นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนมีความเป็นห่วงในสถานการณ์บ้านเมืองในช่วง 6 เดือนก่อนและหลังการเลือกตั้ง เพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลเร่งหาเสียงให้กับพรรคการเมืองของตัวเองมากกว่าจะเอาใจใส่กับปัญหาของประชาชน ซึ่งเรื่องที่กังวลมากคือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่ปกติ เพราะเริ่มมีตัวเลขที่น่ากังวลออกมาบ้างแล้ว กระทรวงการคลังที่เปรียบเสมือนแม่บ้าน คอยดูแลทางด้านเศรษฐกิจตลอดเวลารัฐบาลก็นำออกไปสัญจร
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ประเด็นไม่ปกติที่เห็นชัดที่สุดคือเรื่องราคาน้ำมัน ที่ถึงแม้ขณะนี้จะลดลงบ้างแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับสภาพว่าค่าใช้จ่ายทางด้านน้ำมันสำหรับทุกครัวเรือนสูงมาก และทำให้ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยลดน้อยลง เศรษฐกิจที่เป็นภาพที่แท้จริงมีปัญหามาก เพราะไม่สามารถทำมาค้าขายได้ดีกว่าปีที่แล้ว ที่แย่ซ้ำสองคือ กระทรวงการคลังมีเป้าหมายที่จะจัดเก็บภาษีในปีนี้ เป็นจำนวน 1.22 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่คิดไว้ตอนช่วงราคาน้ำมันถูกว่าขณะนี้ครึ่งหนึ่ง และเป็นเป้าหมายที่คิดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 6-7 เปอร์เซ็น แต่ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ข้าราชการก็กลัวว่าจะจัดเก็บภาษีได้ไม่เข้าเป้าตามที่รัฐบาลกำหนด คนที่เดือดร้อนก็คือประชาชนที่ค้าขายไม่ค่อยได้แต่กรมสรรพากรไปขอให้เสียภาษีเพิ่มขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้า ซึ่งตนคิดว่ารัฐบาลและกระทรวงการคลังต้องเอาใจใส่กับปัญหาอย่างนี้ จะไปวิ่งหาเสียงอย่างเดียวไม่ได้
“ภาวะที่เกิดขึ้นจากการที่ต้องชดเชยราคาน้ำมัน ถึงวันนี้ราคาน้ำมันดีเซลที่รัฐบาลพยุงไว้มีตัวเลขถึง 49,290 ล้านบาท และที่น่ากังวลมากที่สุดคือคำพูดของรัฐบาลที่บอกว่าจะตรึงราคาน้ำมันไว้จนกระทั่งเลือกตั้งเสร็จแล้ว อย่างนี้แปลว่าวันนี้เราหลอกประชาชนว่าน้ำมันราคาถูก เพื่อให้เศรษฐกิจดีไว้ก่อน พอเดือนมี.ค.เลือกตั้งเสร็จแล้วค่อยว่ากัน เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะจะเป็นปัญหามาก รัฐบาลควรขยับได้แล้ว และให้ประชาชนยอมรับความจริง เพราะไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลที่น้ำมันราคาสูง แต่เป็นความผิดของรัฐบาลที่ไปตรึงราคาไว้และไม่บอกความจริงกับประชาชน” นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเลขเรื่องรายได้ที่นายกฯบอกว่า ปีที่แล้วจัดเก็บได้เกินเป้าสูงถึงแสนกว่าล้าน แสดงว่าขาดทุนน้อยมาก และบอกว่ามีการจัดงบประมาณกลางปีใช้เงินไปกว่าแสนล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ตนได้เคยพูดไว้ว่างบประมาณกลางปีไม่น่าจะต้องจัด เพราะเป็นการใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย โดยเฉพาะเงินงบกลาง 5.9 หมื่นล้าน ก็ใช้หมดแล้ว ซึ่งหากไม่ได้นำไปใช้ วันนี้เราจะมีเงิน 5.9 หมื่นล้านสามารถนำไปชดใช้กองทุนพยุงราคาน้ำมันได้ ทัวร์นกขมิ้นเป็นตัวอย่างที่รัฐบาลใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอย่างชัดเจนที่สุด สำหรับแนวโน้มของการจัดเก็บรายได้ปีหน้าเป็นปีที่เริ่มชี้ให้เห็นว่าอันตราย เพราะหากดูตัวเลขเปรียบเทียบการจัดเก็บเดือนต่อเดือนพบว่าปี 47 เก็บได้น้อยว่าปี 46 ทุกเดือน เหล่านี้เป็นตัวเลขที่ส่งสัญญาณว่า ประชาชนเริ่มไม่มีปัญญาส่งภาษีให้รัฐบาลได้มากเท่ากับปีที่แล้ว และจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับตัวเลขมหภาคในเรื่องการขาดดุลงบประมาณหรือจัดเก็บภาษีไม่เป็นไปตามเป้า
นายกอร์ปศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า อยากฝากให้รมว.ต่างประเทศมาตอบกระทู้ของตนที่ถามเรื่อง ผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ตากใบ เพราะเป็นเรื่องทำให้ของประเทศไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งองค์กรต่างประเทศและสื่อต่างๆ ซึ่งรมว.ต่างประเทศเป็นต้องเป็นตัวแทนของประเทศในการที่รัฐบาลจะส่งชิงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ ฉะนั้นก็ต้องได้รับการตรวจสอบ ตนมีคำถามที่จะถามเยอะ จึงอยากฝากให้มาตอบกระทู้ถามของตนด้วย ส่วนเรื่องโครงการแหลมฉบัง ที่ตนได้สอบถามไปแล้ว แต่ รมต.ยังตอบไม่ชัดเจน จึงได้รวบรวมเอกสารหลักฐานไว้ และสามารถยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และสำนักเงินตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ได้ภายในวันศุกร์นี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ประเด็นไม่ปกติที่เห็นชัดที่สุดคือเรื่องราคาน้ำมัน ที่ถึงแม้ขณะนี้จะลดลงบ้างแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับสภาพว่าค่าใช้จ่ายทางด้านน้ำมันสำหรับทุกครัวเรือนสูงมาก และทำให้ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยลดน้อยลง เศรษฐกิจที่เป็นภาพที่แท้จริงมีปัญหามาก เพราะไม่สามารถทำมาค้าขายได้ดีกว่าปีที่แล้ว ที่แย่ซ้ำสองคือ กระทรวงการคลังมีเป้าหมายที่จะจัดเก็บภาษีในปีนี้ เป็นจำนวน 1.22 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่คิดไว้ตอนช่วงราคาน้ำมันถูกว่าขณะนี้ครึ่งหนึ่ง และเป็นเป้าหมายที่คิดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 6-7 เปอร์เซ็น แต่ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ข้าราชการก็กลัวว่าจะจัดเก็บภาษีได้ไม่เข้าเป้าตามที่รัฐบาลกำหนด คนที่เดือดร้อนก็คือประชาชนที่ค้าขายไม่ค่อยได้แต่กรมสรรพากรไปขอให้เสียภาษีเพิ่มขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้า ซึ่งตนคิดว่ารัฐบาลและกระทรวงการคลังต้องเอาใจใส่กับปัญหาอย่างนี้ จะไปวิ่งหาเสียงอย่างเดียวไม่ได้
“ภาวะที่เกิดขึ้นจากการที่ต้องชดเชยราคาน้ำมัน ถึงวันนี้ราคาน้ำมันดีเซลที่รัฐบาลพยุงไว้มีตัวเลขถึง 49,290 ล้านบาท และที่น่ากังวลมากที่สุดคือคำพูดของรัฐบาลที่บอกว่าจะตรึงราคาน้ำมันไว้จนกระทั่งเลือกตั้งเสร็จแล้ว อย่างนี้แปลว่าวันนี้เราหลอกประชาชนว่าน้ำมันราคาถูก เพื่อให้เศรษฐกิจดีไว้ก่อน พอเดือนมี.ค.เลือกตั้งเสร็จแล้วค่อยว่ากัน เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะจะเป็นปัญหามาก รัฐบาลควรขยับได้แล้ว และให้ประชาชนยอมรับความจริง เพราะไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลที่น้ำมันราคาสูง แต่เป็นความผิดของรัฐบาลที่ไปตรึงราคาไว้และไม่บอกความจริงกับประชาชน” นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเลขเรื่องรายได้ที่นายกฯบอกว่า ปีที่แล้วจัดเก็บได้เกินเป้าสูงถึงแสนกว่าล้าน แสดงว่าขาดทุนน้อยมาก และบอกว่ามีการจัดงบประมาณกลางปีใช้เงินไปกว่าแสนล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ตนได้เคยพูดไว้ว่างบประมาณกลางปีไม่น่าจะต้องจัด เพราะเป็นการใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย โดยเฉพาะเงินงบกลาง 5.9 หมื่นล้าน ก็ใช้หมดแล้ว ซึ่งหากไม่ได้นำไปใช้ วันนี้เราจะมีเงิน 5.9 หมื่นล้านสามารถนำไปชดใช้กองทุนพยุงราคาน้ำมันได้ ทัวร์นกขมิ้นเป็นตัวอย่างที่รัฐบาลใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอย่างชัดเจนที่สุด สำหรับแนวโน้มของการจัดเก็บรายได้ปีหน้าเป็นปีที่เริ่มชี้ให้เห็นว่าอันตราย เพราะหากดูตัวเลขเปรียบเทียบการจัดเก็บเดือนต่อเดือนพบว่าปี 47 เก็บได้น้อยว่าปี 46 ทุกเดือน เหล่านี้เป็นตัวเลขที่ส่งสัญญาณว่า ประชาชนเริ่มไม่มีปัญญาส่งภาษีให้รัฐบาลได้มากเท่ากับปีที่แล้ว และจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับตัวเลขมหภาคในเรื่องการขาดดุลงบประมาณหรือจัดเก็บภาษีไม่เป็นไปตามเป้า
นายกอร์ปศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า อยากฝากให้รมว.ต่างประเทศมาตอบกระทู้ของตนที่ถามเรื่อง ผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ตากใบ เพราะเป็นเรื่องทำให้ของประเทศไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งองค์กรต่างประเทศและสื่อต่างๆ ซึ่งรมว.ต่างประเทศเป็นต้องเป็นตัวแทนของประเทศในการที่รัฐบาลจะส่งชิงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ ฉะนั้นก็ต้องได้รับการตรวจสอบ ตนมีคำถามที่จะถามเยอะ จึงอยากฝากให้มาตอบกระทู้ถามของตนด้วย ส่วนเรื่องโครงการแหลมฉบัง ที่ตนได้สอบถามไปแล้ว แต่ รมต.ยังตอบไม่ชัดเจน จึงได้รวบรวมเอกสารหลักฐานไว้ และสามารถยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และสำนักเงินตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ได้ภายในวันศุกร์นี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-