นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวยามเช้า ทางคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 101.0 ถึงกรณีการสลายม็อบตากใบ จนนำมาสู่การตั้งกรรมการอิสระสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ขอย้ายตัวเองว่า กระบวนการหลังเกิดเหตุการณ์ สิ่งสำคัญคือการให้ข้อเท็จจริง และปรับแนวทางต่างๆตามความเหมาะสม การตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและการที่แม่ทัพภาคที่ 4 แสดงความรับผิดชอบ อาจจะลดความตึงเครียดและความกดดันได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ต้องติดตามต่อไปคือ ผลการสอบสวนจะออกมาเป็นอย่างไร และท่าทีของรัฐบาลในการดำเนินการต่อไปจะเป็นอย่างไร ซึ่งตนคิดว่าการเดินหน้าในการหาข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และนำไปสู่การรับผิดชอบน่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามทิศทางในการแก้ปัญหาในพื้นที่ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายใดที่จะไว้ใจได้ ดังนั้นต้องช่วยกันประคับประคองและแก้ไขปัญหาต่อไป เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรายวัน เราจะคาดหวังให้เกิดความสงบโดยเร็วคงยาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อเสนอคือการปรับในเชิงโครงสร้างองค์กร เพื่อประโยชน์ในเรื่องของมวลชนสัมพันธ์ ตนอยากจะย้ำว่ากุญแจอยู่ที่การดึงประชาชนให้เข้ามาเป็นแนวร่วมกับรัฐให้ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากจะย้ำคือทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ต้องพยายามลดบรรยากาศที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้า แนวทางหนึ่งที่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ คือให้ฝ่ายพลเรือนหรือฝ่ายปกครองมีบทบาทนำมากยิ่งขึ้น เพราะอย่างน้อยในเชิงความรู้สึกก็จะทำให้เห็นว่านี่จะเป็นจุดสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ซึ่งทางทหาร และตำรวจก็ยังปฏิบัติภารกิจ รักษากฎหมาย และดูแลความมั่นคงเหมือนเดิม ‘ผมไม่สบายใจที่บางครั้งยังมีความรู้สึกที่รุนแรงต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอยู่ แน่นอนว่าปัญหานี้จะต้องมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งใช้ความรุนแรง แต่เราจะสรุปว่าเราก็ต้องใช้ความรุนแรงตอบโต้ไปก็คงไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นการดำเนินนโยบายตามแนวพระราชดำริในเรื่องเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ถ้าทุกฝ่ายเดินตามแนวนี้ได้ ก็น่าจะทำให้เราเริ่มต้นที่จะคลี่คลายปัญหาไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ส่วนที่มีการแสดงความเห็นว่าอยากให้งดการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการเลือกตั้งอาจเป็นเงื่อนไขหนึ่งของความรุนแรง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า อยู่ที่พรรคการเมือง พรรคการเมืองต้องดำเนินงานทางการเมืองตามความเหมาะสม คงจะงดเลือกตั้งไม่ได้ ดังนั้นการแข่งขันต้องมี แต่พรรคการเมืองก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ และแสดงวุฒิภาวะของตัวเองในการหาเสียงในลักษณะที่ไม่ทำให้เกิดปัญหาความแตกแยก หรือปัญหาที่จะนำไปสู่ความรุนแรงได้ ซึ่งตนเห็นว่าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นการที่มีหลายพรรคการเมืองมีตัวแทนอยู่อาจจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยทำให้เกิดความพอดีในเชิงการเมือง ที่จะมีผลกระทบต่อสถานการณ์ได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อเสนอคือการปรับในเชิงโครงสร้างองค์กร เพื่อประโยชน์ในเรื่องของมวลชนสัมพันธ์ ตนอยากจะย้ำว่ากุญแจอยู่ที่การดึงประชาชนให้เข้ามาเป็นแนวร่วมกับรัฐให้ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากจะย้ำคือทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ต้องพยายามลดบรรยากาศที่จะทำให้เกิดการเผชิญหน้า แนวทางหนึ่งที่น่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ คือให้ฝ่ายพลเรือนหรือฝ่ายปกครองมีบทบาทนำมากยิ่งขึ้น เพราะอย่างน้อยในเชิงความรู้สึกก็จะทำให้เห็นว่านี่จะเป็นจุดสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ซึ่งทางทหาร และตำรวจก็ยังปฏิบัติภารกิจ รักษากฎหมาย และดูแลความมั่นคงเหมือนเดิม ‘ผมไม่สบายใจที่บางครั้งยังมีความรู้สึกที่รุนแรงต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอยู่ แน่นอนว่าปัญหานี้จะต้องมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งใช้ความรุนแรง แต่เราจะสรุปว่าเราก็ต้องใช้ความรุนแรงตอบโต้ไปก็คงไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นการดำเนินนโยบายตามแนวพระราชดำริในเรื่องเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ถ้าทุกฝ่ายเดินตามแนวนี้ได้ ก็น่าจะทำให้เราเริ่มต้นที่จะคลี่คลายปัญหาไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ส่วนที่มีการแสดงความเห็นว่าอยากให้งดการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการเลือกตั้งอาจเป็นเงื่อนไขหนึ่งของความรุนแรง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า อยู่ที่พรรคการเมือง พรรคการเมืองต้องดำเนินงานทางการเมืองตามความเหมาะสม คงจะงดเลือกตั้งไม่ได้ ดังนั้นการแข่งขันต้องมี แต่พรรคการเมืองก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ และแสดงวุฒิภาวะของตัวเองในการหาเสียงในลักษณะที่ไม่ทำให้เกิดปัญหาความแตกแยก หรือปัญหาที่จะนำไปสู่ความรุนแรงได้ ซึ่งตนเห็นว่าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นการที่มีหลายพรรคการเมืองมีตัวแทนอยู่อาจจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยทำให้เกิดความพอดีในเชิงการเมือง ที่จะมีผลกระทบต่อสถานการณ์ได้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-