นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘ข่าวยามเช้า’ ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 101.0 เมกะเฮิร์ท ถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานโหมโรงของพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีความแตกต่างหรือเหมือนกับงานคิกออฟแคมเปญของพรรคไทยรักไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จุดประสงค์ของงานต่างกันแน่นอน เพราะ งานคิกออฟ เป็นเรื่องของการหาเสียง แต่งานโหมโรงวัตถุประสงค์หลัก คือเป็นงานระดมทุนและการร่วมกิจกรรมของผู้ที่สนับสนุนพรรค เพราะฉะนั้นไม่ได้มีเป้าหมายในการรณรงค์เพื่อการหาเสียง
‘ผมคิดว่ามีความชัดเจนเพราะในงานท่านหัวหน้าพรรคได้กล่าวปราศรัยให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับแนวคิดของรัฐบาล และผมกับท่านผู้ว่าฯอภิรักษ์ ก็ได้เสนอแนวคิดในการบริหารประเทศที่แตกต่างกับการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ ตรงนี้เป็นพื้นฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในเรื่องของนโยบาย’ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามถึงการติติงคำพูดของนายกฯที่ออกมาระบุว่าสามารถเสกกระดาษให้เป็นเงิน รองหน.พรรคปชป. กล่าวว่า คำพูดดังกล่าวเป็นการตอกย้ำค่านิยมที่ไม่เกิดผลดีกับการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน คือพยายามกระตุ้นให้ประชาชนมองหาวิธีที่จะรวยเร็ว หรือ รวยลัด ทั้งที่จริงๆแล้วพื้นฐานทางเศรษฐกิจต้องสร้างด้วยการผลิตจริง ซึ่งตรงนี้รัฐบาลละเลยมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ‘วันนี้เราอาจจะดีใจว่าเศรษฐกิจขยายตัวดี แต่ตัวเลขหลายอย่างบ่งบอกชัดเจนว่า เศรษฐกิจที่ขยายตัวปัจจุบัน ค่อนข้างที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับคนกลุ่มเล็กๆเท่านั้น ซึ่งทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยเพิ่มขึ้น ขณะที่การประเมินขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตอนนี้ปรากฏว่า อันดับของประเทศเราค่อยๆลดลง’นายอภิสิทธิ์ กล่าว และ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นปัญหาอย่างมากระหว่างระยะกลาง และระยะยาว คืออันดับที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสถาบันสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่มีการเข้าไปแทรกแซงสื่อสารมวลชน หรือ การเข้าไปแทรกแซงฝ่ายตุลาการ ในส่วนของด้านพื้นฐาน เช่นเรื่องของเทคโนโลยี ก็ยังขาดในเรื่องกติกาการแข่งขันที่เป็นธรรม และกฎหมายที่จะมารองรับเรื่องดังกล่าว ตนอยากจะเรียนว่า ถ้าเรายังไม่หมุนกลับมามองในเรื่องของพื้นฐานความเป็นจริงว่า อะไรทำให้เศรษฐกิจโต อะไรทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ก็เป็นเรื่องที่น่าห่วงเป็นอย่างมากต่อประเทศ
‘แนวทางของนายกฯทักษิณในช่วงที่ผ่านมาสัญญาอยู่เรื่องเดียว คือพยายามให้ความหวังว่าทุกคนจะต้องร่ำรวยขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่ผมติก็คือว่า 4 ปีที่ผ่านมา วิธีการที่นายกฯและไทยรักไทย คิดว่าจะทำให้คนรวยได้ คือ หาเงินให้คนไปใช้ โดยเฉพาะเป็นเงินกู้บาง เงินจากการพนันบาง สุดท้ายมันไม่ยั่งยืน’ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-
‘ผมคิดว่ามีความชัดเจนเพราะในงานท่านหัวหน้าพรรคได้กล่าวปราศรัยให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับแนวคิดของรัฐบาล และผมกับท่านผู้ว่าฯอภิรักษ์ ก็ได้เสนอแนวคิดในการบริหารประเทศที่แตกต่างกับการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ ตรงนี้เป็นพื้นฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในเรื่องของนโยบาย’ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามถึงการติติงคำพูดของนายกฯที่ออกมาระบุว่าสามารถเสกกระดาษให้เป็นเงิน รองหน.พรรคปชป. กล่าวว่า คำพูดดังกล่าวเป็นการตอกย้ำค่านิยมที่ไม่เกิดผลดีกับการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน คือพยายามกระตุ้นให้ประชาชนมองหาวิธีที่จะรวยเร็ว หรือ รวยลัด ทั้งที่จริงๆแล้วพื้นฐานทางเศรษฐกิจต้องสร้างด้วยการผลิตจริง ซึ่งตรงนี้รัฐบาลละเลยมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ‘วันนี้เราอาจจะดีใจว่าเศรษฐกิจขยายตัวดี แต่ตัวเลขหลายอย่างบ่งบอกชัดเจนว่า เศรษฐกิจที่ขยายตัวปัจจุบัน ค่อนข้างที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับคนกลุ่มเล็กๆเท่านั้น ซึ่งทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยเพิ่มขึ้น ขณะที่การประเมินขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตอนนี้ปรากฏว่า อันดับของประเทศเราค่อยๆลดลง’นายอภิสิทธิ์ กล่าว และ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นปัญหาอย่างมากระหว่างระยะกลาง และระยะยาว คืออันดับที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสถาบันสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่มีการเข้าไปแทรกแซงสื่อสารมวลชน หรือ การเข้าไปแทรกแซงฝ่ายตุลาการ ในส่วนของด้านพื้นฐาน เช่นเรื่องของเทคโนโลยี ก็ยังขาดในเรื่องกติกาการแข่งขันที่เป็นธรรม และกฎหมายที่จะมารองรับเรื่องดังกล่าว ตนอยากจะเรียนว่า ถ้าเรายังไม่หมุนกลับมามองในเรื่องของพื้นฐานความเป็นจริงว่า อะไรทำให้เศรษฐกิจโต อะไรทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ก็เป็นเรื่องที่น่าห่วงเป็นอย่างมากต่อประเทศ
‘แนวทางของนายกฯทักษิณในช่วงที่ผ่านมาสัญญาอยู่เรื่องเดียว คือพยายามให้ความหวังว่าทุกคนจะต้องร่ำรวยขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่ผมติก็คือว่า 4 ปีที่ผ่านมา วิธีการที่นายกฯและไทยรักไทย คิดว่าจะทำให้คนรวยได้ คือ หาเงินให้คนไปใช้ โดยเฉพาะเป็นเงินกู้บาง เงินจากการพนันบาง สุดท้ายมันไม่ยั่งยืน’ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-