ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ชี้สัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังไม่มีความชัดเจน ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2547 ล่าสุดของ ธปท.ที่คาดการณ์ว่า
เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ในอัตราร้อยละ 5.5-6.5 นั้น ยังไม่รวมผลจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการสลาย
การชุมนุมที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เนื่องจากการประมาณการทำขึ้นก่อน แต่เชื่อว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ไทยจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ขณะที่ภาคการลงทุน 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) ขยายตัวร้อยละ
18 นับว่ายังไม่ชะลอตัว เพราะมีแรงขับเคลื่อนอยู่ ส่วนการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกขณะนี้มาถึงจุดต่ำสุดแล้ว
(พิจารณาจากตัวเลขการส่งออกไก่ลดลงมาอยู่ที่ศูนย์) ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นปีนี้คาดว่าจะลดลงจากปีก่อนเนื่อง
จากมีฐานสูง ขณะที่ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดปี 47 ยังเป็นบวกอยู่ สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ นโยบายภาครัฐที่มีผล
กระทบจากราคาน้ำมัน ร่วมทั้งอัตราเงินเฟ้อ ที่จะต้องติดตามการประชุมของ ธ.กลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะประชุม
อีก 2 ครั้งในเดือนนี้และเดือนหน้า อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธปท.
วันที่ 25 ธ.ค.นี้ สัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งจะต้องพิจารณาจากเสถียรภาพ
เศรษฐกิจ และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยด้วย (ข่าวสด, บ้านเมือง)
2. เศรษฐกิจภาคเหนือยังขยายตัวต่อเนื่องแม้ FTA ไทย-จีนจะส่งผลให้ส่งออกไปจีนลดลง ผู้
บริหารส่วน สำนักงานภาคเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยสรุปภาวะการค้าไทย-จีนหลังเปิด
การค้าผักผลไม้ในอัตราภาษีศูนย์ครบรอบ 1 ปีว่า การส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนผ่านด่านศุลกากรภาคเหนือมี
มูลค่าลดลงประมาณ 401.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 76.4 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก
การส่งออกลำไยอบแห้งลดลง ขณะที่การนำเข้าสินค้าจากจีนผ่านด่านศุลกากรภาคเหนือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า
382.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 101.7 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ แอปเปิล
สาลี่ และกระเทียม อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือในเดือน ก.ย.47 มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อ
เนื่อง โดยดัชนีการอุปโภค บริโภคภาคเอกชน ขยายตัวในอัตราใกล้เคียงกับเดือนก่อน ในขณะที่ดัชนีการลงทุน
ภาคเอกชนชะลอลงเล็กน้อย ด้านรายได้รายจ่ายรัฐบาลยังคงขยายตัวดี ส่วนภาคการส่งออกยังขยายตัวสูงขึ้นตาม
อุปสงค์จากต่างประเทศ (ผู้จัดการรายวัน)
3. ธปท.เปิดเผยถึงกรณีการแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.กรุงไทยคนใหม่ ผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีการแต่งตั้ง นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.
กรุงไทยว่า ในกรณีนี้ทางคณะกรรมการ ธ.กรุงไทยแต่งตั้งโดยไม่ได้ส่งมาให้ทาง ธปท.พิจารณาคุณสมบัติ เนื่อง
จาก คณะกรรมการ ธ.กรุงไทยพิจารณาแล้วไม่มีข้อสงสัยว่า นายอภิศักดิ์จะมีคุณสมบัติไม่ครบตามข้อใดข้อหนึ่งใน
8 ข้อประกาศของ ธปท. ก็ไม่จำเป็นต้องส่งมาให้ ธปท.พิจารณาก็ได้ (สยามรัฐ)
4. สศค.เตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 47 ใหม่ รอง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
(สศค.) เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้ สศค.จะประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 47 ใหม่อีกครั้ง หลังจากมี
ปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาทั้งเรื่องราคาน้ำมัน ไข้หวัดนก และสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งระหว่างนี้
อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดข้อมูลตัวเลขให้ชัดเจนก่อน โดยก่อนหน้านี้ สศค.ได้ประมาณการว่าเศรษฐกิจจะ
ขยายตัวที่ร้อยละ 6.7 (เดลินิวส์)
5. ตลท.มั่นใจมูลค่าตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 48 จะมีมูลค่าเท่ากับจีดีพี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ท่ามกลางปัญหาวิกฤตน้ำมันซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก ความไม่แน่นอน
ทางเศรษฐกิจ ตลท.มั่นใจว่า ตลาดหุ้นไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าสิ้นปี 48 มูลค่าตลาดรวม
(มาร์เก็ตแคป) จะมีมูลค่าถึง 5 ล้านล้านบาท หรือเท่ากับผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดหุ้นไทย
ติดอันดับ 1-20 ของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น) ที่นักลงทุนสถาบันจับตาและจัดสรรเม็ดเงิน
เข้ามาลงทุน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยสามารถเพิ่มมูลค่าตลาดรวม จากเดิมที่อยู่ในระดับ 1.6 ล้านล้านบาท หรือ
เท่ากับร้อยละ 2 ของตลาดในเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นมาเป็นร้อยละ 4.5-5.0 ของตลาด โดยคิดจากดัชนี
ตลาดหลักทรัพย์ที่เคลื่อนไหวในช่วง 630-660 จุด (ข่าวสด)
6. ครม.เห็นชอบในแผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 48 ตามที่ ก.คลัง
เสนอทั้งหมด ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ
ในแผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 48 ตามที่ ก.คลังเสนอทั้งหมด โดยได้เห็นชอบใน
การกู้เงินเพื่อชดเชยในการบริหารการขาดดุลงบประมาณจำนวน 170,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อการชดเชย
ความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงิน (เอฟไอดีเอฟ) จำนวน 74,900 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อการ
บริหารและจัดการเงินกู้ในการกู้เงินต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจจำนวน 151,400 ล้านบาท และการกู้เงินตาม
แผนการก่อหนี้ของรัฐวิสาหกิจในปี 48 ในการบริหารเงินกู้ต่างประเทศที่มีอยู่ 7 โครงการ รวมทั้งการกู้เงินใน
การบริหารเงินต่างประเทศจำนวน 274,500 ล้านบาท ในการดำเนินการในครั้งนี้จะช่วยในการลดหนี้ได้
12,500 ล้านบาท และสามารถลดดอกเบี้ยได้ 6,000-8,000 ล้านบาทได้ ทั้งนี้ หนี้สาธารณะของไทยในเดือน
ก.ค.47 อยู่ที่ 2.942 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45.58 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) (แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การเติบโตของภาคการก่อสร้างอังกฤษชะลอตัวในเดือน ต.ค.47 รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 2 พ.ย.47 The Chartered Institute of Purchasing and Supply เปิดเผยว่า การเติบโต
ของภาคการก่อสร้างอังกฤษในเดือน ต.ค.47 ชะลอตัวสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.47 เป็นต้นมา โดย
Purchasing Managers’ Index (PMI) ในเดือน ต.ค.47 ลดลงที่ระดับ 55.0 จากระดับ 56.8 ในเดือน
ก่อน สาเหตุจากยอดการก่อสร้างตามคำสั่งใหม่ลดลง ประกอบกับความล่าช้าในส่วนของสัญญาก่อสร้างที่ดำเนิน
การยังไม่แล้วเสร็จรวมถึงที่เพิ่งเริ่มดำเนินการใหม่ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ต่อ
เนื่องเป็นเดือนที่ 69 โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 แสดงว่าธุรกิจยังคงขยายตัวได้ ขณะที่ดัชนีระดับต่ำกว่า 50
แสดงว่าธุรกิจประสบภาวะชะลอตัว นอกจากนี้ ในส่วนของดัชนีชี้วัดสถานการณ์ธุรกิจในอนาคตในเดือนเดียวกันก็
ลดลงที่ระดับ 71.9 ต่ำสุดในรอบ 3 ปี สาเหตุจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลางอังกฤษถึง 5 ครั้งนับ
ตั้งแต่เดือน พ.ย.46 ส่งผลให้บรรดาธุรกิจขาดความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ในอนาคต (รอยเตอร์)
2. จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีในเดือน ต.ค.47 หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้น
12,000 คนเมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 2 พ.ย.47
แหล่งข่าวที่ทราบตัวเลขจำนวนคนว่างงานซึ่งมีกำหนดจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 พ.ย.47 เวลา
8.50 น. ตามเวลากรีนนิช ให้ข่าวกับรอยเตอร์ว่าจำนวนคนว่างงานของเยอรมนีในเดือน ต.ค.47 หลังปรับตัว
เลขตามฤดูกาลแล้วจะเพิ่มขึ้น 12,000 คนเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันแต่ต่ำกว่าที่คาด
ไว้จากผลสำรวจของรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 15,000 คนหลังจากตัวเลขคนว่างงานพุ่งขึ้นสูงสุดใน
รอบกว่า 6 ปีจำนวน 4.445 ล้านคนในเดือน ก.ย.47 โดยจำนวนคนว่างงานก่อนปรับตัวเลขตามฤดูกาลใน
เดือน ต.ค.47 มี 4.21 ล้านคน จากการปรับลดพนักงานของธุรกิจในเยอรมนีซึ่งเป็นเครื่องชี้ว่าเศรษฐกิจของ
เยอรมนียังไม่สามารถสร้างงานใหม่แม้ว่านักวิเคราะห์จะคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวประมาณร้อยละ
1.8 ก็ตาม ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางคนให้ความเห็นว่าจำนวนคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นเกิดจากผู้ที่รับสวัสดิการ
สังคมพากันไปจดทะเบียนเป็นคนว่างงานเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเมื่อมีการรวมเงินช่วยเหลือคน
ว่างงานและสวัสดิการสังคมเข้าด้วยกันในเดือน ม.ค.ปีหน้า (รอยเตอร์)
3. เศรษฐกิจอาเซียนจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 48 รายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อ
วันที่ 2 พ.ย.47 รอยเตอร์โพลล์เปิดเผยผลสำรวจรายไตรมาสของนักวิเคราะห์กว่า 100 คน ใน 12
ประเทศกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า แม้ราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับสูงและมีความ
พยายามที่จะชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งอาจจะกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน
ในปี 48 แต่เศรษฐกิจส่วนใหญ่ของอาเซียนจะยังคงเติบโตด้วยอัตราส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตในหลายปีที่
ผ่านมา ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นในทั่วทุกประเทศทั้งภูมิภาค ขณะที่ฮ่องกงจะประสบกับภาวะเงินฝืดเนื่อง
จากการส่งออกชะลอตัวและการบริโภคภายในประเทศลดลง ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ สรอ. และ
การเลือกตั้งประธานาธิบดีของ สรอ. ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดย
ประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งในปีนี้ ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ
ไต้หวัน ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 ขณะที่นิวซีแลนด์และฟิลิปปินส์จะมีอัตราการเติบโตทาง
เศรษฐกิจสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอตัวลงในปี 48 จากปี 47 นั้น
ทุกประเทศในภูมิภาคยกเว้นนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้คาดว่าจะมีค่าเฉลี่ยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 48 ดี
กว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการต่อแนวโน้มธุรกิจในเดือน พ.ย.47 ลดลง รายงานจากโซ
ลเมื่อ 3 พ.ย.47 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการต่อแนวโน้มธุรกิจ
(สำรวจจาก 2,521 บริษัทในระหว่างวันที่ 13-22 ต.ค.47 โดยในจำนวนนี้รวมบริษัทที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมการ
ผลิตจำนวน 1,000 บริษัท) พบว่าลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนภาพที่ไม่ดีนักต่อภาวะเศรษฐกิจ หลัง
จากที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นและความต้องการในประเทศชะลอตัวลง โดย The all-industry business
survey index ลดลงที่ระดับ 73 จากระดับ 76 ในเดือนก่อนซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.47 และ
The sub-index of manufacturers ลดลงที่ระดับ 74 จากระดับ 79 ในเดือนก่อน โดยดัชนีฯ ที่ระดับต่ำ
กว่า 100 บ่งชี้ว่า ธุรกิจที่มองว่าสถานการณ์ธุรกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวมีสัดส่วนมากกว่าธุรกิจที่มองว่าสถานการณ์มี
ทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีฯ เคยอยู่เหนือระดับ 100 ครั้งล่าสุดเมื่อไตรมาสที่ 4 ของปี 45 นอกจากนี้ ผลการ
สำรวจจาก The Federation of Korean Industries ก็บ่งชี้ในทิศทางเดียวกันว่า บรรดาธุรกิจมีมุมมอง
ต่อสถานการณ์ธุรกิจในแง่ไม่ดีนัก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 3 พ.ย. 47 2 พ.ย. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.065 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.8638/41.1582 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.75 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 631.99/ 13.83 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,150/8,250 8,250/8,350 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 36.71 35.99 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.39*/14.59 22.39*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 20 ต.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.ชี้สัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังไม่มีความชัดเจน ผู้ว่าการธนาคารแห่ง
ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2547 ล่าสุดของ ธปท.ที่คาดการณ์ว่า
เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ในอัตราร้อยละ 5.5-6.5 นั้น ยังไม่รวมผลจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการสลาย
การชุมนุมที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เนื่องจากการประมาณการทำขึ้นก่อน แต่เชื่อว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ไทยจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ขณะที่ภาคการลงทุน 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) ขยายตัวร้อยละ
18 นับว่ายังไม่ชะลอตัว เพราะมีแรงขับเคลื่อนอยู่ ส่วนการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกขณะนี้มาถึงจุดต่ำสุดแล้ว
(พิจารณาจากตัวเลขการส่งออกไก่ลดลงมาอยู่ที่ศูนย์) ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นปีนี้คาดว่าจะลดลงจากปีก่อนเนื่อง
จากมีฐานสูง ขณะที่ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดปี 47 ยังเป็นบวกอยู่ สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ นโยบายภาครัฐที่มีผล
กระทบจากราคาน้ำมัน ร่วมทั้งอัตราเงินเฟ้อ ที่จะต้องติดตามการประชุมของ ธ.กลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะประชุม
อีก 2 ครั้งในเดือนนี้และเดือนหน้า อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธปท.
วันที่ 25 ธ.ค.นี้ สัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งจะต้องพิจารณาจากเสถียรภาพ
เศรษฐกิจ และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยด้วย (ข่าวสด, บ้านเมือง)
2. เศรษฐกิจภาคเหนือยังขยายตัวต่อเนื่องแม้ FTA ไทย-จีนจะส่งผลให้ส่งออกไปจีนลดลง ผู้
บริหารส่วน สำนักงานภาคเหนือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยสรุปภาวะการค้าไทย-จีนหลังเปิด
การค้าผักผลไม้ในอัตราภาษีศูนย์ครบรอบ 1 ปีว่า การส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนผ่านด่านศุลกากรภาคเหนือมี
มูลค่าลดลงประมาณ 401.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 76.4 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก
การส่งออกลำไยอบแห้งลดลง ขณะที่การนำเข้าสินค้าจากจีนผ่านด่านศุลกากรภาคเหนือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า
382.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 101.7 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ แอปเปิล
สาลี่ และกระเทียม อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือในเดือน ก.ย.47 มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อ
เนื่อง โดยดัชนีการอุปโภค บริโภคภาคเอกชน ขยายตัวในอัตราใกล้เคียงกับเดือนก่อน ในขณะที่ดัชนีการลงทุน
ภาคเอกชนชะลอลงเล็กน้อย ด้านรายได้รายจ่ายรัฐบาลยังคงขยายตัวดี ส่วนภาคการส่งออกยังขยายตัวสูงขึ้นตาม
อุปสงค์จากต่างประเทศ (ผู้จัดการรายวัน)
3. ธปท.เปิดเผยถึงกรณีการแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.กรุงไทยคนใหม่ ผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีการแต่งตั้ง นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.
กรุงไทยว่า ในกรณีนี้ทางคณะกรรมการ ธ.กรุงไทยแต่งตั้งโดยไม่ได้ส่งมาให้ทาง ธปท.พิจารณาคุณสมบัติ เนื่อง
จาก คณะกรรมการ ธ.กรุงไทยพิจารณาแล้วไม่มีข้อสงสัยว่า นายอภิศักดิ์จะมีคุณสมบัติไม่ครบตามข้อใดข้อหนึ่งใน
8 ข้อประกาศของ ธปท. ก็ไม่จำเป็นต้องส่งมาให้ ธปท.พิจารณาก็ได้ (สยามรัฐ)
4. สศค.เตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 47 ใหม่ รอง ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
(สศค.) เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้ สศค.จะประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 47 ใหม่อีกครั้ง หลังจากมี
ปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาทั้งเรื่องราคาน้ำมัน ไข้หวัดนก และสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งระหว่างนี้
อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดข้อมูลตัวเลขให้ชัดเจนก่อน โดยก่อนหน้านี้ สศค.ได้ประมาณการว่าเศรษฐกิจจะ
ขยายตัวที่ร้อยละ 6.7 (เดลินิวส์)
5. ตลท.มั่นใจมูลค่าตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 48 จะมีมูลค่าเท่ากับจีดีพี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลัก
ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ท่ามกลางปัญหาวิกฤตน้ำมันซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก ความไม่แน่นอน
ทางเศรษฐกิจ ตลท.มั่นใจว่า ตลาดหุ้นไทยยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าสิ้นปี 48 มูลค่าตลาดรวม
(มาร์เก็ตแคป) จะมีมูลค่าถึง 5 ล้านล้านบาท หรือเท่ากับผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดหุ้นไทย
ติดอันดับ 1-20 ของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย (ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น) ที่นักลงทุนสถาบันจับตาและจัดสรรเม็ดเงิน
เข้ามาลงทุน เนื่องจากตลาดหุ้นไทยสามารถเพิ่มมูลค่าตลาดรวม จากเดิมที่อยู่ในระดับ 1.6 ล้านล้านบาท หรือ
เท่ากับร้อยละ 2 ของตลาดในเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นมาเป็นร้อยละ 4.5-5.0 ของตลาด โดยคิดจากดัชนี
ตลาดหลักทรัพย์ที่เคลื่อนไหวในช่วง 630-660 จุด (ข่าวสด)
6. ครม.เห็นชอบในแผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 48 ตามที่ ก.คลัง
เสนอทั้งหมด ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ
ในแผนการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 48 ตามที่ ก.คลังเสนอทั้งหมด โดยได้เห็นชอบใน
การกู้เงินเพื่อชดเชยในการบริหารการขาดดุลงบประมาณจำนวน 170,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อการชดเชย
ความเสียหายของกองทุนฟื้นฟูสถาบันการเงิน (เอฟไอดีเอฟ) จำนวน 74,900 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อการ
บริหารและจัดการเงินกู้ในการกู้เงินต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจจำนวน 151,400 ล้านบาท และการกู้เงินตาม
แผนการก่อหนี้ของรัฐวิสาหกิจในปี 48 ในการบริหารเงินกู้ต่างประเทศที่มีอยู่ 7 โครงการ รวมทั้งการกู้เงินใน
การบริหารเงินต่างประเทศจำนวน 274,500 ล้านบาท ในการดำเนินการในครั้งนี้จะช่วยในการลดหนี้ได้
12,500 ล้านบาท และสามารถลดดอกเบี้ยได้ 6,000-8,000 ล้านบาทได้ ทั้งนี้ หนี้สาธารณะของไทยในเดือน
ก.ค.47 อยู่ที่ 2.942 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45.58 ของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) (แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. การเติบโตของภาคการก่อสร้างอังกฤษชะลอตัวในเดือน ต.ค.47 รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 2 พ.ย.47 The Chartered Institute of Purchasing and Supply เปิดเผยว่า การเติบโต
ของภาคการก่อสร้างอังกฤษในเดือน ต.ค.47 ชะลอตัวสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.47 เป็นต้นมา โดย
Purchasing Managers’ Index (PMI) ในเดือน ต.ค.47 ลดลงที่ระดับ 55.0 จากระดับ 56.8 ในเดือน
ก่อน สาเหตุจากยอดการก่อสร้างตามคำสั่งใหม่ลดลง ประกอบกับความล่าช้าในส่วนของสัญญาก่อสร้างที่ดำเนิน
การยังไม่แล้วเสร็จรวมถึงที่เพิ่งเริ่มดำเนินการใหม่ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ต่อ
เนื่องเป็นเดือนที่ 69 โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 แสดงว่าธุรกิจยังคงขยายตัวได้ ขณะที่ดัชนีระดับต่ำกว่า 50
แสดงว่าธุรกิจประสบภาวะชะลอตัว นอกจากนี้ ในส่วนของดัชนีชี้วัดสถานการณ์ธุรกิจในอนาคตในเดือนเดียวกันก็
ลดลงที่ระดับ 71.9 ต่ำสุดในรอบ 3 ปี สาเหตุจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลางอังกฤษถึง 5 ครั้งนับ
ตั้งแต่เดือน พ.ย.46 ส่งผลให้บรรดาธุรกิจขาดความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ในอนาคต (รอยเตอร์)
2. จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีในเดือน ต.ค.47 หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้น
12,000 คนเมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 2 พ.ย.47
แหล่งข่าวที่ทราบตัวเลขจำนวนคนว่างงานซึ่งมีกำหนดจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 พ.ย.47 เวลา
8.50 น. ตามเวลากรีนนิช ให้ข่าวกับรอยเตอร์ว่าจำนวนคนว่างงานของเยอรมนีในเดือน ต.ค.47 หลังปรับตัว
เลขตามฤดูกาลแล้วจะเพิ่มขึ้น 12,000 คนเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันแต่ต่ำกว่าที่คาด
ไว้จากผลสำรวจของรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 15,000 คนหลังจากตัวเลขคนว่างงานพุ่งขึ้นสูงสุดใน
รอบกว่า 6 ปีจำนวน 4.445 ล้านคนในเดือน ก.ย.47 โดยจำนวนคนว่างงานก่อนปรับตัวเลขตามฤดูกาลใน
เดือน ต.ค.47 มี 4.21 ล้านคน จากการปรับลดพนักงานของธุรกิจในเยอรมนีซึ่งเป็นเครื่องชี้ว่าเศรษฐกิจของ
เยอรมนียังไม่สามารถสร้างงานใหม่แม้ว่านักวิเคราะห์จะคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวประมาณร้อยละ
1.8 ก็ตาม ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางคนให้ความเห็นว่าจำนวนคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นเกิดจากผู้ที่รับสวัสดิการ
สังคมพากันไปจดทะเบียนเป็นคนว่างงานเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเมื่อมีการรวมเงินช่วยเหลือคน
ว่างงานและสวัสดิการสังคมเข้าด้วยกันในเดือน ม.ค.ปีหน้า (รอยเตอร์)
3. เศรษฐกิจอาเซียนจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 48 รายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อ
วันที่ 2 พ.ย.47 รอยเตอร์โพลล์เปิดเผยผลสำรวจรายไตรมาสของนักวิเคราะห์กว่า 100 คน ใน 12
ประเทศกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า แม้ราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับสูงและมีความ
พยายามที่จะชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งอาจจะกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน
ในปี 48 แต่เศรษฐกิจส่วนใหญ่ของอาเซียนจะยังคงเติบโตด้วยอัตราส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตในหลายปีที่
ผ่านมา ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นในทั่วทุกประเทศทั้งภูมิภาค ขณะที่ฮ่องกงจะประสบกับภาวะเงินฝืดเนื่อง
จากการส่งออกชะลอตัวและการบริโภคภายในประเทศลดลง ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ สรอ. และ
การเลือกตั้งประธานาธิบดีของ สรอ. ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดย
ประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งในปีนี้ ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ
ไต้หวัน ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ปี 43 ขณะที่นิวซีแลนด์และฟิลิปปินส์จะมีอัตราการเติบโตทาง
เศรษฐกิจสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอตัวลงในปี 48 จากปี 47 นั้น
ทุกประเทศในภูมิภาคยกเว้นนิวซีแลนด์และเกาหลีใต้คาดว่าจะมีค่าเฉลี่ยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 48 ดี
กว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
4. ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการต่อแนวโน้มธุรกิจในเดือน พ.ย.47 ลดลง รายงานจากโซ
ลเมื่อ 3 พ.ย.47 ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการต่อแนวโน้มธุรกิจ
(สำรวจจาก 2,521 บริษัทในระหว่างวันที่ 13-22 ต.ค.47 โดยในจำนวนนี้รวมบริษัทที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมการ
ผลิตจำนวน 1,000 บริษัท) พบว่าลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนภาพที่ไม่ดีนักต่อภาวะเศรษฐกิจ หลัง
จากที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นและความต้องการในประเทศชะลอตัวลง โดย The all-industry business
survey index ลดลงที่ระดับ 73 จากระดับ 76 ในเดือนก่อนซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.47 และ
The sub-index of manufacturers ลดลงที่ระดับ 74 จากระดับ 79 ในเดือนก่อน โดยดัชนีฯ ที่ระดับต่ำ
กว่า 100 บ่งชี้ว่า ธุรกิจที่มองว่าสถานการณ์ธุรกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวมีสัดส่วนมากกว่าธุรกิจที่มองว่าสถานการณ์มี
ทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีฯ เคยอยู่เหนือระดับ 100 ครั้งล่าสุดเมื่อไตรมาสที่ 4 ของปี 45 นอกจากนี้ ผลการ
สำรวจจาก The Federation of Korean Industries ก็บ่งชี้ในทิศทางเดียวกันว่า บรรดาธุรกิจมีมุมมอง
ต่อสถานการณ์ธุรกิจในแง่ไม่ดีนัก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 3 พ.ย. 47 2 พ.ย. 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.065 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.8638/41.1582 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.75 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 631.99/ 13.83 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,150/8,250 8,250/8,350 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 36.71 35.99 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.39*/14.59 22.39*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 60 สตางค์ เมื่อ 20 ต.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-