นายนิพนธ์ บุญญภัทโร อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. กล่าวถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะกรณี สภ.อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า สะท้อนให้เห็นว่าหากทหาร ตำรวจ ใช้วิธีการที่รุนแรงเลือดต้องล้างด้วยเลือดอย่างแน่นอน เว้นแต่ว่ารัฐบาลจะยุติการทำร้ายประชาชนแล้วหันมารับฟัง พร้อมทั้งยุติบทบาทของทหาร ตำรวจลงในระดับหนึ่ง ยกเลิกกฏอัยการศึก แล้วหันมาใช้เมตตาธรรมตาหลักของศาสนาพุทธและหลักของศาสนาอิสลามด้วยการตั้งองค์กรอิสระที่เป็นกลางอย่างแท้จริง ใช้สันติวิธีคิดร่วมกันทุกฝ่ายกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยให้ฝ่ายพลเรือนเป็นฝ่ายนำทหารและตำรวจ
อดีตผอ.ศอ.บต. กล่าวว่า รัฐบาลต้องนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถมาปฏิบัติอย่างจริงจัง รวมทั้งขอรับพระราชทานให้นายพลากร สุวรรณรัฐ และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ทั้งสองคน เป็นแกนนำร่วมศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหา ด้วยการสอบสวนผู้กระทำผิดคดีอาญาที่สภ.อ.ตากใบ โดยให้ผู้นำทางศาสนา ญาติพี่น้องของผู้ต้องหาเข้าร่วมรับฟังด้วย นอกจากนี้ การสอบสวนข้อเท็จจริงต้องให้ประชาชนในพื้นที่อญู่ในเหตุการณ์เข้าร่วมเป็นกรรมการ ตนเชื่อว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง
“ผมคิดว่าการแก้ปัญหาการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่สายเกินแก้ หากนายกฯไม่มองปัญหามิติเดียวและไม่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเพียงคนเดียว ทั้งนี้ การที่รัฐบาลไม่ยอมรับชาติพันธ์และศาสนาของคนมาเลย์ มุสลิมที่เป็นคนไทยเป็นเจ้าของแผ่นดินที่นับถือศาสนาอิสลาม เคยมีประวัติศาสตร์ความเป็นรัฐปัตตานีอิสระมาก่อน มีวิถีชีวิตที่แตกต่างจากคนไทยพุทธ และต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย แต่เขายังไม่ลืมสิ่งเหล่านี้ ยังเป็นไฟสุมขอนอยู่พร้อมที่จะลุกเป็นไฟได้ทุกเมื่อ หากรัฐบาลเอาน้ำมันเทสาดเข้าไป” อดีตผอ.ศอ.บต.กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
อดีตผอ.ศอ.บต. กล่าวว่า รัฐบาลต้องนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถมาปฏิบัติอย่างจริงจัง รวมทั้งขอรับพระราชทานให้นายพลากร สุวรรณรัฐ และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ทั้งสองคน เป็นแกนนำร่วมศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหา ด้วยการสอบสวนผู้กระทำผิดคดีอาญาที่สภ.อ.ตากใบ โดยให้ผู้นำทางศาสนา ญาติพี่น้องของผู้ต้องหาเข้าร่วมรับฟังด้วย นอกจากนี้ การสอบสวนข้อเท็จจริงต้องให้ประชาชนในพื้นที่อญู่ในเหตุการณ์เข้าร่วมเป็นกรรมการ ตนเชื่อว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง
“ผมคิดว่าการแก้ปัญหาการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่สายเกินแก้ หากนายกฯไม่มองปัญหามิติเดียวและไม่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเพียงคนเดียว ทั้งนี้ การที่รัฐบาลไม่ยอมรับชาติพันธ์และศาสนาของคนมาเลย์ มุสลิมที่เป็นคนไทยเป็นเจ้าของแผ่นดินที่นับถือศาสนาอิสลาม เคยมีประวัติศาสตร์ความเป็นรัฐปัตตานีอิสระมาก่อน มีวิถีชีวิตที่แตกต่างจากคนไทยพุทธ และต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย แต่เขายังไม่ลืมสิ่งเหล่านี้ ยังเป็นไฟสุมขอนอยู่พร้อมที่จะลุกเป็นไฟได้ทุกเมื่อ หากรัฐบาลเอาน้ำมันเทสาดเข้าไป” อดีตผอ.ศอ.บต.กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-