1.ภาคต่างประเทศและดุลการชำระเงิน
ในเดือนกันยายน 2547 ดุลการค้า เกินดุล 360 ล้าน ดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นจากที่ขาดดุล 282 ล้านดอลลาร์ สรอ.ในเดือนก่อน การส่งออกมีมูลค่า 8,495 ล้านดอลลาร์ สรอ.หรือขยายตัวร้อยละ 22.9 สินค้าส่งออกที่ขยายตัวดี ได้แก่ สินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสูงเช่น ยานพาหนะ และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ โลหะสามัญ ผลิตภัณฑ์ เคมีและพลาสติก ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 8,135 ล้านดอลลาร์ สรอ.หรือขยายตัวร้อยละ 29.8 ตามการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบสำคัญ ซึ่งได้แก่
เคมีภัณฑ์ เหล็กและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยด้านราคาเป็นสำคัญ
ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน เกินดุล 219 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่เกินดุล 497 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากเป็นช่วงตกงวดการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของบริษัทต่างชาติ อย่างไรก็ดีรายรับจาการท่องเที่ยวยังคงมีแนวโน้มขยายตัวดี โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.7 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 579 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากที่เกินดุล 215 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อน จากดุลการค้าที่กลับมาเกินดุลเป็นสำคัญ ส่วนดุลการชำระเงิน เกินดุล 644 ล้านดอลลาร์ สรอ.
เงินทุนเคลื่อนย้ายสุทธิ ในเดือนสิงหาคม 2547 ขาดดุล 770 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการขาดดุลในภาคธนาคารการชำระคืนเงินกู้นอกเครือ และการที่ธนาคารพาณิชย์ซื้อตราสารหนี้ภาครัฐที่ออกในต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยรายละเอียดที่สำคัญมีดังนี้
ภาคเอกชน ขาดดุล 258 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยภาคธนาคารขาดดุล 860 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการที่ธนาคารพาณิชย์เพิ่มสินทรัพย์ต่างประเทศเพื่อเตรียมไว้ส่งมอบให้ลูกค้าตามสัญญาขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิที่เพิ่มขึ้น ส่วนภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคาร เกินดุล 602 ล้านดอลลาร์ สรอ.จากการได้รับสินเชื่อการค้า การนำเข้าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ รวมทั้งมีเงินทุนนำเข้าผ่านบัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่นฐานในต่างประเทศ ในขณะที่เงินกู้นอกเครือเป็นเงินไหลออกจากการชำระคืนเงินกู้ของธุรกิจยานยนต์และเช่าซื้อ
ภาคทางการ ขาดดุล 512 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นการขาดดุลของทั้งภาครัฐบาทและ ธปท.ในส่วนของภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจขาดดุลจากการที่ธนาคารพาณิชย์ซื้อตราสารหนี้ภาครัฐที่ออกในต่างประเทศ และการเพิ่มสินทรัพย์ต่างประเทศของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นสำคัญ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ในเดือนกันยายน 2547 ดุลการค้า เกินดุล 360 ล้าน ดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นจากที่ขาดดุล 282 ล้านดอลลาร์ สรอ.ในเดือนก่อน การส่งออกมีมูลค่า 8,495 ล้านดอลลาร์ สรอ.หรือขยายตัวร้อยละ 22.9 สินค้าส่งออกที่ขยายตัวดี ได้แก่ สินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสูงเช่น ยานพาหนะ และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ โลหะสามัญ ผลิตภัณฑ์ เคมีและพลาสติก ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 8,135 ล้านดอลลาร์ สรอ.หรือขยายตัวร้อยละ 29.8 ตามการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบสำคัญ ซึ่งได้แก่
เคมีภัณฑ์ เหล็กและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยด้านราคาเป็นสำคัญ
ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน เกินดุล 219 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่เกินดุล 497 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากเป็นช่วงตกงวดการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของบริษัทต่างชาติ อย่างไรก็ดีรายรับจาการท่องเที่ยวยังคงมีแนวโน้มขยายตัวดี โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.7 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 579 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากที่เกินดุล 215 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อน จากดุลการค้าที่กลับมาเกินดุลเป็นสำคัญ ส่วนดุลการชำระเงิน เกินดุล 644 ล้านดอลลาร์ สรอ.
เงินทุนเคลื่อนย้ายสุทธิ ในเดือนสิงหาคม 2547 ขาดดุล 770 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการขาดดุลในภาคธนาคารการชำระคืนเงินกู้นอกเครือ และการที่ธนาคารพาณิชย์ซื้อตราสารหนี้ภาครัฐที่ออกในต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยรายละเอียดที่สำคัญมีดังนี้
ภาคเอกชน ขาดดุล 258 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยภาคธนาคารขาดดุล 860 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการที่ธนาคารพาณิชย์เพิ่มสินทรัพย์ต่างประเทศเพื่อเตรียมไว้ส่งมอบให้ลูกค้าตามสัญญาขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิที่เพิ่มขึ้น ส่วนภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคาร เกินดุล 602 ล้านดอลลาร์ สรอ.จากการได้รับสินเชื่อการค้า การนำเข้าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ รวมทั้งมีเงินทุนนำเข้าผ่านบัญชีเงินบาทของผู้มีถิ่นฐานในต่างประเทศ ในขณะที่เงินกู้นอกเครือเป็นเงินไหลออกจากการชำระคืนเงินกู้ของธุรกิจยานยนต์และเช่าซื้อ
ภาคทางการ ขาดดุล 512 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นการขาดดุลของทั้งภาครัฐบาทและ ธปท.ในส่วนของภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจขาดดุลจากการที่ธนาคารพาณิชย์ซื้อตราสารหนี้ภาครัฐที่ออกในต่างประเทศ และการเพิ่มสินทรัพย์ต่างประเทศของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นสำคัญ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--