ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ปรับปรุงเงื่อนไขการอนุญาตให้ ธพ.เปิดสาขาในส่วนภูมิภาค ผู้สื่อข่าวรายงานจาก
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ธปท.ได้ส่งหนังสือเวียนถึง ธพ. เรื่องการปรับปรุงเงื่อนไขในการอนุญาต
ให้ ธพ.เปิดสาขาในส่วนภูมิภาค โดยเพิ่มทางเลือกให้ ธพ.ที่เปิดสาขาในส่วนภูมิภาคดำรงหลักทรัพย์ประเภทหน่วย
ลงทุนได้เพิ่มเติม โดยหน่วยลงทุนที่ ธพ.สามารถนำมาดำรงได้จะต้องเป็นหน่วยลงทุนที่มีการนำเงินที่ได้จากการออก
หน่วยลงทุนนั้นไปลงทุนในหลักทรัพย์รัฐบาลไทยหรือ พธบ.รัฐวิสาหกิจ และเป็นการลงทุนในตลาดแรก และหน่วยลง
ทุนดังกล่าวต้องไม่มีภาระผูกพันใด ๆ (โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
2. ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลประจำเดือน ต.ค.48 สูงกว่าประมาณการ 2.6% โฆษก ก.
คลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลประจำเดือน ต.ค.48 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปี งปม.49 สามารถ
จัดเก็บได้สุทธิ 75,130 ล.บาท สูงกว่าประมาณการ 1,893 ล.บาท หรือ 2.6% และสูงกว่าเดือนเดียวกันของปี
ก่อน 4,983 ล.บาท หรือ 7.1% นับเป็นการจัดเก็บรายได้ที่สูงกว่าประมาณการอย่างต่อเนื่องจากปี งปม.48 ทั้ง
นี้ เมื่อแยกการจัดเก็บรายได้ของแต่ละกรม พบว่า กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากได้รับผล
กระทบจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ขณะที่กรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่อง
จากนโยบายรัฐบาลต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จึงมีการจัดเก็บอากรขาเข้าสินค้าทุน
และปัจจัยการผลิตในอัตราต่ำหรือเท่ากับศูนย์ สำหรับกรมสรรพากรสามารถจัดเก็บสูงกว่าเป้าหมาย 7,195 ล.
บาท หรือ 13.1% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 9,805 ล.บาท หรือ 18.8% โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มและ
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่จัดเก็บได้สูงกว่าปีก่อน 20.3% และ 19% ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้
บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งธุรกรรมและการประกอบการของบริษัทต่างๆ ยังมีทิศทางที่ดี (ข่าวสด,
ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
3. ดัชนีอุตสาหกรรมเดือน ก.ย.48 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีอุตสาหกรรมเดือน ก.ย.48 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนทุกตัว โดยดัชนีผล
ผลิตเพิ่มขึ้น 1.08% ดัชนีการส่งสินค้าเพิ่มขึ้น 1.02% ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังเพิ่มขึ้น 0.01% ดัชนีอัตรา
ส่วน สินค้าสำเร็จรูปคงคลังเพิ่มขึ้น 1.63% ดัชนีแรงงานภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.26% ดัชนีผลิตภาพแรง
งานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.73% โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีอุตสาหกรรมผลผลิตรวมปรับเพิ่มขึ้นมีหลายด้าน ที่สำคัญ
คือการผลิตยานยนต์ซึ่งมีภาวะการผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7.2% และ 9.35% เนื่องจากมีการเร่ง
ผลิตตามคำสั่งซื้อ รวมถึงอุตสาหกรรมแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ ซึ่งการผลิตและจำหน่าย
เพิ่มขึ้น 5.3% และ 2.5% ตามลำดับ ประกอบกับการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าชั้นมูลฐาน ซึ่งเพิ่มขึ้น 11%
จากเดือนก่อน เป็นอีกปัจจัยหนุนให้ดัชนีอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
4. การส่งออกข้าวไทยในช่วง 10 เดือนแรกปี 48 ลดลง 27% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน
รายงานข่าวจาก ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวของไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ต.ค.48) มี
ปริมาณ 6.06 ล้านตัน ลดลง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นมูลค่า 1,873 ล.ดอลลาร์
สรอ. ลดลง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ก.พาณิชย์กำหนดเป้าหมายการส่งออกข้าวในปี 48 ไว้
ที่ปริมาณ 8.5 ล้านตัน มูลค่า 2,550 ล.ดอลลาร์ สรอ. (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อุตสาหกรรมน้ำมันของ สรอ.กำลังฟื้นตัวหลังการเกิดพายุเฮอริเคน รายงานจาก สรอ. เมื่อ 7
พ.ย.48 ปริมาณการผลิตน้ำมันบริเวณอ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันมากกว่า 1 ใน 4 ของปริมาณการผลิต
น้ำมันในประเทศทั้งหมดของ สรอ. เพิ่มขึ้นเป็น 727,000 บาร์เรลต่อวันในวันที่ 7 พ.ย.48 จาก 719,000
บาร์เรลต่อวันในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.48 ที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของ สรอ.ในอ่าวเม็กซิโกเพิ่มขึ้นเป็น
เกือบครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตทั้งหมด 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดนับตั้งแต่เกิดพายุเฮอริเคนแคทรินา ริต้าและ
วิลม่า ในขณะที่ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในบริเวณนี้ก็เพิ่มขึ้นเป็น 5.52 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากกำลังการ
ผลิตทั้งสิ้น 10 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 5.43 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยนับ
ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.48 เป็นต้นมาพายุเฮอริเคนทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของ สรอ.ลดลงประมาณ 80.5 ล้าน
บาร์เรลซึ่งเท่ากับปริมาณการใช้น้ำมันของ สรอ.ประมาณ 4 วัน และปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติลดลง 414.3
พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในขณะที่โรงกลั่นน้ำมันที่ตั้งอยู่บนบกของ สรอ.ซึ่งมีปริมาณการผลิต 837,000 บาร์เรลต่อวันหรือ
เท่ากับร้อยละ 5 ของ สรอ.ยังคงปิดดำเนินการจากผลกระทบของพายุเฮอริเคน ดังนั้นจากการประมาณการ ณ
ระดับสูงสุดพายุเฮอริเคนแคทรินาและริต้าได้สร้างความเสียหายให้กับกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ใน 4 ของ สรอ.
(รอยเตอร์)
2. ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน ต.ค.48 ลดลงเพียงร้อยละ 0.2 เป็นอัตราดีที่สุดในรอบ 7
เดือน รายงานจากลอนดอน เมื่อ 8 พ.ย.48 สมาคมการค้าปลีกของอังกฤษ (The British Retail
Consortium-BRC) เปิดเผยว่า ยอดขายปลีก (like for like retail sales) ของอังกฤษในเดือน ต.
ค.48 ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.2 เทียบต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่ดีที่สุดตั้งแต่เดือน มี.ค.48 ขณะที่ยอดขายโดยรวม
(total sales) ซึ่งรวมถึงพื้นที่ขายใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 และเพิ่ม
ขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน (ตั้งแต่เดือน มี.ค.48) ทั้งนี้ ตัวเลขยอดขายปลีกที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือน ต.ค.นั้นน่า
จะสนับสนุนการคาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษจะยังคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลงที่ร้อย
ละ 4.5 ในการประชุมวันพฤหัสที่จะถึงนี้ และจะยังคงระดับเดิมต่อไปอีกระยะหนึ่ง อย่างน้อยจนกว่าจะพ้นช่วงเทศ
กาลคริสมาสต์ไปแล้ว นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ BRC (Kevin Hawkins) ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับตัวที่ดีขึ้น
ของ like for like sales เป็นสิ่งที่น่ายินดี เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
ส่วนแนวโน้มในช่วง 3 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.7 จากเดิมที่คาดว่าจะลด
ลงร้อยละ 1.4 ในขณะที่ยอดขายรวม (total sales) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 จากร้อยละ 2.9 (รอยเตอร์)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ระดับ
97.5 รายงานจากเกาหลีใต้ เมื่อ 8 พ.ย.48 สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ
เกาหลีใต้ (ซึ่งชี้วัดความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับความคาดหวังทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายส่วนบุคคลในระยะ 6
เดือนข้างหน้า) ในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ระดับ 97.5 จากระดับ 96.7 และ 94.8 ใน
เดือน ก.ย.และ ส.ค.48 ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีดังกล่าวเคยเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่งเมื่อเดือน มี.
ค.48 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ค.48 ที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 100 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งมุมมอง
ทางเศรษฐกิจในด้านลบและด้านบวก ส่วน Consumer evaluation index (ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดมุมมองเศรษฐกิจ
และมาตรฐานการครองชีพของผู้บริโภคในปัจจุบันเทียบกับ 6 เดือนก่อน) ในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ
83.4 จากระดับ 81.2 และ 78.3 ในเดือน ก.ย.และ ส.ค.48 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
4. ทุนสำรองฯ ของญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือน ต.ค.48 อยู่ที่ระดับ 841.792 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 8 พ.ย.48 ก.คลังของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่าง
ประเทศของญี่ปุ่นซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ สิ้นเดือน ต.ค.48 อยู่ที่ระดับ 841.792 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ลด
ลงจากระดับ 843.563 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ทุนสำรองฯ ของญี่ปุ่นลดลงเล็กน้อยนับ
ตั้งแต่ที่เคยทำสถิติสูงสุดเมื่อเดือน ส.ค.48 ที่ระดับ 847.766 พันล้านดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของ
เดือน ต.ค.48 ก็ยังเป็นสถิติทุนสำรองฯ สูงสุดครั้งที่ 7 โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ทุนสำรองฯ ลดลงมาจากการที่อัตรา
ผลตอบแทนในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดผลขาดทุนทางบัญชีเมื่อมีการตีราคาสินทรัพย์ตาม
ราคาตลาด รวมถึงค่าเงินยูโรที่ลดลงก็มีส่วนทำให้ทุนสำรองฯ ลดลงด้วย อนึ่ง ทุนสำรองฯ ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่าง
มากหลังจากทางการเข้าแทรกแซงตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศด้วยการทุ่มขายเงินเยนสูงถึง 20 ล้านล้านเยน
(169.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) ในปี 46 และ 15 ล้านล้านเยน ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 47 อย่างไรก็
ตาม ญี่ปุ่นไม่ได้ดำเนินการแทรกแซงตลาดอีกเลยนับแต่นั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันญี่ปุ่นมีทุนสำรองฯ มากที่สุดในโลก ตาม
มาด้วยจีนที่ทุนสำรองฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจีนได้เข้าแทรกแซงตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศอย่างหนัก
ภายใต้ระบบใหม่ “การลอยตัวค่าเงินแบบมีการจัดการ” เพื่อควบคุมให้มีการซื้อขายค่าเงินหยวนที่ระดับใกล้เคียง
8.09 หยวน ต่อดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ทุนสำรองฯ ของจีน ณ สิ้นเดือน ก.ย.48 อยู่ที่ระดับ 769 พันล้าน
ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 711 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ณ สิ้นเดือน มิ.ย.48 (รอยเตอร์)
5. คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 รายงานจากกัวลา
ลัมเปอร์เมื่อวันที่ 7พ.ย. 48 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 9 คนของรอยเตอร์คาดว่าในเดือนก.ย. ผล
ผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วเฉลี่ยร้อยละ 5.0 เนื่องจากผู้ประกอบการ
อุตสาหกรรมเร่งผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเตรียมไว้สำหรับการส่งออกตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศในช่วงปลายปี
ก่อนวันคริสต์มาสและวันตรุษจีน ทั้งนี้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมดังกล่าวใช้เป็นเครื่องชี้วัดอุตสาหกรรมการผลิต เหมือง
แร่ และไฟฟ้า โดยเมื่อเดือนก.ค. และเดือนส.ค. ดัชนีดังกล่าวขยายตัวเพียงร้อยละ 0.2 และร้อยละ 4.1 ตาม
ลำดับ ทั้งนี้ทางการมาเลเซียมีกำหนดที่จะประกาศตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการในวันนี้เวลา
12.01 น. ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 พ.ย. 48 7 พ.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.012 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.8183/41.1135 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.80125 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 700.75/ 9.79 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,900/9,000 8,900/9,000 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 51.82 52.33 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด 50 สตางค์ เมื่อ 1 พ.ย. 48 25.64*/23.39** 25.64*/23.39** 16.99/14.59 ปตท.
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 1 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ปรับปรุงเงื่อนไขการอนุญาตให้ ธพ.เปิดสาขาในส่วนภูมิภาค ผู้สื่อข่าวรายงานจาก
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ธปท.ได้ส่งหนังสือเวียนถึง ธพ. เรื่องการปรับปรุงเงื่อนไขในการอนุญาต
ให้ ธพ.เปิดสาขาในส่วนภูมิภาค โดยเพิ่มทางเลือกให้ ธพ.ที่เปิดสาขาในส่วนภูมิภาคดำรงหลักทรัพย์ประเภทหน่วย
ลงทุนได้เพิ่มเติม โดยหน่วยลงทุนที่ ธพ.สามารถนำมาดำรงได้จะต้องเป็นหน่วยลงทุนที่มีการนำเงินที่ได้จากการออก
หน่วยลงทุนนั้นไปลงทุนในหลักทรัพย์รัฐบาลไทยหรือ พธบ.รัฐวิสาหกิจ และเป็นการลงทุนในตลาดแรก และหน่วยลง
ทุนดังกล่าวต้องไม่มีภาระผูกพันใด ๆ (โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
2. ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลประจำเดือน ต.ค.48 สูงกว่าประมาณการ 2.6% โฆษก ก.
คลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลประจำเดือน ต.ค.48 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปี งปม.49 สามารถ
จัดเก็บได้สุทธิ 75,130 ล.บาท สูงกว่าประมาณการ 1,893 ล.บาท หรือ 2.6% และสูงกว่าเดือนเดียวกันของปี
ก่อน 4,983 ล.บาท หรือ 7.1% นับเป็นการจัดเก็บรายได้ที่สูงกว่าประมาณการอย่างต่อเนื่องจากปี งปม.48 ทั้ง
นี้ เมื่อแยกการจัดเก็บรายได้ของแต่ละกรม พบว่า กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากได้รับผล
กระทบจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ขณะที่กรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่อง
จากนโยบายรัฐบาลต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จึงมีการจัดเก็บอากรขาเข้าสินค้าทุน
และปัจจัยการผลิตในอัตราต่ำหรือเท่ากับศูนย์ สำหรับกรมสรรพากรสามารถจัดเก็บสูงกว่าเป้าหมาย 7,195 ล.
บาท หรือ 13.1% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 9,805 ล.บาท หรือ 18.8% โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มและ
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่จัดเก็บได้สูงกว่าปีก่อน 20.3% และ 19% ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้
บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งธุรกรรมและการประกอบการของบริษัทต่างๆ ยังมีทิศทางที่ดี (ข่าวสด,
ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
3. ดัชนีอุตสาหกรรมเดือน ก.ย.48 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจ
อุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีอุตสาหกรรมเดือน ก.ย.48 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนทุกตัว โดยดัชนีผล
ผลิตเพิ่มขึ้น 1.08% ดัชนีการส่งสินค้าเพิ่มขึ้น 1.02% ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังเพิ่มขึ้น 0.01% ดัชนีอัตรา
ส่วน สินค้าสำเร็จรูปคงคลังเพิ่มขึ้น 1.63% ดัชนีแรงงานภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.26% ดัชนีผลิตภาพแรง
งานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.73% โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีอุตสาหกรรมผลผลิตรวมปรับเพิ่มขึ้นมีหลายด้าน ที่สำคัญ
คือการผลิตยานยนต์ซึ่งมีภาวะการผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7.2% และ 9.35% เนื่องจากมีการเร่ง
ผลิตตามคำสั่งซื้อ รวมถึงอุตสาหกรรมแปรรูปและการถนอมสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ ซึ่งการผลิตและจำหน่าย
เพิ่มขึ้น 5.3% และ 2.5% ตามลำดับ ประกอบกับการผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าชั้นมูลฐาน ซึ่งเพิ่มขึ้น 11%
จากเดือนก่อน เป็นอีกปัจจัยหนุนให้ดัชนีอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้)
4. การส่งออกข้าวไทยในช่วง 10 เดือนแรกปี 48 ลดลง 27% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน
รายงานข่าวจาก ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวของไทยในช่วง 10 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ต.ค.48) มี
ปริมาณ 6.06 ล้านตัน ลดลง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นมูลค่า 1,873 ล.ดอลลาร์
สรอ. ลดลง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ก.พาณิชย์กำหนดเป้าหมายการส่งออกข้าวในปี 48 ไว้
ที่ปริมาณ 8.5 ล้านตัน มูลค่า 2,550 ล.ดอลลาร์ สรอ. (ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อุตสาหกรรมน้ำมันของ สรอ.กำลังฟื้นตัวหลังการเกิดพายุเฮอริเคน รายงานจาก สรอ. เมื่อ 7
พ.ย.48 ปริมาณการผลิตน้ำมันบริเวณอ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันมากกว่า 1 ใน 4 ของปริมาณการผลิต
น้ำมันในประเทศทั้งหมดของ สรอ. เพิ่มขึ้นเป็น 727,000 บาร์เรลต่อวันในวันที่ 7 พ.ย.48 จาก 719,000
บาร์เรลต่อวันในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.48 ที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของ สรอ.ในอ่าวเม็กซิโกเพิ่มขึ้นเป็น
เกือบครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตทั้งหมด 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดนับตั้งแต่เกิดพายุเฮอริเคนแคทรินา ริต้าและ
วิลม่า ในขณะที่ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในบริเวณนี้ก็เพิ่มขึ้นเป็น 5.52 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากกำลังการ
ผลิตทั้งสิ้น 10 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 5.43 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยนับ
ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.48 เป็นต้นมาพายุเฮอริเคนทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของ สรอ.ลดลงประมาณ 80.5 ล้าน
บาร์เรลซึ่งเท่ากับปริมาณการใช้น้ำมันของ สรอ.ประมาณ 4 วัน และปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติลดลง 414.3
พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในขณะที่โรงกลั่นน้ำมันที่ตั้งอยู่บนบกของ สรอ.ซึ่งมีปริมาณการผลิต 837,000 บาร์เรลต่อวันหรือ
เท่ากับร้อยละ 5 ของ สรอ.ยังคงปิดดำเนินการจากผลกระทบของพายุเฮอริเคน ดังนั้นจากการประมาณการ ณ
ระดับสูงสุดพายุเฮอริเคนแคทรินาและริต้าได้สร้างความเสียหายให้กับกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ใน 4 ของ สรอ.
(รอยเตอร์)
2. ยอดขายปลีกของอังกฤษในเดือน ต.ค.48 ลดลงเพียงร้อยละ 0.2 เป็นอัตราดีที่สุดในรอบ 7
เดือน รายงานจากลอนดอน เมื่อ 8 พ.ย.48 สมาคมการค้าปลีกของอังกฤษ (The British Retail
Consortium-BRC) เปิดเผยว่า ยอดขายปลีก (like for like retail sales) ของอังกฤษในเดือน ต.
ค.48 ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.2 เทียบต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่ดีที่สุดตั้งแต่เดือน มี.ค.48 ขณะที่ยอดขายโดยรวม
(total sales) ซึ่งรวมถึงพื้นที่ขายใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 และเพิ่ม
ขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน (ตั้งแต่เดือน มี.ค.48) ทั้งนี้ ตัวเลขยอดขายปลีกที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือน ต.ค.นั้นน่า
จะสนับสนุนการคาดการณ์ว่า ธ.กลางอังกฤษจะยังคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลงที่ร้อย
ละ 4.5 ในการประชุมวันพฤหัสที่จะถึงนี้ และจะยังคงระดับเดิมต่อไปอีกระยะหนึ่ง อย่างน้อยจนกว่าจะพ้นช่วงเทศ
กาลคริสมาสต์ไปแล้ว นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ BRC (Kevin Hawkins) ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับตัวที่ดีขึ้น
ของ like for like sales เป็นสิ่งที่น่ายินดี เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
ส่วนแนวโน้มในช่วง 3 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 0.7 จากเดิมที่คาดว่าจะลด
ลงร้อยละ 1.4 ในขณะที่ยอดขายรวม (total sales) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 จากร้อยละ 2.9 (รอยเตอร์)
3. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ระดับ
97.5 รายงานจากเกาหลีใต้ เมื่อ 8 พ.ย.48 สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ
เกาหลีใต้ (ซึ่งชี้วัดความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับความคาดหวังทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายส่วนบุคคลในระยะ 6
เดือนข้างหน้า) ในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ระดับ 97.5 จากระดับ 96.7 และ 94.8 ใน
เดือน ก.ย.และ ส.ค.48 ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีดังกล่าวเคยเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่งเมื่อเดือน มี.
ค.48 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ค.48 ที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 100 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งมุมมอง
ทางเศรษฐกิจในด้านลบและด้านบวก ส่วน Consumer evaluation index (ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดมุมมองเศรษฐกิจ
และมาตรฐานการครองชีพของผู้บริโภคในปัจจุบันเทียบกับ 6 เดือนก่อน) ในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ
83.4 จากระดับ 81.2 และ 78.3 ในเดือน ก.ย.และ ส.ค.48 ตามลำดับ (รอยเตอร์)
4. ทุนสำรองฯ ของญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือน ต.ค.48 อยู่ที่ระดับ 841.792 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 8 พ.ย.48 ก.คลังของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่าง
ประเทศของญี่ปุ่นซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ สิ้นเดือน ต.ค.48 อยู่ที่ระดับ 841.792 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ลด
ลงจากระดับ 843.563 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือนก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ทุนสำรองฯ ของญี่ปุ่นลดลงเล็กน้อยนับ
ตั้งแต่ที่เคยทำสถิติสูงสุดเมื่อเดือน ส.ค.48 ที่ระดับ 847.766 พันล้านดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของ
เดือน ต.ค.48 ก็ยังเป็นสถิติทุนสำรองฯ สูงสุดครั้งที่ 7 โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ทุนสำรองฯ ลดลงมาจากการที่อัตรา
ผลตอบแทนในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดผลขาดทุนทางบัญชีเมื่อมีการตีราคาสินทรัพย์ตาม
ราคาตลาด รวมถึงค่าเงินยูโรที่ลดลงก็มีส่วนทำให้ทุนสำรองฯ ลดลงด้วย อนึ่ง ทุนสำรองฯ ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่าง
มากหลังจากทางการเข้าแทรกแซงตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศด้วยการทุ่มขายเงินเยนสูงถึง 20 ล้านล้านเยน
(169.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) ในปี 46 และ 15 ล้านล้านเยน ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 47 อย่างไรก็
ตาม ญี่ปุ่นไม่ได้ดำเนินการแทรกแซงตลาดอีกเลยนับแต่นั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันญี่ปุ่นมีทุนสำรองฯ มากที่สุดในโลก ตาม
มาด้วยจีนที่ทุนสำรองฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจีนได้เข้าแทรกแซงตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศอย่างหนัก
ภายใต้ระบบใหม่ “การลอยตัวค่าเงินแบบมีการจัดการ” เพื่อควบคุมให้มีการซื้อขายค่าเงินหยวนที่ระดับใกล้เคียง
8.09 หยวน ต่อดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ทุนสำรองฯ ของจีน ณ สิ้นเดือน ก.ย.48 อยู่ที่ระดับ 769 พันล้าน
ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 711 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ณ สิ้นเดือน มิ.ย.48 (รอยเตอร์)
5. คาดว่าผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 รายงานจากกัวลา
ลัมเปอร์เมื่อวันที่ 7พ.ย. 48 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 9 คนของรอยเตอร์คาดว่าในเดือนก.ย. ผล
ผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วเฉลี่ยร้อยละ 5.0 เนื่องจากผู้ประกอบการ
อุตสาหกรรมเร่งผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเตรียมไว้สำหรับการส่งออกตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศในช่วงปลายปี
ก่อนวันคริสต์มาสและวันตรุษจีน ทั้งนี้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมดังกล่าวใช้เป็นเครื่องชี้วัดอุตสาหกรรมการผลิต เหมือง
แร่ และไฟฟ้า โดยเมื่อเดือนก.ค. และเดือนส.ค. ดัชนีดังกล่าวขยายตัวเพียงร้อยละ 0.2 และร้อยละ 4.1 ตาม
ลำดับ ทั้งนี้ทางการมาเลเซียมีกำหนดที่จะประกาศตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการในวันนี้เวลา
12.01 น. ตามเวลาท้องถิ่น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 พ.ย. 48 7 พ.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.012 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.8183/41.1135 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.80125 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 700.75/ 9.79 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,900/9,000 8,900/9,000 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 51.82 52.33 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด 50 สตางค์ เมื่อ 1 พ.ย. 48 25.64*/23.39** 25.64*/23.39** 16.99/14.59 ปตท.
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 1 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--