นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่าเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลเป็นจำนวนมาก โดย ในส่วนของชีวิตและทรัพย์สินที่ได้มีการทำประกันภัยไว้นั้น กรมการประกันภัยได้เข้าไปดูแลและเร่งรัดให้บริษัทประกันภัยต่างๆ จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยมาโดยตลอด บริษัทประกันภัยต่างๆ ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยไปแล้วกว่า 90% ของความเสียหายที่ได้ทำประกันภัยไว้ ซึ่งส่วนที่เหลืออีก 10 % ที่ยังจ่ายค่าสินไหมทดแทนไม่แล้วเสร็จนั้น บางส่วนเป็นผลมาจากการประกันภัยชีวิตหรืออุบัติเหตุที่จำเป็นต้องรอขั้นตอนทางศาลเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ปกครองของผู้รับประโยชน์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ และบางส่วนมาจากประกันภัยที่เรียกว่า การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก ซึ่งการจ่ายค่าสินไหมทดแทนต้องทยอยจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามระยะของความเสียหายจนกว่าการดำเนินงานของธุรกิจจะเป็นไปตามปกติได้
นาวสาวพจนีย์ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการจ่ายผลประโยชน์และค่าสินไหมทดแทน ดังนี้
1. การรับประกันภัยที่มีการจ่ายเงินผลประโยชน์ และค่าสินไหมทดแทนเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งสิ้น 3,885 ราย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 8,805 ล้านบาท ที่ยังจ่ายไม่ครบถ้วน รวมทั้งสิ้น 235 ราย เป็นจำนวนเงิน 1,068 ล้านบาท โดยแยกตามประเภทการรับประกันภัย ดังนี้
1.1 การประกันชีวิต
บริษัทประกันชีวิตได้จ่ายผลประโยชน์ให้กับผู้รับประโยชน์หรือทายาทแล้ว 637 ราย เป็นจำนวนเงิน 297 ล้านบาท และยังไม่จ่ายจ่ายเงินผลประโยชน์ 17 ราย เป็นจำนวนเงิน 11 ล้านบาท
1.2 การประกันวินาศภัย
บริษัทประกันวินาศภัยได้มีการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน/ค่าทดแทนครบถ้วนแล้ว 3,248 ราย เป็นจำนวนเงิน 8,508 ล้านบาท และยังจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน/ค่าทดแทนไม่ครบถ้วน 218 ราย เป็นจำนวนเงิน 1,057 ล้านบาท ประกอบด้วย
(1) การประกันภัยทรัพย์สิน เช่น การประกันอัคคีภัยการประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) เป็นต้น มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนครบถ้วนแล้ว 1,081 ราย เป็นจำนวนเงิน 7,680 ล้านบาท และยังจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน/ค่าทดแทนไม่ครบถ้วน 74 ราย เป็นจำนวนเงิน 374 ล้านบาท
(2) การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก(Business Interruption) มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนครบถ้วนแล้ว 23 ราย เป็นจำนวนเงิน 189 ล้านบาท และยังไม่จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน/ค่าทดแทนไม่ครบถ้วน 30 ราย เป็นจำนวนเงิน 667 ล้านบาท
(3) การประกันภัยรถยนต์ มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนครบถ้วนแล้ว 1,511 ราย เป็นจำนวนเงิน 542 ล้านบาท และยังจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน/ค่าทดแทนไม่ครบถ้วน 91 ราย เป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท
(5) การประกันภัยอุบัติเหตุเอื้ออาทร และเอื้ออาทรนักเรียนมีการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์แล้ว 37 ราย เป็นจำนวนเงิน 4 ล้านบาท และยังไม่จ่ายเงินผลประโยชน์ 4 รายเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท
2. สำหรับเหตุผลของการจ่ายผลประโยชน์ หรือค่าสินไหมทดแทนที่ยังไม่สามารถจ่ายได้ครบถ้วนนั้น แยกออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
2.1 การประกันชีวิต การประกันภัยบุคคล และการประกันภัยอุบัติเหตุเอื้ออาทร พบว่ามี 3 กรณี คือ กรณีที่ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์เสียชีวิตพร้อมกันยังไม่มีทายาทผู้เสียชีวิตมายื่นขอรับเงินตามกรมธรรม์ประกันภัย กรณีที่ผู้รับประโยชน์เป็นผู้เยาว์ ซึ่งต้องรอคำสั่งศาลในการแต่งตั้งผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ และกรณีผู้รับประโยชน์เป็นสถาบันการเงินและยังไม่ดำเนินการขอรับเงินผลประโยชน์
2.2 การประกันวินาศภัย พบว่ามีกรณีของการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก ซึ่งต้องมีการทยอยจ่ายค่าสินไหมเป็นระยะ และมีกรณีที่บริษัทประกันภัยได้เสนอจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนให้ ผู้เอาประกันภัยแล้วแต่ผู้เอาประกันภัยยังไม่ตกลงรับเงินตามจำนวนดังกล่าว และมีกรณีที่ผู้เอาประกันภัยยังส่งหลักฐานแสดงความเสียหายไม่ครบถ้วน
นางสาวพจนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย จะได้รับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างครบถ้วนแน่นอน แม้ว่าบางรายยังได้ไม่เต็มจำนวนแต่ก็ได้รับ ค่าสินไหมทดแทนไปบางส่วนแล้ว บริษัทประกันภัยต่างๆ ได้ให้ความร่วมมือที่ดีในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ ผ่านมา แต่ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ ธรณีพิบัติดังกล่าวถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่และความเสียหายบางอย่างเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย เช่น กรณีธุรกิจหยุดชะงักจากหตุการณ์ สึนามิที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับภาวะที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ทำให้ในช่วงแรกเกิดความเข้าใจไม่ตรงกันระหว่างบริษัทประกันภัยกับผู้เอาประกันภัยเกี่ยวกับเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย อย่างไรก็ตามปัญหาเหล่านั้นได้มีความเข้าใจตรงกันแล้ว และถือได้ว่าการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์สึนามิเป็นไปอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเหตุการณ์อื่นๆ ในโลก
ที่มา: http://www.doi.go.th