นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่นายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้พี่น้องประชาชนร่วมกันพับนก โดยจะนำไปโปรยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ วันที่ 5 ธันวาคม 2547 ว่า การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ที่แท้จริงนั้นคือนายกฯต้องรับฟังความคิดของประชาชนจากระดับล่างที่ได้รับความเดือดร้อนว่าเขาต้องการอะไรและต้องการให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างไร ไม่ใช่สั่งการมาจากด้านบนโดยความคิดของคนๆเดียว ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้ตื่นเต้นกับนโยบายในการพับนกกระดาษอีกทั้งยังไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว เพราะไม่เชื่อว่าการปล่อยนก 60 ล้านตัวนั้น จะสามารถแก้ไขปัญหาความไม่สงบได้ ตรงนี้นายกฯ ต้องอย่าทำอะไรเป็นการเมือง อย่าทำอะไรเป็นการปลุกกระแสความนิยมของประชาชนทั้ง 73 จังหวัด
‘ตนเข้าว่าตอนนี้นายกฯต้องการความนิยมจากประชาชนทั้ง 73 จังหวัด โดยที่ไม่นึงถึงความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนนี้สิ่งที่นายกฯต้องทำในการแก้ไขปัญหาคือ ไปนั่งคุยกับประชาชนในพื้นที่ ไม่ใช่ใช้นโยบายที่มีลักษณะการสั่งมากจากข้างบน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเคยสร้างความผิดพลาดในการแก้ไขปัญหามาแล้ว ‘ นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ส.ส.พัทลุง กล่าวต่อว่า การดำเนินการนโยบายต่างๆของรัฐบาลชุดนี้ไม่ควรที่จะนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะเห็นได้จากโครงการต่างๆ เช่น การประกาศสงครามกับยาเสพติด ที่รัฐบาลประกาศว่าจะปราบปรามให้หมดสิ้นเพื่อถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งโครงการดังกล่าวสร้างความเสียหาย สร้างความล้มตายให้กับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมากจึงไม่ควรจะถวายสิ่งที่เป็นมลทินกับพระองค์ เพราะฉะนั้นการโปรยนกก็เช่นกัน ท่านนายกฯสามารถดำเนินการในวันใดก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นวันที่ 5 ธันวาคม 2547
ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะเสนอชื่อรัฐมนตรีสุรเกียรติ เสถียรไทย เป็นเลขาธิการสหประชาชาตินั้น นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า รัฐบาลอาจจะลืมความเป็นจริงไปอย่างหนึ่งว่า ประเทศไทยในสายตาของต่างชาติเป็นประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุดในลำดับต้นๆ เพราะฉะนั้นการที่จะส่งรัฐมนตรีสุรเกียรติ ไปเป็นเลขาธิการสหประชาชาตินั้น ตนเชื่อว่าประเทศที่เป็นมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย อินเดีย ฯลฯ คงไม่เห็นด้วย เพราะประเทศไทยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนพี่น้องมุสลิมมากที่สุด ซึ่งความจริงแล้วเลขาธิการสหประชาชาตินั้นจะต้องไปแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพื่อให้มีสันติสุขทั่วโลก แต่ประเทศไทยไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของการสร้างสันติสุขในโลก โดยเฉพาะชุมชนในประเทศของเราเองเราก็ไม่มีสันติสุขเลย แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ตนจึงอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถ้าเรายังละเมิดสิทธิมนุษยชนของพี่น้องชาวมุสลิมอยู่เราจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศที่เป็นมุสลิม
ส.ส.พัทลุง กล่าวว่า ความจริงมีพี่น้องมุสลิมที่มีชื่อเสียงในระดับโลกและเคยทำงานสำเร็จมาแล้ว และตนเชื่อว่าถ้าเสนอชื่อบุคคลเหล่านั้น เช่น ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ ตนเชื่อว่าน่าจะได้รับการยอมรับจากพี่น้องในประเทศที่เป็นมุสลิมมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นสิ่งไหนที่รัฐบาลคิดว่าทำแล้วสำเร็จ โดยไม่ถือว่าอยู่พรรคการเมืองตรงข้ามกับรัฐบาลก็อยากให้รัฐบาลสนับสนุน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
‘ตนเข้าว่าตอนนี้นายกฯต้องการความนิยมจากประชาชนทั้ง 73 จังหวัด โดยที่ไม่นึงถึงความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนนี้สิ่งที่นายกฯต้องทำในการแก้ไขปัญหาคือ ไปนั่งคุยกับประชาชนในพื้นที่ ไม่ใช่ใช้นโยบายที่มีลักษณะการสั่งมากจากข้างบน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเคยสร้างความผิดพลาดในการแก้ไขปัญหามาแล้ว ‘ นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ส.ส.พัทลุง กล่าวต่อว่า การดำเนินการนโยบายต่างๆของรัฐบาลชุดนี้ไม่ควรที่จะนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะเห็นได้จากโครงการต่างๆ เช่น การประกาศสงครามกับยาเสพติด ที่รัฐบาลประกาศว่าจะปราบปรามให้หมดสิ้นเพื่อถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งโครงการดังกล่าวสร้างความเสียหาย สร้างความล้มตายให้กับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมากจึงไม่ควรจะถวายสิ่งที่เป็นมลทินกับพระองค์ เพราะฉะนั้นการโปรยนกก็เช่นกัน ท่านนายกฯสามารถดำเนินการในวันใดก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นวันที่ 5 ธันวาคม 2547
ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะเสนอชื่อรัฐมนตรีสุรเกียรติ เสถียรไทย เป็นเลขาธิการสหประชาชาตินั้น นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า รัฐบาลอาจจะลืมความเป็นจริงไปอย่างหนึ่งว่า ประเทศไทยในสายตาของต่างชาติเป็นประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุดในลำดับต้นๆ เพราะฉะนั้นการที่จะส่งรัฐมนตรีสุรเกียรติ ไปเป็นเลขาธิการสหประชาชาตินั้น ตนเชื่อว่าประเทศที่เป็นมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย อินเดีย ฯลฯ คงไม่เห็นด้วย เพราะประเทศไทยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนพี่น้องมุสลิมมากที่สุด ซึ่งความจริงแล้วเลขาธิการสหประชาชาตินั้นจะต้องไปแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพื่อให้มีสันติสุขทั่วโลก แต่ประเทศไทยไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของการสร้างสันติสุขในโลก โดยเฉพาะชุมชนในประเทศของเราเองเราก็ไม่มีสันติสุขเลย แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ตนจึงอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถ้าเรายังละเมิดสิทธิมนุษยชนของพี่น้องชาวมุสลิมอยู่เราจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศที่เป็นมุสลิม
ส.ส.พัทลุง กล่าวว่า ความจริงมีพี่น้องมุสลิมที่มีชื่อเสียงในระดับโลกและเคยทำงานสำเร็จมาแล้ว และตนเชื่อว่าถ้าเสนอชื่อบุคคลเหล่านั้น เช่น ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ ตนเชื่อว่าน่าจะได้รับการยอมรับจากพี่น้องในประเทศที่เป็นมุสลิมมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นสิ่งไหนที่รัฐบาลคิดว่าทำแล้วสำเร็จ โดยไม่ถือว่าอยู่พรรคการเมืองตรงข้ามกับรัฐบาลก็อยากให้รัฐบาลสนับสนุน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-