นายเจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงหน้า สภ.อ.ตากใบ จังหวัดนราธิวาส ว่า รัฐบาลควรใช้ความระมัดระวังในเรื่องดังกล่าว เพราะขณะนี้พี่น้องชาวมุสลิมอยู่ในช่วงของเดือนรอมฏอน หรือ การถือศีลอดซึ่งในช่วงระหว่างเวลา 10.00-11.00น. และ 18.00-22.00 น. ชาวมุสลิมต้องออกไปประกอบพิธีทางด้านศาสนาที่มัสยิด การประกาศกฎอัยการศึกก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดน ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างมาก ‘การแก้ปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ควรยึดบรรทัดฐานคนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นคนดีเป็นหลัก อย่าใช้บรรทัดฐานของคนส่วนน้อยแก้ปัญหา มิฉะนั้นจะทำให้กระทบกับวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชนผู้บริสุทธิ์’ นายเจ๊ะอามิง กล่าว
นายเจ๊ะอามิง กล่าวว่า รัฐบาลควรใช้ความนิ่มนวลในการแก้ไขปัญหา อย่าใช้อารมณ์ ใช้กระบวนการด้านจิตวิทยา ดึงประชาชนกลับมาเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และในส่วนของด้านข่าวสาร รัฐบาลต้องรวมข่าวให้ได้เป็น 1 เดียว เพราะ ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไม่มีความเป็นเอกภาพ ทำให้ข่าวบางครั้งไม่เป็นไปตามที่นายกฯได้รับทราบ ‘สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ คือ ทำอย่างไรจะให้จิตใจของพี่น้องชาวมุสลิมรวมศูนย์เป็นหนึ่งเดียวให้ได้ การกดดัน การแก้ไขปัญหาระบบฟันต่อฟันไม่เคยสามารถแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ใดในโลกได้เลย การใช้จิตวิทยา การใช้ความนิ่มนวล ในการแก้ไขปัญหาจะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ ไม่ว่าในระดับใด’ นายเจ๊ะอามิง กล่าว
รองโฆษก ปชป. กล่าวต่อว่า การปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในครั้งนี้ถือว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาโดยไม่มีข้อมูลด้านข่าวที่ชัดเจน ซึ่งเป็นการสวนทางกับคำสัมภาษณ์ของท่านนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า การข่าวรัฐบาลในขณะนี้เป็นหนึ่งเดียว ตนจึงอยากถามว่า ประชาชนไม่พอใจเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นระยะเวลาเกือบ 10 วัน ทำไมรัฐบาลปล่อยปะละเลย ไม่เข้าไปทำงานมวลชนแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ทำไมถึงปล่อยให้ประชาชนต้องมาประท้วง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ดำเนินการด้านจิตวิทยาเลย และการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ถือว่ารุนแรง ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงเดือนรอมฏอน แม้แต่น้ำลายยังทานไม่ได้ ซึ่งการให้ร้ายโดยระบุว่ามีคนบางคนติดเหล้าคงไม่เหมาะสม ‘รัฐบาลมีบทเรียนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่มัสยิดกรือเซะ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งทุกคนไม่อยากที่จะเห็นเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น รัฐบาลควรใช้ความระมัดระวัง ใช้ความอดทนอดกลั้นให้สูง ยิ่งใช้วิธีแก้ไขปัญหาแบบรุนแรง ก็เสมือนกับเติมเชื้อไฟให้พื้นที่ และสถานการณ์ก็จะหยุดยั้งไม่ได้ จะรุกรามใหญ่โตออกไปอีก’ รองโฆษกปชป. กล่าว และกล่าวย้ำว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าวถือว่าล้มเหลว และนายกฯควรออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายเจ๊ะอามิง กล่าวว่า รัฐบาลควรใช้ความนิ่มนวลในการแก้ไขปัญหา อย่าใช้อารมณ์ ใช้กระบวนการด้านจิตวิทยา ดึงประชาชนกลับมาเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และในส่วนของด้านข่าวสาร รัฐบาลต้องรวมข่าวให้ได้เป็น 1 เดียว เพราะ ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไม่มีความเป็นเอกภาพ ทำให้ข่าวบางครั้งไม่เป็นไปตามที่นายกฯได้รับทราบ ‘สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ คือ ทำอย่างไรจะให้จิตใจของพี่น้องชาวมุสลิมรวมศูนย์เป็นหนึ่งเดียวให้ได้ การกดดัน การแก้ไขปัญหาระบบฟันต่อฟันไม่เคยสามารถแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ใดในโลกได้เลย การใช้จิตวิทยา การใช้ความนิ่มนวล ในการแก้ไขปัญหาจะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ ไม่ว่าในระดับใด’ นายเจ๊ะอามิง กล่าว
รองโฆษก ปชป. กล่าวต่อว่า การปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในครั้งนี้ถือว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาโดยไม่มีข้อมูลด้านข่าวที่ชัดเจน ซึ่งเป็นการสวนทางกับคำสัมภาษณ์ของท่านนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า การข่าวรัฐบาลในขณะนี้เป็นหนึ่งเดียว ตนจึงอยากถามว่า ประชาชนไม่พอใจเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นระยะเวลาเกือบ 10 วัน ทำไมรัฐบาลปล่อยปะละเลย ไม่เข้าไปทำงานมวลชนแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ทำไมถึงปล่อยให้ประชาชนต้องมาประท้วง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ดำเนินการด้านจิตวิทยาเลย และการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ถือว่ารุนแรง ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงเดือนรอมฏอน แม้แต่น้ำลายยังทานไม่ได้ ซึ่งการให้ร้ายโดยระบุว่ามีคนบางคนติดเหล้าคงไม่เหมาะสม ‘รัฐบาลมีบทเรียนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่มัสยิดกรือเซะ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งทุกคนไม่อยากที่จะเห็นเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น รัฐบาลควรใช้ความระมัดระวัง ใช้ความอดทนอดกลั้นให้สูง ยิ่งใช้วิธีแก้ไขปัญหาแบบรุนแรง ก็เสมือนกับเติมเชื้อไฟให้พื้นที่ และสถานการณ์ก็จะหยุดยั้งไม่ได้ จะรุกรามใหญ่โตออกไปอีก’ รองโฆษกปชป. กล่าว และกล่าวย้ำว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าวถือว่าล้มเหลว และนายกฯควรออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-