นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ การเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ กรณีการยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบการจัดงานเหลียวหลังแลหน้า ว่ามีหลายประเด็นที่คาบเกี่ยวกับการผิดกฎหมายนั้น กับกรณีพรรคไทยรักไทยได้ออกมาข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีฟ้องพรรคประชาธิปัตย์ ถึงขั้นยุบพรรคนั้น ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าการดำเนินการยื่นเรี่องให้ กกต.ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของสังคมโดยส่วนรวมมากกว่า เพราะการที่มีกกต.เพื่อให้ความยุติธรรม ในการเลือกตั้ง ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญก็เพื่อมุ่งหวังที่จะให้มีการปฏิรูปการเมือง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยยุติธรรมมากที่สุด เพราะฉะนั้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ในนามฝ่ายค้าน เห็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ซึ่งอาจจะทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธ์ ยุติธรรม ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการเมือง ประชาธิปัตย์จึงคิดว่าเป็นความจำเป็นที่ต้องออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าว ‘ไม่ได้มีความวิตกใดๆ ในเรื่องที่จะถูกฟ้องร้อง และขอท้าพรรคไทยรักไทย ว่าหากคิดว่าการยื่นเรื่องให้กกต.เป็นเรื่องผิดถึงขั้นยุบพรรค ก็ขอให้รีบฟ้องแต่โดยเร็ว อย่าดีแต่ออกมาข่มขู่ไปวันๆ อย่าทำตัวเหมือนหัวหน้าพรรค ที่ไปข่มขู่ข้าราชการ ชั้นผู้ใหญ่กลางที่ประชุมครม. ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ซึ่งที่ผ่านมาพรรคไทยรักไทยชอบออกมาข่มขู่ว่าจะฟ้องคนอื่นอยู่เรื่อยๆ เช่นการขู่ว่าจะฟ้องทนายความของ นายประสงค์ สุ่นศิริ แต่ไม่เห็นมีการดำเนินการแต่อย่างใดทั้งสิ้น ’นายองอาจกล่าว
นายองอาจ กล่าวต่อในส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ชอบเล่นการเมืองว่าจริงแล้วคนที่ชอบเล่นการเมืองมากที่สุด คือนายกฯ เพราะตลอดระยะเวลา 3 ปีนายกฯจะเล่นเกมการเมืองมาตลอดซึ่งแตกต่างกับที่นายกเคยพูดไว้ แต่การกระทำของนายกสวนทางกับคำพูดตลอด ตัวอย่างเช่นการจัดงานรากหญ้า สู่รากแก้ว ก็เป็นการนำเงินภาษีประชาชนมาจัดกิจกรรมทางการเมือง การกระทำเช่นนี้เป็นการเล่นเกมการเมืองโดยแท้ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากเงินงบประมาณ แต่กลับคำนึงพียงผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ตลอดทั้งพรรคการเมืองของตนเอง ‘การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเล่นเกมการเมืองยังถือเป็นการเอาเปรียบทางการเมือง เป็นการนำช่องว่างของกฎหมายมาเป็นประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง เป็นการเอาเปรียบทางการเมืองที่ไม่เคยมีพรรคการเมืองในอดีตทำมาก่อน’นายองอาจกล่าว
นายองอาจ กล่าวต่อว่า พฤติพรรมต่างๆโดยมีพรรคไทยรักไทยเป็นแกนนำ ได้มีการดำเนินไปเพียงเพื่อให้พรรคไทยรักไทยมีเสียงมาก400เสียงเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงความผิดชอบ ชั่วดี แต่อย่างใด นอกจากการเอาเปรียบทางการเมือง ยังเห็นได้ว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลพยายามที่จะมีกิจกรรมต่างมากมายเพื่อที่จะเร่งเพิ่มคะแนนนิยมพรรคการเมือง ซึ่งเป็นไปโดยใช้งบประมาณแผ่นดิน และภาษีประชาชน หรืองบหลวง รวมทั้งใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือทางการเมือง จึงอยากให้รัฐบาลคำนึงถึงการปฏิรูปทางการเมือง เพื่อส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย มากกว่าไปคำนึงถึงให้ได้ 400 เสียงอย่างเดียว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายองอาจ กล่าวต่อในส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ชอบเล่นการเมืองว่าจริงแล้วคนที่ชอบเล่นการเมืองมากที่สุด คือนายกฯ เพราะตลอดระยะเวลา 3 ปีนายกฯจะเล่นเกมการเมืองมาตลอดซึ่งแตกต่างกับที่นายกเคยพูดไว้ แต่การกระทำของนายกสวนทางกับคำพูดตลอด ตัวอย่างเช่นการจัดงานรากหญ้า สู่รากแก้ว ก็เป็นการนำเงินภาษีประชาชนมาจัดกิจกรรมทางการเมือง การกระทำเช่นนี้เป็นการเล่นเกมการเมืองโดยแท้ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากเงินงบประมาณ แต่กลับคำนึงพียงผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ตลอดทั้งพรรคการเมืองของตนเอง ‘การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเล่นเกมการเมืองยังถือเป็นการเอาเปรียบทางการเมือง เป็นการนำช่องว่างของกฎหมายมาเป็นประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง เป็นการเอาเปรียบทางการเมืองที่ไม่เคยมีพรรคการเมืองในอดีตทำมาก่อน’นายองอาจกล่าว
นายองอาจ กล่าวต่อว่า พฤติพรรมต่างๆโดยมีพรรคไทยรักไทยเป็นแกนนำ ได้มีการดำเนินไปเพียงเพื่อให้พรรคไทยรักไทยมีเสียงมาก400เสียงเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงความผิดชอบ ชั่วดี แต่อย่างใด นอกจากการเอาเปรียบทางการเมือง ยังเห็นได้ว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลพยายามที่จะมีกิจกรรมต่างมากมายเพื่อที่จะเร่งเพิ่มคะแนนนิยมพรรคการเมือง ซึ่งเป็นไปโดยใช้งบประมาณแผ่นดิน และภาษีประชาชน หรืองบหลวง รวมทั้งใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือทางการเมือง จึงอยากให้รัฐบาลคำนึงถึงการปฏิรูปทางการเมือง เพื่อส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย มากกว่าไปคำนึงถึงให้ได้ 400 เสียงอย่างเดียว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-