เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 พ.ย.47 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปเป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งที่ 21(คันนายาว-สะพานสูง) กทม. พร้อมกับเปิดตัวนางนาถยา เบ็จศิริวรรณ หรือที่รู้จักกันในนาม “กุ๊ก” นาถยา แดงบุหงา อดีตดาราชื่อดัง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวในการปราศรัยว่า คุณนาถยาจบการศึกษาทางด้านศิลปะศาสตร์ ได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรให้กับหลายองค์กร และช่วยเหลืองานทางด้านสังคมโดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องเด็กและเยาวชน รวมทั้งทำงานในคณะอนุกรรมการของกทม. ซึ่งโดยส่วนใหญ่งานเปิดตัวลักษณะนี้ต้องแนะนำผู้สมัคร แต่สำหรับคุณนาถยาแล้ว คงไม่ต้องแนะนำมาก เพราะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นบุคคลสาธารณะอยู่แล้ว และผู้บริหารพรรคก็มีความเห็นตรงกันอนุมัติให้คุณนาถยาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตคันนายาว-สะพานสูง ของพรรคประชาธิปัตย์
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่คุณนาถยาเสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ตนก็ได้พูดคุยว่างานการเมืองเป็นงานที่ต้องทุ่มเทอย่างจริงจัง และถ้าตัดสินใจที่จะสวมเสื้อของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ก็ขอให้มองยาวด้วยความคิดอุดมการณ์ที่ตรงกันและอยู่กันยาวนาน สำหรับคนที่มาจากวงการบันเทิงที่ถือว่าวงการสาธารณะ มีแต่คนชื่นชม แต่ทันทีที่เป็นนักการเมืองจะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำความเข้าใจและให้เวลาในการตัดสินใจ ที่ตนประทับใจคือ คุณนาถยาเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดีอยู่แล้วและก็มีความพร้อม สำคัญที่สุดคุณนาถยาบอกว่าเมื่อคิดถึงพรรคการเมืองแล้วก็ไม่คิดถึงพรรคอื่นนอกจากพรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นตรงนี้เป็นความมั่นใจที่ทั้งพรรคฯและคุณนาถยามีต่อกัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงนั้นจะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เพียงตัดสินว่าใครจะมาเป็นผู้แทนราษฎรในเขตนี้ แต่ตนถือว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่จะส่งผลต่ออนาคตของบ้านเมือง เพราะการบริหารบ้านเมืองของนายกรัฐมนตรี และพรรคไทยรักไทย ได้เปลี่ยนแปลงประเทศไปมาก บางส่วนอาจพาประเทศไปสู่ความสะดวกในบางด้าน แต่อีกหลายๆ ส่วนกำลังส่งผลต่อประเทศและลูกหลาน เพราะขณะที่นายกฯบอกว่าเศรษฐกิจโต ตลาดหุ้นดี แต่พี่น้องคนไทยต้องเผชิญกับภาวะหนี้สินพอกพูน และหนี้นี้ก็ไม่ได้ทำให้พี่น้องมีความสามารถในการหารายได้ แต่เป็นหนี้ที่ทำให้มีการใช้จ่ายเพื่อให้เศรษฐกิจดีชั่วครู่ชั่วยาม ขณะเดียวกันการบริหารเศรษฐกิจที่พูดถึงความเด็ดขาดของรัฐบาลที่เข้าไปชี้นำทุกอย่าง ทำให้คนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะนักธุรกิจผู้ค้าขายรายย่อยไม่สามารถเติบโตได้ เพราะเป็นระบบธุรกิจที่ไม่ได้แข่งขันกันที่ความสามารถ แต่จะมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนขึ้นมา ซึ่งยิ่งทำให้การแข่งขันทางธุรกิจกลายเป็นการวิ่งเข้าหาผู้มีอำนาจและก็ไม่ช่วยให้ประเทศมีความแข็งแรง
พรรคประชาธิปัตย์จึงบอกกับประชาชนว่าเราต้องคืนความพอดี คืนความพอพียงให้กับสังคม สิ่งที่พรรคฯ ขอจากพี่น้องจึงไม่เหมือนกับพรรคไทยรักไทยที่ขอ 400 เสียงเพื่ออำนาจเบ็ดเสร็จของคนๆ เดียว แต่เราซึ่งเป็นนักประชาธิปไตยขอ 200 เสียง หมายความว่าหากเราสามารถรวบรวมเสียงเพื่อเป็นรัฐบาลได้ และก็เราพร้อมที่จะหันเหทิศทางของบ้านเมืองกลับสู่ถูกต้องความดีงามอนาคตของลูกหลานเรา แต่หาก 200 เสียงไม่พอเป็นรัฐบาลเราก็พร้อมเป็น 200 เสียงที่ตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นภารกิจนี้ยิ่งใหญ่ เพราะกำลังชี้ว่าอนาคตของลูกหลานเราเราจะวางไว้อย่างไร ต่อไปนี้สังคมเราจะนำด้วยเงินหรือต้องใช้คนเป็นสิ่งสำคัญ นี่คือทางเลือกของประเทศไทย ตนจึงขอให้กำลังใจคุณนาถยาให้นำชัยชนะไม่ใช่เพื่อพรรคประชาธิปัตย์ แต่เพื่ออนาคตของประเทศไทย
ด้านนางนาถยา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่มีความหนักใจที่จะต้องลงแข่งในเขตนี้ซึ่งเป็นของพรรคไทยรักไทยเดิมเลย เพราะบ้านของตนอยู่ที่นี่ ได้ทำงานกับชาวบ้านมานานกว่า 20 ปี ซึ่งก็ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน วันนี้เห็นความเต็มใจของพี่น้องชาวเขตคันนายาว-สะพานสูงที่มาให้การต้อนรับตนก็ปลื้มใจและจะนำมาเป็นกำลังใจการทำงาน ตนนั้นสนใจงานทางด้านเยาวชนอยากจะปลูกฝังความมีคุณธรรมให้กับพวกเขา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับทางพรรคที่จะเห็นศักยภาพและมอบหมายงานอะไรให้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายอภิสิทธิ์ กล่าวในการปราศรัยว่า คุณนาถยาจบการศึกษาทางด้านศิลปะศาสตร์ ได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรให้กับหลายองค์กร และช่วยเหลืองานทางด้านสังคมโดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องเด็กและเยาวชน รวมทั้งทำงานในคณะอนุกรรมการของกทม. ซึ่งโดยส่วนใหญ่งานเปิดตัวลักษณะนี้ต้องแนะนำผู้สมัคร แต่สำหรับคุณนาถยาแล้ว คงไม่ต้องแนะนำมาก เพราะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นบุคคลสาธารณะอยู่แล้ว และผู้บริหารพรรคก็มีความเห็นตรงกันอนุมัติให้คุณนาถยาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตคันนายาว-สะพานสูง ของพรรคประชาธิปัตย์
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันที่คุณนาถยาเสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ตนก็ได้พูดคุยว่างานการเมืองเป็นงานที่ต้องทุ่มเทอย่างจริงจัง และถ้าตัดสินใจที่จะสวมเสื้อของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ก็ขอให้มองยาวด้วยความคิดอุดมการณ์ที่ตรงกันและอยู่กันยาวนาน สำหรับคนที่มาจากวงการบันเทิงที่ถือว่าวงการสาธารณะ มีแต่คนชื่นชม แต่ทันทีที่เป็นนักการเมืองจะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำความเข้าใจและให้เวลาในการตัดสินใจ ที่ตนประทับใจคือ คุณนาถยาเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดีอยู่แล้วและก็มีความพร้อม สำคัญที่สุดคุณนาถยาบอกว่าเมื่อคิดถึงพรรคการเมืองแล้วก็ไม่คิดถึงพรรคอื่นนอกจากพรรคประชาธิปัตย์ ฉะนั้นตรงนี้เป็นความมั่นใจที่ทั้งพรรคฯและคุณนาถยามีต่อกัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงนั้นจะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เพียงตัดสินว่าใครจะมาเป็นผู้แทนราษฎรในเขตนี้ แต่ตนถือว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่จะส่งผลต่ออนาคตของบ้านเมือง เพราะการบริหารบ้านเมืองของนายกรัฐมนตรี และพรรคไทยรักไทย ได้เปลี่ยนแปลงประเทศไปมาก บางส่วนอาจพาประเทศไปสู่ความสะดวกในบางด้าน แต่อีกหลายๆ ส่วนกำลังส่งผลต่อประเทศและลูกหลาน เพราะขณะที่นายกฯบอกว่าเศรษฐกิจโต ตลาดหุ้นดี แต่พี่น้องคนไทยต้องเผชิญกับภาวะหนี้สินพอกพูน และหนี้นี้ก็ไม่ได้ทำให้พี่น้องมีความสามารถในการหารายได้ แต่เป็นหนี้ที่ทำให้มีการใช้จ่ายเพื่อให้เศรษฐกิจดีชั่วครู่ชั่วยาม ขณะเดียวกันการบริหารเศรษฐกิจที่พูดถึงความเด็ดขาดของรัฐบาลที่เข้าไปชี้นำทุกอย่าง ทำให้คนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะนักธุรกิจผู้ค้าขายรายย่อยไม่สามารถเติบโตได้ เพราะเป็นระบบธุรกิจที่ไม่ได้แข่งขันกันที่ความสามารถ แต่จะมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนขึ้นมา ซึ่งยิ่งทำให้การแข่งขันทางธุรกิจกลายเป็นการวิ่งเข้าหาผู้มีอำนาจและก็ไม่ช่วยให้ประเทศมีความแข็งแรง
พรรคประชาธิปัตย์จึงบอกกับประชาชนว่าเราต้องคืนความพอดี คืนความพอพียงให้กับสังคม สิ่งที่พรรคฯ ขอจากพี่น้องจึงไม่เหมือนกับพรรคไทยรักไทยที่ขอ 400 เสียงเพื่ออำนาจเบ็ดเสร็จของคนๆ เดียว แต่เราซึ่งเป็นนักประชาธิปไตยขอ 200 เสียง หมายความว่าหากเราสามารถรวบรวมเสียงเพื่อเป็นรัฐบาลได้ และก็เราพร้อมที่จะหันเหทิศทางของบ้านเมืองกลับสู่ถูกต้องความดีงามอนาคตของลูกหลานเรา แต่หาก 200 เสียงไม่พอเป็นรัฐบาลเราก็พร้อมเป็น 200 เสียงที่ตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นภารกิจนี้ยิ่งใหญ่ เพราะกำลังชี้ว่าอนาคตของลูกหลานเราเราจะวางไว้อย่างไร ต่อไปนี้สังคมเราจะนำด้วยเงินหรือต้องใช้คนเป็นสิ่งสำคัญ นี่คือทางเลือกของประเทศไทย ตนจึงขอให้กำลังใจคุณนาถยาให้นำชัยชนะไม่ใช่เพื่อพรรคประชาธิปัตย์ แต่เพื่ออนาคตของประเทศไทย
ด้านนางนาถยา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่มีความหนักใจที่จะต้องลงแข่งในเขตนี้ซึ่งเป็นของพรรคไทยรักไทยเดิมเลย เพราะบ้านของตนอยู่ที่นี่ ได้ทำงานกับชาวบ้านมานานกว่า 20 ปี ซึ่งก็ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน วันนี้เห็นความเต็มใจของพี่น้องชาวเขตคันนายาว-สะพานสูงที่มาให้การต้อนรับตนก็ปลื้มใจและจะนำมาเป็นกำลังใจการทำงาน ตนนั้นสนใจงานทางด้านเยาวชนอยากจะปลูกฝังความมีคุณธรรมให้กับพวกเขา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับทางพรรคที่จะเห็นศักยภาพและมอบหมายงานอะไรให้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-