โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อ งานเหลียวหลังแลหน้าฯ เป็นการอำพรางปัญหาของรัฐบาล พร้อมตั้งข้อสังเกต 5 ข้อ เรียกงานครั้งนี้ว่า “งานเหลียวหน้าไม่เห็นหลัง จากรากหนี้สู่รากเน่า”
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การจัดงานเหลียวหลังแลหน้า จากรากหญ้าสู่รากแก้วของรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์มองว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นการจัดงานที่ใช้งบประมาณ เงินภาษีของประชาชนหลายร้อยล้านในการหาเสียงให้กับพรรคไทยรักไทย เพื่อหวังรื้อฟื้นความนิยมให้กลับคืนมาก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนนี้เท่านั้นเอง โดยเลี่ยงกฎหมายเพื่อให้รอดพ้นจากการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ใช้วิธี ลดแลก แจก แถม และปิดบังความจริง หรือพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวเพื่ออำพรางความล้มเหลวของรัฐบาล ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่เข้ามาบริหารประเทศ
นายองอาจ กล่าวว่า สิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าเป็นการจัดงานที่ปิดบังความจริงและโฆษณาชวนเชื่อ และใช้วิธีการทางการตลาด คือ เรื่องของหนี้สินของพี่น้องประชาชน ในการจัดงานครั้งนี้ แทบไม่มีการพูดถึงเรื่องหนี้สินของพี่น้องประชาชน ที่มีการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในช่วงรัฐบาลของนายกฯทักษิณ พบว่าคนไทยมีหนี้เพิ่มขึ้น เห็นได้จากหนี้ในครัวเรือนทั้งประเทศในไตรมาสแรก ปี 47 ยอดหนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ที่ 110,133 บาท เพิ่มขึ้น จากปี 2543 ก่อนที่รัฐบาลนี้จะเข้ามา ซึ่งปี 2543 ยอดหนี้ครัวเรือนอยู่ 70,586 บาทเท่านั้น ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เป็นของหน่วยงานของภาครัฐเอง แต่กลับไม่มีข้อมูลให้ประชาชนรับรู้ ขณะเดียวกันปัญหาสินค้าราคาแพง ปัญหาเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูง ก็ไม่มีการพูดถึงเช่นกัน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาไข้หวัดนกที่รัฐบาลระบุในงานนี้ว่าเป็นผลงานของรัฐบาลทั้งที่ความจริงเป็นความล้มเหลวชัดเจน จากการปิดบังข้อมูลทำให้เกิดโรคระบาดถึง 2 ครั้ง สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของคนและสัตว์ปีกที่ต้องฆ่าตายไปกว่า 30 ล้านตัว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ทราบว่ารัฐบาลเรียกว่าเป็นผลงานได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ในการจัดงานของรัฐบาลครั้งนี้พรรคฯขอตั้งข้อสังเกตไว้ 5 ข้อ คือ 1.การใช้เงินภาษีของประชาชนเพิ่มคะแนนนิยมของตัวเอง 2.นำเรื่องเก่าเล่าใหม่ ปิดปังความจริง 3.ใช้จ่ายเงินงบประมาณอย่างสุรุ่ยสุร่าย จากการเกณฑ์ผู้คนให้เข้ามาร่วมงาน 4.เป็นกิจกรรมหาเสียงของพรรคไทยรักไทย โดยใช้ข้าราชการและเงินของหลวง และ 5.ไม่แสดงความล้มเหลวในการแก้ปัญหา แต่ชี้ให้ประชาชนเห็นข้อผิดพลาดของรัฐบาลในอดีต ซึ่งเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งหากแน่จริงต้องเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายนำเสนอข้อมูลไม่ใช่ข้อมูลด้านเดียว ไม่ใช่มัดมือชก ตนจึงขอเรียกงานครั้งนี้ว่า งานเหลียวหน้าไม่เห็นหลัง จากรากหนี้สู่รากเน่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การจัดงานเหลียวหลังแลหน้า จากรากหญ้าสู่รากแก้วของรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์มองว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นการจัดงานที่ใช้งบประมาณ เงินภาษีของประชาชนหลายร้อยล้านในการหาเสียงให้กับพรรคไทยรักไทย เพื่อหวังรื้อฟื้นความนิยมให้กลับคืนมาก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนนี้เท่านั้นเอง โดยเลี่ยงกฎหมายเพื่อให้รอดพ้นจากการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ใช้วิธี ลดแลก แจก แถม และปิดบังความจริง หรือพูดความจริงเพียงครึ่งเดียวเพื่ออำพรางความล้มเหลวของรัฐบาล ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่เข้ามาบริหารประเทศ
นายองอาจ กล่าวว่า สิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าเป็นการจัดงานที่ปิดบังความจริงและโฆษณาชวนเชื่อ และใช้วิธีการทางการตลาด คือ เรื่องของหนี้สินของพี่น้องประชาชน ในการจัดงานครั้งนี้ แทบไม่มีการพูดถึงเรื่องหนี้สินของพี่น้องประชาชน ที่มีการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในช่วงรัฐบาลของนายกฯทักษิณ พบว่าคนไทยมีหนี้เพิ่มขึ้น เห็นได้จากหนี้ในครัวเรือนทั้งประเทศในไตรมาสแรก ปี 47 ยอดหนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ที่ 110,133 บาท เพิ่มขึ้น จากปี 2543 ก่อนที่รัฐบาลนี้จะเข้ามา ซึ่งปี 2543 ยอดหนี้ครัวเรือนอยู่ 70,586 บาทเท่านั้น ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เป็นของหน่วยงานของภาครัฐเอง แต่กลับไม่มีข้อมูลให้ประชาชนรับรู้ ขณะเดียวกันปัญหาสินค้าราคาแพง ปัญหาเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูง ก็ไม่มีการพูดถึงเช่นกัน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาไข้หวัดนกที่รัฐบาลระบุในงานนี้ว่าเป็นผลงานของรัฐบาลทั้งที่ความจริงเป็นความล้มเหลวชัดเจน จากการปิดบังข้อมูลทำให้เกิดโรคระบาดถึง 2 ครั้ง สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของคนและสัตว์ปีกที่ต้องฆ่าตายไปกว่า 30 ล้านตัว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ทราบว่ารัฐบาลเรียกว่าเป็นผลงานได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ในการจัดงานของรัฐบาลครั้งนี้พรรคฯขอตั้งข้อสังเกตไว้ 5 ข้อ คือ 1.การใช้เงินภาษีของประชาชนเพิ่มคะแนนนิยมของตัวเอง 2.นำเรื่องเก่าเล่าใหม่ ปิดปังความจริง 3.ใช้จ่ายเงินงบประมาณอย่างสุรุ่ยสุร่าย จากการเกณฑ์ผู้คนให้เข้ามาร่วมงาน 4.เป็นกิจกรรมหาเสียงของพรรคไทยรักไทย โดยใช้ข้าราชการและเงินของหลวง และ 5.ไม่แสดงความล้มเหลวในการแก้ปัญหา แต่ชี้ให้ประชาชนเห็นข้อผิดพลาดของรัฐบาลในอดีต ซึ่งเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งหากแน่จริงต้องเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายนำเสนอข้อมูลไม่ใช่ข้อมูลด้านเดียว ไม่ใช่มัดมือชก ตนจึงขอเรียกงานครั้งนี้ว่า งานเหลียวหน้าไม่เห็นหลัง จากรากหนี้สู่รากเน่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-