจุรินทร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ ปปช. จะมีการแถลง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าที่ปรากฏเป็นข่าววันนี้จะมีการแถลงเรื่องอะไร เพราะไม่สามารถที่จะไปตามการทำงานในส่วนภายในของ ปปช.ได้ และตนก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะไปติดตามในส่วนนั้น แต่ก็ต้องรอฟังว่าจะแถลงเรื่องอะไร แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตน ที่ตนทราบ เพราะบังเอิญว่าอนุกรรมการ ปปช. ท่านหนึ่งได้ออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้ประมาณ 2- 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีการขอตัวตนไปให้ปากคำโดยทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนฯ ซึ่งเป็นวันที่ ส.ว. และ ส.ส. จำนวนหนึ่งไปยื่นถอดถอนคณะกรรมการ ปปช. กรณีขึ้นค่าตอบแทนให้กับตัวเอง ในวันนั้นตนจึงทราบว่าจะมีการดำเนินการ ซึ่งกรณีนี้นักกฎหมายหลายคนได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมต้องทำหนังสือขอตัวมายังประธานสภาฯ เพราะการขอตัวมายังประธานสภาฯ ส.ส. คนนั้นจะต้องอยู่ในฐานะผู้ต้องหา ซึ่งตนไม่ได้อยู่ในฐานะของผู้ต้องหา เป็นแค่ผู้ถูกกล่าวหา และยังไม่ได้รับหนังสืออะไรทั้งสิ้น ‘ผมเรียนแล้วว่าผมเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบเสมอ กี่ครั้งกี่รอบก็ยินดี ไม่มีปัญหาทั้งสิ้น’ นายจุรินทร์กล่าว
เมื่อถามว่ามีการสอบถามไปยังประธานสภาฯหรือไม่ว่าได้รับหนังสือจาก ปปช. หรือยัง นายจุรินทร์กล่าวว่า ยังไม่ได้สอบถาม เพราะเข้าใจว่าเป็นหนังสือภายใน และทางประธานสภาฯก็ยังไม่แจ้งอะไรทั้งสิ้น ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีการชี้มูลว่ามีความผิดจริงจะดำเนินการอย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า พอจะคาดการณ์ได้ล่วงหน้าได้อยู่แล้ว ว่าผลจะออกมาอย่างไร ขอยืนยันว่าตนสุจริตและบริสุทธิ์ ไม่เคยทุจริตหาประโยชน์จากการบริหารราชการแผ่นดินใดๆทั้งสิ้น แต่เมื่อติดตามรูปการณ์ต่างๆก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าผลจะออกมาอย่างไร ตั้งแต่การแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนที่มีการแต่งตั้งคนที่ตนคัดค้าน รวมทั้งมีการเอาพนักงานสอบสวนชุดเดียวกับที่เคยออกหมายจับตนตอนยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้ามาเกือบทั้งหมด ‘ผมก็พอคาดการณ์ได้โดยสัญชาติญาณส่วนตัวว่าที่สุดผลจะเป็นอย่างไร แต่ทั้งหมดก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่เป็นอย่างนั้น นี่เป็นความรู้สึกส่วนตัว ไม่มีปัญหา ผมพร้อมที่จะเผชิญและพร้อมที่จะพิสูจน์แม้ได้พิสูจน์ไปแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เป็นไร ผมยังยินดีและพร้อมที่จะพิสูจน์ต่อไป เพราะผมเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ผมต้องทนทานต่อการพิสูจน์เสมอ’ นายจุรินทร์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่อยากพูดว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่คนที่ติดตามการเมืองมาตลอดจะเข้าใจว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ที่หยิบยกเรื่องนี้มากล่าวโทษกับตำรวจ ก็หยิบขึ้นมาในช่วงที่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจพอดี ไปยื่นหลังจากที่ตนไปยื่นถอดถอนรัฐมนตรีตามหน้าที่ประธานวิปฝ่ายค้าน 1 วัน และหลังจากนั้นก็มีการดำเนินการจนกระทั่งขอออกหมายจับ แต่ก็ไม่เคยมีการจับ จนวันนี้มีการนำเรื่องเข้า ปปช. ใหม่อีกรอบ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-