เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ (18 พ.ย. 47) ที่สนามบินกรมขนส่งทางอากาศ จังหวัดตาก นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีแนวคิดว่าหากให้3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการเลือกผู้ว่าฯโดยตรงจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้นั้น ว่า จริงๆแล้วกฎหมายเลือกตั้งองค์กรบริหารส่วนจังหวัดก็เพียงพอที่จะใช้ได้ สำคัญอยู่ที่รัฐบาล คือรัฐบาลกลางมีความพร้อมในการกระจายอำนาจ บทบาท และงบประมาณลงสู่อำนาจขององค์กรบริหารส่วนจังหวัดมากน้อยแค่ไหน ตนคิดว่ากฎหมายโดยรวมสามารถที่จะใช้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเราจะพบความจริงว่า รัฐบาลนี้ไม่ค่อยจริงใจต่อการกระจายอำนาจอย่างจริงจัง หากรัฐบาลมีความจริงใจในการกระจายอำนาจ บทบาทให้กับองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น กฎหมายเลือกตั้งที่มีอยู่แล้ว ก็สามารถที่จะนำมาใช้ได้ และเป็นการเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่เข้ามามีบทบาทในการบริหารในฐานะนายกอบต.
สำหรับที่มีเสียงคัดค้านในกรณีพับนกเพื่อที่จะโปรยลงสู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีความขัดแย้งว่าอาจจะผิดวิถีชาวบ้าน นายบัญญัติ ให้ความเห็นว่า ตนยังไม่ทราบว่าจะมีวิธีการดำเนินการอย่างไร ยังนึกภาพไม่ออกว่า ในทางการบริหารจัดการจะมีผลอย่างไร ถ้าหากมีการโปรยนกจะมีผลนำไปสู่อะไร หรือเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นเท่านั้น หากทำเช่นนี้จะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาแล้วหรือ
นายบัญญัติ กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาภาคใต้มีเพียงการร่วมมือของคนในพื้นที่ที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่เข้ามามีบทบาทและส่วนร่วม ดังเช่นเมื่อวานที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งให้ทหารและตำรวจ ร่วมมือกัน ตนคิดว่าพระองค์คงมีพระประสงค์จะส่งสัญญาณว่า ให้มีความร่วมมือกันอย่างเป็นเอกภาพ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นมาก ความจริงปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงอยู่แล้ว แต่ยังมองไม่เห็นว่าเมื่อไหร่ความเป็นเอกภาพจะเกิดขึ้น เพราะอยู่ตรงที่ว่ารัฐบาลเห็นแล้วหรือยังว่า เวลาที่ผ่านมาประเมินสถานการณ์ผิด ตลอดทั้งนโยบายหลายๆอย่างก็ผิด วันนี้จึงควรมีการทบทวนกันใหม่ ควรมุ่งสร้างความเป็นเอกภาพ และความร่วมมือ เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายรวมทั้งคนในพื้นที่มีบทบาทและมีส่วนร่วม
สำหรับกรณีท่าทีนายกฯที่แสดงความแข็งกร้าว เช่นออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “จะไม่เอาไว้ทำพ่อ” หน.พรรคปชป. กล่าวว่า ตนได้ฟังแล้วก็รู้สึกตกใจ ส่วนจะทำให้มีผลกระทบต่อสถานการณ์อย่างไรหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป เมื่อมาถึงวันนี้สถานการณ์เริ่มจะรุนแรงมากขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งพระบาทสมเด็จพระนางพระบรมราชินีนาถ ได้แสดงถึงความห่วงใยขนาดนี้ รัฐบาลควรเริ่มต้นทำอะไรดีๆได้แล้ว
กรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทยออกมาบอกว่า อาจจะเป็นไปได้ที่พรรคไทยรักไทยจะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามาพูด และเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ และแนวทางของพรรคไทยรักไทยแตกต่างกันมาโดยตลอด และตนก็ได้ยืนยันแล้วว่า หากพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคมาร่วมกัน การตรวจสอบในระบอบรัฐสภาจะอ่อนแอ ซึ่งจะส่งผลไม่ดีต่อระบอบประชาธิปไตยได้ ตนคิดว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันในแนวทางนั้นมาตลอดว่า 2 พรรคการเมืองใหญ่ไม่ควรร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เพราะจะขาดอำนาจถ่วงดุลย์ ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าพรรคไทยรักไทยกำลังหาแนวร่วม ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องภายในของพรรคไทยรักไทย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
สำหรับที่มีเสียงคัดค้านในกรณีพับนกเพื่อที่จะโปรยลงสู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีความขัดแย้งว่าอาจจะผิดวิถีชาวบ้าน นายบัญญัติ ให้ความเห็นว่า ตนยังไม่ทราบว่าจะมีวิธีการดำเนินการอย่างไร ยังนึกภาพไม่ออกว่า ในทางการบริหารจัดการจะมีผลอย่างไร ถ้าหากมีการโปรยนกจะมีผลนำไปสู่อะไร หรือเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นเท่านั้น หากทำเช่นนี้จะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาแล้วหรือ
นายบัญญัติ กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาภาคใต้มีเพียงการร่วมมือของคนในพื้นที่ที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่เข้ามามีบทบาทและส่วนร่วม ดังเช่นเมื่อวานที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งให้ทหารและตำรวจ ร่วมมือกัน ตนคิดว่าพระองค์คงมีพระประสงค์จะส่งสัญญาณว่า ให้มีความร่วมมือกันอย่างเป็นเอกภาพ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นมาก ความจริงปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงอยู่แล้ว แต่ยังมองไม่เห็นว่าเมื่อไหร่ความเป็นเอกภาพจะเกิดขึ้น เพราะอยู่ตรงที่ว่ารัฐบาลเห็นแล้วหรือยังว่า เวลาที่ผ่านมาประเมินสถานการณ์ผิด ตลอดทั้งนโยบายหลายๆอย่างก็ผิด วันนี้จึงควรมีการทบทวนกันใหม่ ควรมุ่งสร้างความเป็นเอกภาพ และความร่วมมือ เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายรวมทั้งคนในพื้นที่มีบทบาทและมีส่วนร่วม
สำหรับกรณีท่าทีนายกฯที่แสดงความแข็งกร้าว เช่นออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “จะไม่เอาไว้ทำพ่อ” หน.พรรคปชป. กล่าวว่า ตนได้ฟังแล้วก็รู้สึกตกใจ ส่วนจะทำให้มีผลกระทบต่อสถานการณ์อย่างไรหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป เมื่อมาถึงวันนี้สถานการณ์เริ่มจะรุนแรงมากขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งพระบาทสมเด็จพระนางพระบรมราชินีนาถ ได้แสดงถึงความห่วงใยขนาดนี้ รัฐบาลควรเริ่มต้นทำอะไรดีๆได้แล้ว
กรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทยออกมาบอกว่า อาจจะเป็นไปได้ที่พรรคไทยรักไทยจะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามาพูด และเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ และแนวทางของพรรคไทยรักไทยแตกต่างกันมาโดยตลอด และตนก็ได้ยืนยันแล้วว่า หากพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคมาร่วมกัน การตรวจสอบในระบอบรัฐสภาจะอ่อนแอ ซึ่งจะส่งผลไม่ดีต่อระบอบประชาธิปไตยได้ ตนคิดว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันในแนวทางนั้นมาตลอดว่า 2 พรรคการเมืองใหญ่ไม่ควรร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เพราะจะขาดอำนาจถ่วงดุลย์ ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าพรรคไทยรักไทยกำลังหาแนวร่วม ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องภายในของพรรคไทยรักไทย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-