ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. ปรับลดการขยายตัวของจีดีพีปีนี้เหลือร้อยละ 5.5-6.5 นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วย
ผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ปรับลดประมาณการการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศปี 47 ลงจากร้อยละ 6-7 เป็นร้อยละ 5.5-6.5 และปรับประมาณการอัตรา
เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2-3 เป็นร้อยละ 2.5-3.5 ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ที่ร้อยละ 0-1 ซึ่งจากการ
ประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจใหม่ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ แม้ว่า 8 เดือนแรก เศรษฐกิจจะขยายตัว
ต่อเนื่องและมีแรงส่งเพียงพอที่จะขยายตัวได้อีกในอนาคต แต่การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันซึ่งเฉลี่ยสูง
กว่าที่ ธปท. ประมาณการไว้ และผลกระทบที่เพิ่มขึ้นจากไข้หวัดนกรอบ 2 ทำให้การขยายตัวอาจจะไม่สูงเท่าที่
ประมาณการไว้ ทั้งนี้ ธปท. ได้ปรับลดการบริโภคภาครัฐและเอกชนจากร้อยละ 5.5-6.5 เป็นร้อยละ 4.5-5.5
การลงทุนภาครัฐและเอกชนเดิมร้อยละ 17.18 เหลือร้อยละ 12.13 เนื่องจากเริ่มเห็นการชะลอตัวของ
การบริโภคและการลงทุนที่ชัดเจนในไตรมาส 3 และมองว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้จะดีขึ้นจากที่ขยาย
ตัวร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 5.3 จึงเพิ่มประมาณการขยายตัวของการส่งออกจากร้อยละ 15-17 เป็นร้อยละ 20-22
และการนำเข้าจากร้อยละ 22-24 เป็นร้อยละ 27-29 ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล 4-6 พันล้าน
ดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลการค้าอยู่ระหว่างขาดดุล 500 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือเกินดุล 500 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ส่วนภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวในอัตราเดียวกับปีนี้คือร้อยละ 5.5-6.5 จากเดิมร้อยละ 6.0-7.5
ขณะที่อัตราเร่งของเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น เพราะราคาสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อ
ทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 3-4 จากเดิมร้อยละ 1.5-2.5 (โลกวันนี้, เดลินิวส์, บ้านเมือง)
2. ปีหน้าราคาน้ำมันและภาวะเงินเฟ้อจะกดดันเศรษฐกิจไทย ฝ่ายวิจัย ธ.กรุงศรีอยุธยา ระบุ
ว่า ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่สำคัญในปี 48 ยังคงเป็นเรื่องของราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อในประเทศที่มีแนว
โน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าราคาน้ำมันโลกอาจจะอ่อนตัวลงบ้าง แต่ภาวะเงินเฟ้อของไทยในปี 48 มีสัญญาณ
ของการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าปี 47 เนื่องจากการปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลท่ามกลางแนวโน้มการเติบโตทาง
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง สาเหตุสำคัญที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกยังมีแนวโน้ม
เคลื่อนไหวในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบเพื่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ การที่ทางการมี
แนวทางที่จะลดภาระการชดเชยราคาก๊าซหุงต้มจะกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ส่งผลหนุนเนื่องต่อต้น
ทุนการผลิตและค่าครองชีพอยู่ต่อไป อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะเหนี่ยวรั้งไม่ให้ระดับราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
มาก คือ ความต้องการบริโภคที่คาดว่าจะลดลงตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก จึงคาดว่าอัตราเงินเฟ้อ
เฉลี่ยปี 48 จะขยายตัวประมาณร้อยละ 3.3 เทียบกับร้อยละ 2.8 ในปี 47 อัตราเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มในภาวะที่
คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวชะลอตัวลงแสดงให้เห็นถึงความต้องการบริโภคสินค้าและบริการที่ลดลง
และทางการอาจจะพิจารณาใช้นโยบายเข้มงวดทางการเงินด้วยการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมภาวะเงิน
เฟ้อให้ขยายตัวในระดับที่เหมาะสม (โพสต์ทูเดย์)
3. ความเชื่อมั่นเอกชนภาคอุตสาหกรรมทรงตัวจนถึงปี 48 นายสันติ วิลาสศักดานนท์ รอง
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน ก.ย.47 ยัง
คงทรงตัว โดยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 101 มาอยู่ที่ระดับ 102.2 สาเหตุสำคัญมาจากการที่รัฐบาลยังยืน
ยันที่จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไปจนถึงต้นปี 48 ทำให้มียอดคำสั่งซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน
ผู้ประกอบการได้พยายามปรับตัวลดต้นทุนการผลิตสินค้าของตนเองให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ หากมอง
ถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการไปจนถึงปี 48 เชื่อว่ายังคงทรงตัวไปเรื่อย ๆ โดยยังอิงปัจจัยเรื่องราคา
น้ำมันเป็นหลัก แต่ที่น่าเป็นห่วงคือผู้บริโภค เพราะหากยังมีปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจก็อาจทำให้มีการลดการใช้จ่าย
ลง ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในรายอุตสาหกรรมที่มีการปรับลดลงอย่างชัดเจนมี 8 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ
เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เยื่อกระดาษ เครื่องหนัง เหล็ก อาหาร และอัญมณี ส่วนกลุ่มที่ดัชนีความเชื่อมั่น
เพิ่มขึ้น ได้แก่ ก๊าซ เหมืองแร่ เครื่องจักรกล เซรามิก ปูนซีเมนต์ พลาสติก ปิโตรเคมี และรองเท้า (ข่าวสด)
4. ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุมัติแผนงานปี 48 นางภัทรียา เบญจพลชัย รอง ผจก. ตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 27 ต.ค.47 ว่า มีมติ
อนุมัติแผนธุรกิจประจำปี 48 จำนวน 26 แผนงาน โดยเน้นให้ความรู้เยาวชนและประชาชนทั่วไป การขยายฐาน
ผู้ลงทุนคุณภาพ การเพิ่มจำนวนหลักทรัพย์จดทะเบียน รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับระบบการซื้อขาย
หลักทรัพย์ โดยเฉพาะระบบงานและระบบสนับสนุนเพื่อรองรับธุรกรรมที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น และจะพัฒนาคุณภาพ
ของบริษัทจดทะเบียนให้แข็งแกร่ง ทั้งบริษัทในหมวดฟื้นฟูกิจการให้ย้ายกลับหมวดปกติ เพิ่มศักยภาพของบริษัทจด
ทะเบียนในการใช้เครื่องมือทางการเงิน และปรับปรุงหมวดธุรกิจให้สะท้อนอุตสาหกรรมของประเทศชัดเจนขึ้น (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีและระยะ 15 ปีของสรอ.ในสัปดาห์นี้อยู่ในระดับต่ำสุด
นับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. 47 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 47 บริษัทสินเชื่อจำนอง Freddie Mac
เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีและระยะ 15 ปีของสรอ. ในสัปดาห์นี้อยู่ที่ระดับเฉลี่ย
ร้อยละ 5.64 และร้อยละ 5.01 ตามลำดับ ลดลงจากเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ระดับร้อยละ 5.69 และร้อยละ 5.07
ตามลำดับ และอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. 47 ที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีและระยะ 15 ปี
อยู่ในระดับต่ำสุดร้อยละ 5.52 และร้อยละ 4.84 ตามลำดับ เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ
เวลา 1 ปีที่ปรับได้ - ARM ในสัปดาห์นี้ก็ได้ลดลงอยู่ในระดับร้อยละ 3.96 จากระดับร้อยละ 4.02 เมื่อสัปดาห์
ก่อน การลดลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดังกล่าวมีส่วนกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อบ้านของตนเองมากขึ้น ทั้งนี้เมื่อ
ปีที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีระยะ 15 ปีและระยะ 1 ปีที่ปรับได้อยู่ที่ระดับร้อยละ 6.05 ร้อยละ 5.39
และร้อยละ 3.76 ตามลำดับ หัวหน้าเศรษฐกรจาก Freddie Mac คาดว่าอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยจะ
ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งตลอดถึงสิ้นปีนี้ สำหรับในไตรมาสนี้บ้านเดี่ยวรวมทั้งบ้านมือสองยังคงขยายตัวอย่างแข็ง
แกร่งโดยเห็นได้จากยอดขายบ้านเมื่อเร็วๆนี้ โดย ก.พาณิชย์สรอ.เปิดเผยว่ายอดขายบ้านเดี่ยวเมื่อเดือนก.ย.
เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.5 อยู่ที่ระดับ 1.206 ล้านหลังจากปีก่อน (ตัวเลขที่ปรับแล้ว) สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.
และทำสถิติสูงสุดเป็นครั้งที่ 3 เช่นเดียวกับยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ย.ก็เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง
ร้อยละ 3.1 อยู่ที่ระดับ 6.75 ล้านหลัง (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) และเพิ่มขึ้นจาก 6.55 ล้านหลังเมื่อเดือน
ส.ค. อนึ่งอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 0.7 และร้อยละ 0.8
สำหรับ ARM (รอยเตอร์)
2. รอยเตอร์คาดว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นผู้บริโภค สรอ.ในเดือน ต.ค.47 จะลดลงอยู่ที่ระดับ 88.0
รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 28 ต.ค.47 ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นผู้บริโภคสำหรับ
เดือน ต.ค.47 ซึ่งสำรวจโดย ม.มิชิแกนอันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับงาน ราคาพลังงานที่ทะยานสูงขึ้น
และภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนในขณะนี้ น่าจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ.ในเดือน ต.ค.47 โดย
คาดว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 88.0 จากระดับ 94.2 ในเดือนก่อน ทั้งนี้ ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะ
ประกาศเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 29 ต.ค.47 (รอยเตอร์)
3. ราคาบ้านในอังกฤษลดลงร้อยละ 0.4 ในเดือน ต.ค.47 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 28 ต.ค.47 ราคาบ้านในอังกฤษลดลงร้อยละ 0.4 จากเดือนก่อน ลดลงเป็นครั้ง
แรกนับตั้งแต่เดือน ก.ย.44 และลดลงในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.44 โดยหากเทียบต่อปีแล้วราคาบ้านใน
เดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 ในเดือน ก.ย.47 เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดนับ
ตั้งแต่เดือน ม.ค.47 ส่งผลให้ราคาบ้านในอังกฤษอยู่ในระดับคงที่ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์เชื่อว่า
ราคาบ้านจะลดลงอีกร้อยละ 20 จึงจะทำให้ราคาอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ ราคาบ้านโดยเฉลี่ยในเดือน ต.ค.47
ลดลงมาอยู่ที่ 152,159 ปอนด์ จาก 153,727 ปอนด์ในเดือน ส.ค.47 หลังจากอยู่ในระดับสูงสุด 154,299 ปอนด์
ในเดือน ก.ค.47 แต่จากการที่ราคาบ้านโดยเฉลี่ยได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990
เป็นต้นมาได้ทำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านหลังแรกหลายรายหมดคุณสมบัติในการขอกู้ ซึ่งตรงกับที่สมาคมธนาคารของอังกฤษ
รายงานว่าจำนวนผู้ที่ได้รับอนุมัติเงินกู้เพื่อซื้อบ้านลดลงร้อยละ 29 ในรอบปีที่ผ่านมา ราคาบ้านที่ลดลงเป็น
ครั้งแรกนี้ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่ายุคบูมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้สิ้นสุดลงแล้ว และคาดว่า ธ.กลางอังกฤษ
จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปีจนถึงสิ้นปีนี้ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว 5 ครั้งนับตั้งแต่เดือน พ.ย.46 (รอยเตอร์)
4. รอยเตอร์คาดว่า PMI ของญี่ปุ่นในเดือน ต.ค.47 จะลดลงต่ำสุดในรอบ 14 เดือน รายงาน
จากโตเกียว เมื่อ 29 ต.ค.47 ผลสำรวจรอยเตอร์ พบว่า Purchasing Managers Index (PMI) ซึ่ง
แสดงถึงกิจกรรมทางธุรกิจภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ต.ค.47 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 52.9 (หลังปรับฤดูกาล)
ลดลงจากระดับ 53.6 ในเดือนก่อน นับเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 14 เดือน (ส.ค.46) เช่นเดียวกับดัชนีชี้
วัดคำสั่งซื้อใหม่ของ PMI ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดความต้องการสินค้าในอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลงมา
อยู่ที่ระดับ 53.3 จาก 54.2 ในเดือนก่อน โดยนับเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกันที่ทั้ง 2 ดัชนีอยู่ในระดับสูงกว่า 50
ซึ่งแสดงถึงการขยายตัว โดยตัวเลขที่ตำกว่า 50 แสดงถึงการหดตัว ผลจากความต้องการสินค้าโดยเฉพาะรถยนต์
และอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนลดลงจากมาตรการลดความร้อนแรงทาง
เศรษฐกิจของทางการจีน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 ต.ค. 47 28 ต.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.015 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.8572/41.1363 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.71875-1.7500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 621.57/ 24.95 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,200/8,300 8,200/8,300 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 36.04 34.91 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.39*/14.59 22.39*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 20 ต.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท. ปรับลดการขยายตัวของจีดีพีปีนี้เหลือร้อยละ 5.5-6.5 นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วย
ผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ปรับลดประมาณการการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศปี 47 ลงจากร้อยละ 6-7 เป็นร้อยละ 5.5-6.5 และปรับประมาณการอัตรา
เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2-3 เป็นร้อยละ 2.5-3.5 ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ที่ร้อยละ 0-1 ซึ่งจากการ
ประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจใหม่ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ แม้ว่า 8 เดือนแรก เศรษฐกิจจะขยายตัว
ต่อเนื่องและมีแรงส่งเพียงพอที่จะขยายตัวได้อีกในอนาคต แต่การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันซึ่งเฉลี่ยสูง
กว่าที่ ธปท. ประมาณการไว้ และผลกระทบที่เพิ่มขึ้นจากไข้หวัดนกรอบ 2 ทำให้การขยายตัวอาจจะไม่สูงเท่าที่
ประมาณการไว้ ทั้งนี้ ธปท. ได้ปรับลดการบริโภคภาครัฐและเอกชนจากร้อยละ 5.5-6.5 เป็นร้อยละ 4.5-5.5
การลงทุนภาครัฐและเอกชนเดิมร้อยละ 17.18 เหลือร้อยละ 12.13 เนื่องจากเริ่มเห็นการชะลอตัวของ
การบริโภคและการลงทุนที่ชัดเจนในไตรมาส 3 และมองว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้จะดีขึ้นจากที่ขยาย
ตัวร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 5.3 จึงเพิ่มประมาณการขยายตัวของการส่งออกจากร้อยละ 15-17 เป็นร้อยละ 20-22
และการนำเข้าจากร้อยละ 22-24 เป็นร้อยละ 27-29 ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล 4-6 พันล้าน
ดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลการค้าอยู่ระหว่างขาดดุล 500 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือเกินดุล 500 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ส่วนภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัวในอัตราเดียวกับปีนี้คือร้อยละ 5.5-6.5 จากเดิมร้อยละ 6.0-7.5
ขณะที่อัตราเร่งของเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น เพราะราคาสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อ
ทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 3-4 จากเดิมร้อยละ 1.5-2.5 (โลกวันนี้, เดลินิวส์, บ้านเมือง)
2. ปีหน้าราคาน้ำมันและภาวะเงินเฟ้อจะกดดันเศรษฐกิจไทย ฝ่ายวิจัย ธ.กรุงศรีอยุธยา ระบุ
ว่า ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่สำคัญในปี 48 ยังคงเป็นเรื่องของราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อในประเทศที่มีแนว
โน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าราคาน้ำมันโลกอาจจะอ่อนตัวลงบ้าง แต่ภาวะเงินเฟ้อของไทยในปี 48 มีสัญญาณ
ของการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าปี 47 เนื่องจากการปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลท่ามกลางแนวโน้มการเติบโตทาง
เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง สาเหตุสำคัญที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกยังมีแนวโน้ม
เคลื่อนไหวในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบเพื่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ การที่ทางการมี
แนวทางที่จะลดภาระการชดเชยราคาก๊าซหุงต้มจะกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ส่งผลหนุนเนื่องต่อต้น
ทุนการผลิตและค่าครองชีพอยู่ต่อไป อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะเหนี่ยวรั้งไม่ให้ระดับราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
มาก คือ ความต้องการบริโภคที่คาดว่าจะลดลงตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก จึงคาดว่าอัตราเงินเฟ้อ
เฉลี่ยปี 48 จะขยายตัวประมาณร้อยละ 3.3 เทียบกับร้อยละ 2.8 ในปี 47 อัตราเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มในภาวะที่
คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวชะลอตัวลงแสดงให้เห็นถึงความต้องการบริโภคสินค้าและบริการที่ลดลง
และทางการอาจจะพิจารณาใช้นโยบายเข้มงวดทางการเงินด้วยการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมภาวะเงิน
เฟ้อให้ขยายตัวในระดับที่เหมาะสม (โพสต์ทูเดย์)
3. ความเชื่อมั่นเอกชนภาคอุตสาหกรรมทรงตัวจนถึงปี 48 นายสันติ วิลาสศักดานนท์ รอง
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน ก.ย.47 ยัง
คงทรงตัว โดยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 101 มาอยู่ที่ระดับ 102.2 สาเหตุสำคัญมาจากการที่รัฐบาลยังยืน
ยันที่จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไปจนถึงต้นปี 48 ทำให้มียอดคำสั่งซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน
ผู้ประกอบการได้พยายามปรับตัวลดต้นทุนการผลิตสินค้าของตนเองให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ หากมอง
ถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการไปจนถึงปี 48 เชื่อว่ายังคงทรงตัวไปเรื่อย ๆ โดยยังอิงปัจจัยเรื่องราคา
น้ำมันเป็นหลัก แต่ที่น่าเป็นห่วงคือผู้บริโภค เพราะหากยังมีปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจก็อาจทำให้มีการลดการใช้จ่าย
ลง ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในรายอุตสาหกรรมที่มีการปรับลดลงอย่างชัดเจนมี 8 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ
เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เยื่อกระดาษ เครื่องหนัง เหล็ก อาหาร และอัญมณี ส่วนกลุ่มที่ดัชนีความเชื่อมั่น
เพิ่มขึ้น ได้แก่ ก๊าซ เหมืองแร่ เครื่องจักรกล เซรามิก ปูนซีเมนต์ พลาสติก ปิโตรเคมี และรองเท้า (ข่าวสด)
4. ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุมัติแผนงานปี 48 นางภัทรียา เบญจพลชัย รอง ผจก. ตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 27 ต.ค.47 ว่า มีมติ
อนุมัติแผนธุรกิจประจำปี 48 จำนวน 26 แผนงาน โดยเน้นให้ความรู้เยาวชนและประชาชนทั่วไป การขยายฐาน
ผู้ลงทุนคุณภาพ การเพิ่มจำนวนหลักทรัพย์จดทะเบียน รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับระบบการซื้อขาย
หลักทรัพย์ โดยเฉพาะระบบงานและระบบสนับสนุนเพื่อรองรับธุรกรรมที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น และจะพัฒนาคุณภาพ
ของบริษัทจดทะเบียนให้แข็งแกร่ง ทั้งบริษัทในหมวดฟื้นฟูกิจการให้ย้ายกลับหมวดปกติ เพิ่มศักยภาพของบริษัทจด
ทะเบียนในการใช้เครื่องมือทางการเงิน และปรับปรุงหมวดธุรกิจให้สะท้อนอุตสาหกรรมของประเทศชัดเจนขึ้น (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีและระยะ 15 ปีของสรอ.ในสัปดาห์นี้อยู่ในระดับต่ำสุด
นับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. 47 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 47 บริษัทสินเชื่อจำนอง Freddie Mac
เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีและระยะ 15 ปีของสรอ. ในสัปดาห์นี้อยู่ที่ระดับเฉลี่ย
ร้อยละ 5.64 และร้อยละ 5.01 ตามลำดับ ลดลงจากเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ระดับร้อยละ 5.69 และร้อยละ 5.07
ตามลำดับ และอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. 47 ที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีและระยะ 15 ปี
อยู่ในระดับต่ำสุดร้อยละ 5.52 และร้อยละ 4.84 ตามลำดับ เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ
เวลา 1 ปีที่ปรับได้ - ARM ในสัปดาห์นี้ก็ได้ลดลงอยู่ในระดับร้อยละ 3.96 จากระดับร้อยละ 4.02 เมื่อสัปดาห์
ก่อน การลดลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดังกล่าวมีส่วนกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อบ้านของตนเองมากขึ้น ทั้งนี้เมื่อ
ปีที่แล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองระยะ 30 ปีระยะ 15 ปีและระยะ 1 ปีที่ปรับได้อยู่ที่ระดับร้อยละ 6.05 ร้อยละ 5.39
และร้อยละ 3.76 ตามลำดับ หัวหน้าเศรษฐกรจาก Freddie Mac คาดว่าอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยจะ
ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งตลอดถึงสิ้นปีนี้ สำหรับในไตรมาสนี้บ้านเดี่ยวรวมทั้งบ้านมือสองยังคงขยายตัวอย่างแข็ง
แกร่งโดยเห็นได้จากยอดขายบ้านเมื่อเร็วๆนี้ โดย ก.พาณิชย์สรอ.เปิดเผยว่ายอดขายบ้านเดี่ยวเมื่อเดือนก.ย.
เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.5 อยู่ที่ระดับ 1.206 ล้านหลังจากปีก่อน (ตัวเลขที่ปรับแล้ว) สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.
และทำสถิติสูงสุดเป็นครั้งที่ 3 เช่นเดียวกับยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ย.ก็เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง
ร้อยละ 3.1 อยู่ที่ระดับ 6.75 ล้านหลัง (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) และเพิ่มขึ้นจาก 6.55 ล้านหลังเมื่อเดือน
ส.ค. อนึ่งอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 0.7 และร้อยละ 0.8
สำหรับ ARM (รอยเตอร์)
2. รอยเตอร์คาดว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นผู้บริโภค สรอ.ในเดือน ต.ค.47 จะลดลงอยู่ที่ระดับ 88.0
รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อ 28 ต.ค.47 ผลสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นผู้บริโภคสำหรับ
เดือน ต.ค.47 ซึ่งสำรวจโดย ม.มิชิแกนอันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับงาน ราคาพลังงานที่ทะยานสูงขึ้น
และภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนในขณะนี้ น่าจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ.ในเดือน ต.ค.47 โดย
คาดว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 88.0 จากระดับ 94.2 ในเดือนก่อน ทั้งนี้ ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะ
ประกาศเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 29 ต.ค.47 (รอยเตอร์)
3. ราคาบ้านในอังกฤษลดลงร้อยละ 0.4 ในเดือน ต.ค.47 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 28 ต.ค.47 ราคาบ้านในอังกฤษลดลงร้อยละ 0.4 จากเดือนก่อน ลดลงเป็นครั้ง
แรกนับตั้งแต่เดือน ก.ย.44 และลดลงในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.44 โดยหากเทียบต่อปีแล้วราคาบ้านใน
เดือน ต.ค.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 ในเดือน ก.ย.47 เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดนับ
ตั้งแต่เดือน ม.ค.47 ส่งผลให้ราคาบ้านในอังกฤษอยู่ในระดับคงที่ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์เชื่อว่า
ราคาบ้านจะลดลงอีกร้อยละ 20 จึงจะทำให้ราคาอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ ราคาบ้านโดยเฉลี่ยในเดือน ต.ค.47
ลดลงมาอยู่ที่ 152,159 ปอนด์ จาก 153,727 ปอนด์ในเดือน ส.ค.47 หลังจากอยู่ในระดับสูงสุด 154,299 ปอนด์
ในเดือน ก.ค.47 แต่จากการที่ราคาบ้านโดยเฉลี่ยได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990
เป็นต้นมาได้ทำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านหลังแรกหลายรายหมดคุณสมบัติในการขอกู้ ซึ่งตรงกับที่สมาคมธนาคารของอังกฤษ
รายงานว่าจำนวนผู้ที่ได้รับอนุมัติเงินกู้เพื่อซื้อบ้านลดลงร้อยละ 29 ในรอบปีที่ผ่านมา ราคาบ้านที่ลดลงเป็น
ครั้งแรกนี้ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่ายุคบูมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้สิ้นสุดลงแล้ว และคาดว่า ธ.กลางอังกฤษ
จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปีจนถึงสิ้นปีนี้ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว 5 ครั้งนับตั้งแต่เดือน พ.ย.46 (รอยเตอร์)
4. รอยเตอร์คาดว่า PMI ของญี่ปุ่นในเดือน ต.ค.47 จะลดลงต่ำสุดในรอบ 14 เดือน รายงาน
จากโตเกียว เมื่อ 29 ต.ค.47 ผลสำรวจรอยเตอร์ พบว่า Purchasing Managers Index (PMI) ซึ่ง
แสดงถึงกิจกรรมทางธุรกิจภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ต.ค.47 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 52.9 (หลังปรับฤดูกาล)
ลดลงจากระดับ 53.6 ในเดือนก่อน นับเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 14 เดือน (ส.ค.46) เช่นเดียวกับดัชนีชี้
วัดคำสั่งซื้อใหม่ของ PMI ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดความต้องการสินค้าในอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลงมา
อยู่ที่ระดับ 53.3 จาก 54.2 ในเดือนก่อน โดยนับเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกันที่ทั้ง 2 ดัชนีอยู่ในระดับสูงกว่า 50
ซึ่งแสดงถึงการขยายตัว โดยตัวเลขที่ตำกว่า 50 แสดงถึงการหดตัว ผลจากความต้องการสินค้าโดยเฉพาะรถยนต์
และอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนลดลงจากมาตรการลดความร้อนแรงทาง
เศรษฐกิจของทางการจีน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 29 ต.ค. 47 28 ต.ค. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.015 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.8572/41.1363 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.71875-1.7500 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 621.57/ 24.95 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,200/8,300 8,200/8,300 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 36.04 34.91 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.39*/14.59 22.39*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 20 ต.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-