ปธ.คณะทำงานด้านเกษตร ปชป.’ เผย รัฐบาลไม่สามารถป้องกันการทุจริตการรับจำนำลำไยในภาคเหนือได้ ทำให้โครงการรับจำนำของรัฐบาลปี 2544/2545 ต้องขาดทุนไปร่วม 4,000 ล้านบาท และเสียหายต่อเนื่องเรื่อยมา จี้ ‘สมศักดิ์’ รับผิดชอบ
นายตรีพล เจาะจิตต์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ประธานคณะทำงานด้านการเกษตร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถป้องกันการทุจริตการรับจำนำลำไยในภาคเหนือได้เลย ในปี 2544 / 2545มีการทุจริตเกิดขึ้นถึง 19 รายการ คิดเป็นจำนวนลำไย 42,000 ตัน และลำไยที่เหลืออีก 60,000 กว่าตัน รัฐบาลก็ขายให้บริษัทเดียว ทำสัญญาบกพร่อง เรื่องเงินค้ำประกันทำให้บริษัทนั้นทิ้งงาน และ ลำไยเหลือค้างในโรงงานจำนวนมาก ต้องขายลำไยในราคาต่ำ เพราะคุณภาพลำไยต่ำลง ลำไยที่มีคุณภาพแย่ที่สุดขายราคาเพียง กิโลกรัมละ 2 บาท จำนวน 2.2 หมื่นตัน หรือ 22 ล้านกิโลกรัม ทั้งๆที่รับจำนำมากิโลกรัมละ 72 บาท ทำให้โครงการรับจำนำของรัฐบาลปี 2544/2545 ต้องขาดทุนไปร่วม 4,000 ล้านบาท รวมทั้งค่าเช่าโกดัง ค่าแรงงาน ค่าโสหุ้ยต่างๆ
ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวต่ออีกว่า โครงการรับจำนำลำไยในปี 2546 รัฐบาลก็ขาดทุน เพราะรับจำนำลำไยในราคาสูง แต่จำหน่ายในราคาต่ำ รัฐบาลปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ทำให้ บริษัท อโกร โปรดักส์ เน็ทเวิร์ค ที่ประมูลได้ครั้งแรกไม่สามารถนำลำไยไปจำหน่ายได้ทั้งหมด จึงเป็นเหตุให้มีการยกเลิกสัญญาและก็ทำการประมูลใหม่ ซึ่งก็ส่อพิรุธมากมาย และน่าจะมีการทุจริตในการประมูลครั้งที่ 2 ดังนี้
1. การประกาศให้ทำอย่างเร่งรีบ ประกาศวันที่ 22 ตุลาคม 47 ให้ยื่นซองในวันที่ 29 ตุลาคม 47 ซึ่งวันที่ 22 ตุลาคม เป็นวันศุกร์ และวันที่ 23-25 ตุลาคม 47 เป็นวันหยุดราชการ มีเวลาประกาศจริงเพียง 3 วัน จึงน่าจะเป็นเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง
2. ผู้เสนอราคาจะต้องซื้อลำไยทั้งหมด ต้องวางหลักประกัน 40 % ของมูลค่าที่เสนอซื้อ ต้องชำระส่วนที่เหลือทันทีที่ทำสัญญา และต้องทำสัญญาภายใน 7 วัน
3. บริษัทที่ชนะการประมูล เพราะมาเสนอรายเดียวคือ บริษัท ทีแอนด์ที อินเตอร์ชิปปิ้ง จำหน่ายให้ทั้งหมด 22,831.11 ตัน แต่เสนอในราคาที่ต่ำมากทำให้ประเทศเสียหายอย่างมาก ทั้งๆที่ลำไยคุณภาพยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนกันยายน 2547 ซึ่งเป็นเดือนที่หมดสัญญากับ บริษัท อโกร โปรดักส์ เน็ทเวิร์ค ที่ขอต่อสัญญาและจะเสนอราคาเดิม
ราคาลำไยในโครงการรับจำนำลำไยปี 2546
เกรด ราคา ( บาท/ก.ก. ) บริษัท อโกร โปรดักส์ บริษัท ทีแอนด์ที
AA 72 49.50 32.00
A 54 26.00 12.00
B 36 12.00 5.00
ซึ่งบริษัท อโกรโปรดักส์ เน็ทเวิร์ค ที่ถูกยกเลิกสัญญาขอต่อสัญญาไปถึง 5 มีนาคม แต่กระทรวงพาณิชย์ไม่ยอมเลยประกาศประมูลราคาใหม่ บริษัททีแอนด์ที เป็นผู้เสนอแต่เพียงบริษัทเดียวจึงเป็นผู้ชนะการประมูล และถ้ารัฐบาลทำสัญญากับทีแอนด์ที จะเสียผลประโยชน์ทันที 365 ล้านบาท
นายตรีพล แถลงข่าวต่ออีกว่า สงครามคอร์รัปชั่นรอบ 2 ของนายกฯ ทักษิณ ประเดิมด้วยการทุจริตโครงการจำนำลำไย ในโครงการปี 2547 ในวงเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยมีการทุจริตเกือบทุกขั้นตอน เช่น
พ่อค้าคนกลาง ซึ่งเป็นคนของนักการเมือง กดราคารับซื้อลำไยสด เช่น อตก. รับซื้อลำไยคุณภาพดี กก.ละ 15 บาท แต่มีพ่อค้าคนกลางกดราคาชาวสวน กก.ละ 12-13 แล้วนำลำไยดังกล่าว ไปขายให้ อตก. กก.ละ15 บาท พ่อค้าคนกลางจะซื้อต่ำกว่าราคาของอตก. กก.ละ 2 บาท อตก.ซื้อลำไยสดทั้งหมดประมาณ 282,486 ตัน ทำให้พ่อค้าคนกลางดังกล่าวได้เงินไป 50 ล้านกว่าบาท
ส่วนการว่าจ้างบริษัทปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด อบแห้งลำไย ปรากฏว่าข้อมูลสับสนมาก จนมีการฟ้องร้องกัน โดยบริษัทปอเฮงยืนยันว่า ได้ส่งลำไยอบแห้งจำนวน 15,000 ตัน ไปเก็บไว้ในโกดังตามสัญญา แต่อตก.บอกว่ายังไม่ได้รับลำไยอบแห้ง กลุ่มเกษตรกร ที่รับช่วงอบแห้งลำไยจากบริษัทปอเฮง บางกลุ่มก็ได้รับเงินค่าอบแห้งบางกลุ่มก็ยังไม่ได้รับเงินค่าอบแห้ง ฯลฯ
นายตรีพล กล่าวต่อว่า การทำสัญญากับบริษัทปอเฮส่อพิรุธ เนื่องจาก อตก.ได้ทำสัญญากับบริษัทปอเฮง อินเตอร์เทรด ให้ทำการอบแห้งและทำการตลาด เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2547 โดยให้มีเงินประกัน 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่ง คือ เงินค้ำประกันสัญญา จำนวน 105 ล้านบาท ซึ่งบริษัทปอเฮง จ่ายครบถ้วนแล้ว ส่วนที่สอง เป็นเงินหลักประกันราคาจำหน่ายลำไยอบแห้ง 330 ล้านบาท ปรากฏว่า บริษัทปอเฮง ยังไม่นำมาชำระ (ซึ่งตามสัญญาต้องนำมาชำระภายใน 3 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา ซึ่งวันสุดท้ายก็คือ วันที่ 15 กรกฎาคม 2547) แต่ปรากฏว่า รัฐบาลปล่อยปละละเลยเพิ่งจะทำหนังสือทวงถาม ไปเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2547 ปล่อยให้บริษัทปอเฮง ดำเนินการเรื่องต่างๆต่อไป การควบคุมปัญหาต่างๆ จึงเกิดขึ้น
‘นี่คือเรื่องที่ส่อทุจริต และเรื่องนี้ยังต้องติดตามกันไม่หวาดไม่ไหว เพราะฉะนั้นคนที่จะต้องรับผิดชอบ คือท่านรองนายกฯสมศักดิ์แน่นอน เพราะเป็นคนที่แยกว่าลำไยรมต.สมศักดิ์จะทำเอง ในสมัยที่เป็น รมว.กระทรวงเกษตรฯ’ นายตรีพลกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายตรีพล เจาะจิตต์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ประธานคณะทำงานด้านการเกษตร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถป้องกันการทุจริตการรับจำนำลำไยในภาคเหนือได้เลย ในปี 2544 / 2545มีการทุจริตเกิดขึ้นถึง 19 รายการ คิดเป็นจำนวนลำไย 42,000 ตัน และลำไยที่เหลืออีก 60,000 กว่าตัน รัฐบาลก็ขายให้บริษัทเดียว ทำสัญญาบกพร่อง เรื่องเงินค้ำประกันทำให้บริษัทนั้นทิ้งงาน และ ลำไยเหลือค้างในโรงงานจำนวนมาก ต้องขายลำไยในราคาต่ำ เพราะคุณภาพลำไยต่ำลง ลำไยที่มีคุณภาพแย่ที่สุดขายราคาเพียง กิโลกรัมละ 2 บาท จำนวน 2.2 หมื่นตัน หรือ 22 ล้านกิโลกรัม ทั้งๆที่รับจำนำมากิโลกรัมละ 72 บาท ทำให้โครงการรับจำนำของรัฐบาลปี 2544/2545 ต้องขาดทุนไปร่วม 4,000 ล้านบาท รวมทั้งค่าเช่าโกดัง ค่าแรงงาน ค่าโสหุ้ยต่างๆ
ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวต่ออีกว่า โครงการรับจำนำลำไยในปี 2546 รัฐบาลก็ขาดทุน เพราะรับจำนำลำไยในราคาสูง แต่จำหน่ายในราคาต่ำ รัฐบาลปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ทำให้ บริษัท อโกร โปรดักส์ เน็ทเวิร์ค ที่ประมูลได้ครั้งแรกไม่สามารถนำลำไยไปจำหน่ายได้ทั้งหมด จึงเป็นเหตุให้มีการยกเลิกสัญญาและก็ทำการประมูลใหม่ ซึ่งก็ส่อพิรุธมากมาย และน่าจะมีการทุจริตในการประมูลครั้งที่ 2 ดังนี้
1. การประกาศให้ทำอย่างเร่งรีบ ประกาศวันที่ 22 ตุลาคม 47 ให้ยื่นซองในวันที่ 29 ตุลาคม 47 ซึ่งวันที่ 22 ตุลาคม เป็นวันศุกร์ และวันที่ 23-25 ตุลาคม 47 เป็นวันหยุดราชการ มีเวลาประกาศจริงเพียง 3 วัน จึงน่าจะเป็นเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง
2. ผู้เสนอราคาจะต้องซื้อลำไยทั้งหมด ต้องวางหลักประกัน 40 % ของมูลค่าที่เสนอซื้อ ต้องชำระส่วนที่เหลือทันทีที่ทำสัญญา และต้องทำสัญญาภายใน 7 วัน
3. บริษัทที่ชนะการประมูล เพราะมาเสนอรายเดียวคือ บริษัท ทีแอนด์ที อินเตอร์ชิปปิ้ง จำหน่ายให้ทั้งหมด 22,831.11 ตัน แต่เสนอในราคาที่ต่ำมากทำให้ประเทศเสียหายอย่างมาก ทั้งๆที่ลำไยคุณภาพยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนกันยายน 2547 ซึ่งเป็นเดือนที่หมดสัญญากับ บริษัท อโกร โปรดักส์ เน็ทเวิร์ค ที่ขอต่อสัญญาและจะเสนอราคาเดิม
ราคาลำไยในโครงการรับจำนำลำไยปี 2546
เกรด ราคา ( บาท/ก.ก. ) บริษัท อโกร โปรดักส์ บริษัท ทีแอนด์ที
AA 72 49.50 32.00
A 54 26.00 12.00
B 36 12.00 5.00
ซึ่งบริษัท อโกรโปรดักส์ เน็ทเวิร์ค ที่ถูกยกเลิกสัญญาขอต่อสัญญาไปถึง 5 มีนาคม แต่กระทรวงพาณิชย์ไม่ยอมเลยประกาศประมูลราคาใหม่ บริษัททีแอนด์ที เป็นผู้เสนอแต่เพียงบริษัทเดียวจึงเป็นผู้ชนะการประมูล และถ้ารัฐบาลทำสัญญากับทีแอนด์ที จะเสียผลประโยชน์ทันที 365 ล้านบาท
นายตรีพล แถลงข่าวต่ออีกว่า สงครามคอร์รัปชั่นรอบ 2 ของนายกฯ ทักษิณ ประเดิมด้วยการทุจริตโครงการจำนำลำไย ในโครงการปี 2547 ในวงเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยมีการทุจริตเกือบทุกขั้นตอน เช่น
พ่อค้าคนกลาง ซึ่งเป็นคนของนักการเมือง กดราคารับซื้อลำไยสด เช่น อตก. รับซื้อลำไยคุณภาพดี กก.ละ 15 บาท แต่มีพ่อค้าคนกลางกดราคาชาวสวน กก.ละ 12-13 แล้วนำลำไยดังกล่าว ไปขายให้ อตก. กก.ละ15 บาท พ่อค้าคนกลางจะซื้อต่ำกว่าราคาของอตก. กก.ละ 2 บาท อตก.ซื้อลำไยสดทั้งหมดประมาณ 282,486 ตัน ทำให้พ่อค้าคนกลางดังกล่าวได้เงินไป 50 ล้านกว่าบาท
ส่วนการว่าจ้างบริษัทปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด อบแห้งลำไย ปรากฏว่าข้อมูลสับสนมาก จนมีการฟ้องร้องกัน โดยบริษัทปอเฮงยืนยันว่า ได้ส่งลำไยอบแห้งจำนวน 15,000 ตัน ไปเก็บไว้ในโกดังตามสัญญา แต่อตก.บอกว่ายังไม่ได้รับลำไยอบแห้ง กลุ่มเกษตรกร ที่รับช่วงอบแห้งลำไยจากบริษัทปอเฮง บางกลุ่มก็ได้รับเงินค่าอบแห้งบางกลุ่มก็ยังไม่ได้รับเงินค่าอบแห้ง ฯลฯ
นายตรีพล กล่าวต่อว่า การทำสัญญากับบริษัทปอเฮส่อพิรุธ เนื่องจาก อตก.ได้ทำสัญญากับบริษัทปอเฮง อินเตอร์เทรด ให้ทำการอบแห้งและทำการตลาด เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2547 โดยให้มีเงินประกัน 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่ง คือ เงินค้ำประกันสัญญา จำนวน 105 ล้านบาท ซึ่งบริษัทปอเฮง จ่ายครบถ้วนแล้ว ส่วนที่สอง เป็นเงินหลักประกันราคาจำหน่ายลำไยอบแห้ง 330 ล้านบาท ปรากฏว่า บริษัทปอเฮง ยังไม่นำมาชำระ (ซึ่งตามสัญญาต้องนำมาชำระภายใน 3 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา ซึ่งวันสุดท้ายก็คือ วันที่ 15 กรกฎาคม 2547) แต่ปรากฏว่า รัฐบาลปล่อยปละละเลยเพิ่งจะทำหนังสือทวงถาม ไปเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2547 ปล่อยให้บริษัทปอเฮง ดำเนินการเรื่องต่างๆต่อไป การควบคุมปัญหาต่างๆ จึงเกิดขึ้น
‘นี่คือเรื่องที่ส่อทุจริต และเรื่องนี้ยังต้องติดตามกันไม่หวาดไม่ไหว เพราะฉะนั้นคนที่จะต้องรับผิดชอบ คือท่านรองนายกฯสมศักดิ์แน่นอน เพราะเป็นคนที่แยกว่าลำไยรมต.สมศักดิ์จะทำเอง ในสมัยที่เป็น รมว.กระทรวงเกษตรฯ’ นายตรีพลกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-