นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ว่า ขณะนี้มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก และมีท่าทีที่จะรุกรามบานปลายออกไปอีก ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนพรรคประชาธิปัตย์คงจะตั้งกระทู้ถาม หรือ เสนอญัตติด่วน แต่ที่พรรคไม่ทำเช่นนั้น เพราะท่านนายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้ความสนใจในการมาตอบกระทู้ และการเสนอญัตติด่วนในสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายค้านมักจะถูกบิดเบือนว่า เอาแต่เล่นการเมือง และคอยที่จะซ้ำเติมสถานการณ์ให้รุนแรงขึ้น
สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พรรคประชาธิปัตย์อยากเห็นการแก้ปัญหาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นรัฐบาลควรทบทวนนโยบายที่ได้ดำเนินการในพื้นที่ภาคใต้ เพราะถ้านโยบายถูกทิศทางถูกเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าเกิดขึ้น และวิธีการที่ดีที่สุดที่รัฐบาลควรจะทำคือ เปิดโอกาสให้หลายฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดความเห็นในเชิงสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาในเวลาเดียวกัน
หน.พรรคปชป. กล่าวว่า รัฐบาลควรนำมาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ ที่บังคับใช้อยู่ในขณะนี้มาดำเนินการให้เกิดประโยชน์ ซึ่งบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า กรณีมีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรที่จะได้รับฟังความคิดความเห็นจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา นายกรัฐมนตรีอาจแจ้งไปยังประธานรัฐสภา ขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในเรื่องดังกล่าวนี้ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
‘รัฐบาลคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่ปัญหาสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2547 จนถึงปัจจุบันนี้ มีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น ผมคิดว่า รัฐบาลควรจะรับฟังความคิดความเห็นของทั้ง 2 สภาในเวลาเดียวกัน และที่สำคัญเจตนารมย์ของมาตรา 213 คือ การมีบทบาทร่วมกัน ซึ่งวันนี้สมาชิกวุฒิสภาแสดงให้เห็นแล้วว่าท่านมีความคิดความเห็นมากมาย ที่ต้องการให้รัฐบาลได้รับรู้ รับทราบเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น’ หน.พรรคปชป.กล่าว
นายบัญญัติ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปราถนาที่จะเห็นความสงบเรียบร้อย และ แนวทางการแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ที่ถูกต้องของรัฐบาล ซึ่งพรรคพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น
สำหรับกรณีที่ส.ส.พรรคไทยรักไทยออกมาระบุว่า ฝ่ายค้านจ่ายเงินให้ผู้ชุมนุมหัวละ 200 บาท ในชุมนุมที่สภ.อ.ตากใบ เพื่อเป็นการดิสเครดิตรัฐบาลนั้น นายบัญญัติ กล่าวว่า ควระจะมาพูดจากันในลักษณะที่สร้างสรรค์มากกว่า ดีกว่าแก้ตัวไปวันๆ ซึ่งก็ไม่ได้นำไปสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่ประการใดทั้งสิ้น
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส.ส.ของพรรคไทยรักไทย ควรคิดในเรื่องการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติมากกว่า การความคิดที่จะเอาชนะทางการเมือง ตนคิดว่าบ้านเมืองมีปัญหามากพอแล้วไม่ควรนำเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูดต่อสาธารณชนเพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง น่าที่จะหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่าจะมาเพิ่มปัญหาให้มากยิ่งขึ้น
ด้านนายถาวร เสนเนียม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา กล่าวว่า คำพูดของส.ส.พรรคไทยรักไทยในเรื่องนี้เป็น คำพูดที่เลื่อนลอย และสถานะของบุคคลที่พูดยังเป็นผู้ที่เป็นปัญหาของประเทศชาติที่นายกฯกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และยังมาสร้างเรื่องเพื่อให้สังคมไขว่เขว่ ตนจึงอยากจะเตือนไปยังท่านนายกฯว่า ลูกพรรคพูดก็เหมือนหัวหน้ารัฐบาลพูด รัฐบาลควรเร่งแก้ไขการสร้างข่าวที่ไม่เกิดประโยชน์โดยเร็ว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-
สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พรรคประชาธิปัตย์อยากเห็นการแก้ปัญหาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นรัฐบาลควรทบทวนนโยบายที่ได้ดำเนินการในพื้นที่ภาคใต้ เพราะถ้านโยบายถูกทิศทางถูกเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าเกิดขึ้น และวิธีการที่ดีที่สุดที่รัฐบาลควรจะทำคือ เปิดโอกาสให้หลายฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดความเห็นในเชิงสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาในเวลาเดียวกัน
หน.พรรคปชป. กล่าวว่า รัฐบาลควรนำมาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ ที่บังคับใช้อยู่ในขณะนี้มาดำเนินการให้เกิดประโยชน์ ซึ่งบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า กรณีมีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรที่จะได้รับฟังความคิดความเห็นจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา นายกรัฐมนตรีอาจแจ้งไปยังประธานรัฐสภา ขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในเรื่องดังกล่าวนี้ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
‘รัฐบาลคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่ปัญหาสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2547 จนถึงปัจจุบันนี้ มีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น ผมคิดว่า รัฐบาลควรจะรับฟังความคิดความเห็นของทั้ง 2 สภาในเวลาเดียวกัน และที่สำคัญเจตนารมย์ของมาตรา 213 คือ การมีบทบาทร่วมกัน ซึ่งวันนี้สมาชิกวุฒิสภาแสดงให้เห็นแล้วว่าท่านมีความคิดความเห็นมากมาย ที่ต้องการให้รัฐบาลได้รับรู้ รับทราบเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น’ หน.พรรคปชป.กล่าว
นายบัญญัติ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปราถนาที่จะเห็นความสงบเรียบร้อย และ แนวทางการแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ที่ถูกต้องของรัฐบาล ซึ่งพรรคพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น
สำหรับกรณีที่ส.ส.พรรคไทยรักไทยออกมาระบุว่า ฝ่ายค้านจ่ายเงินให้ผู้ชุมนุมหัวละ 200 บาท ในชุมนุมที่สภ.อ.ตากใบ เพื่อเป็นการดิสเครดิตรัฐบาลนั้น นายบัญญัติ กล่าวว่า ควระจะมาพูดจากันในลักษณะที่สร้างสรรค์มากกว่า ดีกว่าแก้ตัวไปวันๆ ซึ่งก็ไม่ได้นำไปสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่ประการใดทั้งสิ้น
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส.ส.ของพรรคไทยรักไทย ควรคิดในเรื่องการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติมากกว่า การความคิดที่จะเอาชนะทางการเมือง ตนคิดว่าบ้านเมืองมีปัญหามากพอแล้วไม่ควรนำเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูดต่อสาธารณชนเพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง น่าที่จะหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่าจะมาเพิ่มปัญหาให้มากยิ่งขึ้น
ด้านนายถาวร เสนเนียม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา กล่าวว่า คำพูดของส.ส.พรรคไทยรักไทยในเรื่องนี้เป็น คำพูดที่เลื่อนลอย และสถานะของบุคคลที่พูดยังเป็นผู้ที่เป็นปัญหาของประเทศชาติที่นายกฯกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และยังมาสร้างเรื่องเพื่อให้สังคมไขว่เขว่ ตนจึงอยากจะเตือนไปยังท่านนายกฯว่า ลูกพรรคพูดก็เหมือนหัวหน้ารัฐบาลพูด รัฐบาลควรเร่งแก้ไขการสร้างข่าวที่ไม่เกิดประโยชน์โดยเร็ว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ต.ค. 2547--จบ--
-ดท-