นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง สถานการณ์ความรุนแรงและความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า สถานการณ์ในขณะนี้น่าวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องยอมรับความจริงว่า สาเหตุที่เหตุการณ์รุนแรงขึ้น ส่วนหนึ่งนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดล้มเหลวของตัวนายกฯเอง ที่ปล่อยให้มีการอุ้มฆ่า มีการฆ่าตัดตอน ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา ซึ่งตรงนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหา รวมถึงการกำหนดแนวทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับสากล ที่ดำเนินการอย่างไม่รอบคอบเพียงพอ ในขณะที่เชื้อไฟแห่งการแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังคงมีอยู่ จึงทำให้ความรุนแรงยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้นายกฯจะได้พยายามแก้ปัญหาในหลายวิธี แต่ความรุนแรงก็ไม่ลดลง
สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงมากกว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นคือ ขณะนี้ได้มีความพยายามที่จะก่อให้เกิดลัทธิคลั่งชาติขึ้น มีการพยายามที่อาจจะก่อให้เกิดความรู้สึกเป็นพวกเค้าพวกเราเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในชาติไทย และหลายกรณีต้องยอมรับความจริงว่ารัฐบาลหรือผู้ที่มีส่วนในการแก้ปัญหาของรัฐบาลนี้เข้าไปมีส่วนในการตอกลิ่มความขัดแย้งภายในชาติให้เกิดขึ้น ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะจะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นในประเทศอย่างมาก
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากคำกล่าวของนายกฯในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมาที่กล่าวว่า “ปัญหาภาคใต้อยู่ในภาวะปกติเสียที่ไหน มันไม่ปกติ ใจผมอยากจะไปปักหลักในพื้นที่ซัก 3 เดือน แม่งเอาให้รู้ไปเลยว่าใครจะแยกดินแดน ถ้าไม่ติดเลือกตั้งผมจะไปอยู่เอง เฝ้าดูให้รู้เรื่องไปเลย ระบบราชการเป็นอุปสรรคในหลายเรื่องทำให้ประเทศล้าหลังตายห่า ประเทศไม่ไปไหนเลย” ชี้ให้เห็นความคิดลึกๆของนายกฯที่ยังไม่เข้าใจต้นเหตุของปัญหาความรุนแรง และคำนึงถึงเรื่องการเมืองและการเลือกตั้งมากกว่าการแก้ไขปัญหาในภาคใต้ ‘พรรคประชาธิปัตย์จึงขอตั้งคำถามไปยังนายกฯว่า นายกฯเพิ่งรู้หรือว่าปัญหาความไม่ปกติได้เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกฯรู้หรือไม่ว่าใครทำให้เกิดความไม่ปกติ และการที่นายกฯอ้างว่าติดเลือกตั้งแสดงว่านายกฯให้ความสนใจกับการเมืองมากกว่าเรื่องของบ้านเมืองใช่หรือไม่’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ส่วนการพบกันระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ในบ่ายวันนี้(14 พ.ย. 47)นั้น นายองอาจ กล่าวว่า ถ้าจุดมุ่งหมายของนายกฯในการให้คณะอาจารย์เข้าพบเป็นเพียงแค่ต้องการลดภาพการไม่ฟังใครลง ก็น่าเสียดายที่ความมุ่งหมายที่ดีของอาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมากจะถูกทำให้เป็นหมันไป พรรคประชาธิปัตย์จึงอยากตั้งความหวังว่านายกฯจะรับฟังข้อคิดเห็นของคณะอาจารย์ด้วยความรู้สึกที่เปิดกว้าง และไม่มีอคติใดๆ ‘เชื่อว่าถ้านายกฯเปิดใจกว้างและพร้อมที่จะรับฟังอย่างแท้จริง ไม่แค่ต้องการสร้างภาพ ลบปมด้อยในเรื่องไม่ฟังใคร ก็เชื่อว่าการพบปะกันในบ่ายวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการฟังความเห็นที่แตกต่าง เพื่อนำไปแก้ปัญหา’ นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงมากกว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นคือ ขณะนี้ได้มีความพยายามที่จะก่อให้เกิดลัทธิคลั่งชาติขึ้น มีการพยายามที่อาจจะก่อให้เกิดความรู้สึกเป็นพวกเค้าพวกเราเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในชาติไทย และหลายกรณีต้องยอมรับความจริงว่ารัฐบาลหรือผู้ที่มีส่วนในการแก้ปัญหาของรัฐบาลนี้เข้าไปมีส่วนในการตอกลิ่มความขัดแย้งภายในชาติให้เกิดขึ้น ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะจะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นในประเทศอย่างมาก
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากคำกล่าวของนายกฯในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมาที่กล่าวว่า “ปัญหาภาคใต้อยู่ในภาวะปกติเสียที่ไหน มันไม่ปกติ ใจผมอยากจะไปปักหลักในพื้นที่ซัก 3 เดือน แม่งเอาให้รู้ไปเลยว่าใครจะแยกดินแดน ถ้าไม่ติดเลือกตั้งผมจะไปอยู่เอง เฝ้าดูให้รู้เรื่องไปเลย ระบบราชการเป็นอุปสรรคในหลายเรื่องทำให้ประเทศล้าหลังตายห่า ประเทศไม่ไปไหนเลย” ชี้ให้เห็นความคิดลึกๆของนายกฯที่ยังไม่เข้าใจต้นเหตุของปัญหาความรุนแรง และคำนึงถึงเรื่องการเมืองและการเลือกตั้งมากกว่าการแก้ไขปัญหาในภาคใต้ ‘พรรคประชาธิปัตย์จึงขอตั้งคำถามไปยังนายกฯว่า นายกฯเพิ่งรู้หรือว่าปัญหาความไม่ปกติได้เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกฯรู้หรือไม่ว่าใครทำให้เกิดความไม่ปกติ และการที่นายกฯอ้างว่าติดเลือกตั้งแสดงว่านายกฯให้ความสนใจกับการเมืองมากกว่าเรื่องของบ้านเมืองใช่หรือไม่’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ส่วนการพบกันระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ในบ่ายวันนี้(14 พ.ย. 47)นั้น นายองอาจ กล่าวว่า ถ้าจุดมุ่งหมายของนายกฯในการให้คณะอาจารย์เข้าพบเป็นเพียงแค่ต้องการลดภาพการไม่ฟังใครลง ก็น่าเสียดายที่ความมุ่งหมายที่ดีของอาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมากจะถูกทำให้เป็นหมันไป พรรคประชาธิปัตย์จึงอยากตั้งความหวังว่านายกฯจะรับฟังข้อคิดเห็นของคณะอาจารย์ด้วยความรู้สึกที่เปิดกว้าง และไม่มีอคติใดๆ ‘เชื่อว่าถ้านายกฯเปิดใจกว้างและพร้อมที่จะรับฟังอย่างแท้จริง ไม่แค่ต้องการสร้างภาพ ลบปมด้อยในเรื่องไม่ฟังใคร ก็เชื่อว่าการพบปะกันในบ่ายวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการฟังความเห็นที่แตกต่าง เพื่อนำไปแก้ปัญหา’ นายองอาจกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-