กรุงเทพ--23 พ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวานนี้ (22 พฤศจิกายน 2547) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี ประธาน คณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันรถอาเซียน-อินเดีย ได้แถลงข่าวการแข่งขันรถอาเซียน-อินเดีย (ASEAN-India car rally) ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. การแข่งขันรถฯ ดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่อาเซียนและอินเดียร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม 2547 โดยในวันที่ 22 พฤศจิกายน นี้ เวลา 13.30 น. (ประมาณ 15.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) นาย Manmohan Singh นายกรัฐมนตรีอินเดีย จะเป็นประธานในพิธีปล่อยรถที่เข้าร่วมการแข่งขันที่เมือง Guwahati ในรัฐอัสสัมของอินเดียต่อจากนั้นขบวนรถจะเดินทางผ่านพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และฉลองเส้นชัยที่เกาะบาตัมของอินโดนีเซีย (ขาดเพียงฟิลิปปินส์และบรูไนซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ห่างออกไป)
2. การแข่งขันรถอาเซียน-อินเดียครั้งนี้เป็นผลมาจากการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 2 เมื่อเดือนตุลาคม 2546 ที่บาหลี อินโดนีเซีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้สาธารณชนของประเทศสมาชิกอาเซียนและอินเดียทราบถึงความใกล้ชิดทั้งทางด้านภูมิศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและอินเดีย ที่มีมาครบ 1 รอบ หรือ 12 ปี (ปี 2535-2547) รวมทั้งส่งเสริมโอกาสในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางบก ตลอดจนความร่วมมือทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการติดต่อระดับประชาชนระหว่างอาเซียนกับอินเดีย ทั้งนี้ การแข่งขันรถฯ ครั้งนี้มิใช่การแข่งขันด้วยความเร็ว แต่เป็นการแข่งมิตรภาพ โดยมีรถเข้าร่วมประมาณ 60 คัน จาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนและอินเดีย ซึ่งในส่วนของไทยส่งทีมรถเข้าร่วมการแข่งขัน 3 คัน และผู้เข้าร่วม 12 คน
3. ขบวนรถที่เข้าแข่งขันจะเดินทางผ่านประเทศไทย 2 ช่วงเวลาคือ
(1) ระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2547 โดยขบวนรถจะวิ่งผ่านพม่าทางเหนือและมาเข้าไทยที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และจะพักค้างคืนที่จังหวัดพิษณุโลก จากนั้นจะเดินทางผ่านจังหวัดเลย อุดรธานี ไปพักค้างคืนที่จังหวัดหนองคาย ก่อนที่จะเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวไปเวียงจันทน์ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งในวันดังกล่าวผู้นำอาเซียนและอินเดียที่อยู่ระหว่างการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 10 จะทำพิธีปล่อยขบวนรถแข่งจากเวียงจันทน์ไปยังเวียดนาม
(2) ระหว่างวันที่ 7-9 ธันวาคม 2547 ซึ่งขบวนรถแข่งจะเดินทางจากกัมพูชาเข้าไทยที่จังหวัดสระแก้ว และเดินทางมาแวะพักค้างคืนที่โรงแรมพลาซา แอธนี กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีนักเรียนโรงเรียนธัญญาวิทยาเล่นกลองยาวต้อนรับ หลังจากนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะมาร่วมในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงแรมฯ และมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ในวันที่ 8 ธันวาคม 2547 เวลา 08.00 น. นายสุวัจน์ฯ จะเป็นประธานในพิธีปล่อยรถที่บริเวณหน้าโรงแรมฯ ขบวนรถแข่งจะเดินทางต่อไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี และออกจากประเทศไทยที่ด่านสะเดา จังหวัดสงขลาในวันที่ 9 ธันวาคม 2547 เพื่อต่อไปยังมาเลเซีย
4. การที่ขบวนรถแข่งต้องวิ่งผ่านประเทศไทยถึง 2 ครั้ง โดยวิ่งผ่านจังหวัดต่างๆ ถึง 23 จังหวัด และใช้เวลาในประเทศไทยนานถึง 6 วัน จากระยะเวลาการแข่งขันทั้งสิ้น 20 วัน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของไทยในฐานะศูนย์กลางของการคมนาคมทางบกในภูมิภาค ซึ่งการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางบกเชื่อมต่อระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะการพัฒนาเส้นทาง East-West Economic Corridor เชื่อมโยงทะเลจีนตอนใต้จากเมืองดานังของเวียดนามผ่านเส้นทางหมายเลข 9 เข้าลาวและไทยที่จังหวัดมุกดาหาร พิษณุโลก และตากไปออกทะเลอันดามันที่พม่า และเส้นทาง North-South Economic Corridor เชื่อมโยงคุนหมิงทางตอนใต้ของจีนกับไทย โดยผ่านลาวและอาจต่อเนื่องลงไปถึงสิงคโปร์ นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางอากาศ โดยเร่งการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิให้แล้วเสร็จและสามารถจะเปิดใช้งานภายในปีหน้า เพื่อใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศให้มากที่สุด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวานนี้ (22 พฤศจิกายน 2547) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี ประธาน คณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันรถอาเซียน-อินเดีย ได้แถลงข่าวการแข่งขันรถอาเซียน-อินเดีย (ASEAN-India car rally) ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. การแข่งขันรถฯ ดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่อาเซียนและอินเดียร่วมกันจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม 2547 โดยในวันที่ 22 พฤศจิกายน นี้ เวลา 13.30 น. (ประมาณ 15.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) นาย Manmohan Singh นายกรัฐมนตรีอินเดีย จะเป็นประธานในพิธีปล่อยรถที่เข้าร่วมการแข่งขันที่เมือง Guwahati ในรัฐอัสสัมของอินเดียต่อจากนั้นขบวนรถจะเดินทางผ่านพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และฉลองเส้นชัยที่เกาะบาตัมของอินโดนีเซีย (ขาดเพียงฟิลิปปินส์และบรูไนซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ห่างออกไป)
2. การแข่งขันรถอาเซียน-อินเดียครั้งนี้เป็นผลมาจากการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 2 เมื่อเดือนตุลาคม 2546 ที่บาหลี อินโดนีเซีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้สาธารณชนของประเทศสมาชิกอาเซียนและอินเดียทราบถึงความใกล้ชิดทั้งทางด้านภูมิศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและอินเดีย ที่มีมาครบ 1 รอบ หรือ 12 ปี (ปี 2535-2547) รวมทั้งส่งเสริมโอกาสในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางบก ตลอดจนความร่วมมือทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการติดต่อระดับประชาชนระหว่างอาเซียนกับอินเดีย ทั้งนี้ การแข่งขันรถฯ ครั้งนี้มิใช่การแข่งขันด้วยความเร็ว แต่เป็นการแข่งมิตรภาพ โดยมีรถเข้าร่วมประมาณ 60 คัน จาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนและอินเดีย ซึ่งในส่วนของไทยส่งทีมรถเข้าร่วมการแข่งขัน 3 คัน และผู้เข้าร่วม 12 คน
3. ขบวนรถที่เข้าแข่งขันจะเดินทางผ่านประเทศไทย 2 ช่วงเวลาคือ
(1) ระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2547 โดยขบวนรถจะวิ่งผ่านพม่าทางเหนือและมาเข้าไทยที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และจะพักค้างคืนที่จังหวัดพิษณุโลก จากนั้นจะเดินทางผ่านจังหวัดเลย อุดรธานี ไปพักค้างคืนที่จังหวัดหนองคาย ก่อนที่จะเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวไปเวียงจันทน์ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งในวันดังกล่าวผู้นำอาเซียนและอินเดียที่อยู่ระหว่างการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 10 จะทำพิธีปล่อยขบวนรถแข่งจากเวียงจันทน์ไปยังเวียดนาม
(2) ระหว่างวันที่ 7-9 ธันวาคม 2547 ซึ่งขบวนรถแข่งจะเดินทางจากกัมพูชาเข้าไทยที่จังหวัดสระแก้ว และเดินทางมาแวะพักค้างคืนที่โรงแรมพลาซา แอธนี กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีนักเรียนโรงเรียนธัญญาวิทยาเล่นกลองยาวต้อนรับ หลังจากนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะมาร่วมในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงแรมฯ และมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ในวันที่ 8 ธันวาคม 2547 เวลา 08.00 น. นายสุวัจน์ฯ จะเป็นประธานในพิธีปล่อยรถที่บริเวณหน้าโรงแรมฯ ขบวนรถแข่งจะเดินทางต่อไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี และออกจากประเทศไทยที่ด่านสะเดา จังหวัดสงขลาในวันที่ 9 ธันวาคม 2547 เพื่อต่อไปยังมาเลเซีย
4. การที่ขบวนรถแข่งต้องวิ่งผ่านประเทศไทยถึง 2 ครั้ง โดยวิ่งผ่านจังหวัดต่างๆ ถึง 23 จังหวัด และใช้เวลาในประเทศไทยนานถึง 6 วัน จากระยะเวลาการแข่งขันทั้งสิ้น 20 วัน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของไทยในฐานะศูนย์กลางของการคมนาคมทางบกในภูมิภาค ซึ่งการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางบกเชื่อมต่อระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะการพัฒนาเส้นทาง East-West Economic Corridor เชื่อมโยงทะเลจีนตอนใต้จากเมืองดานังของเวียดนามผ่านเส้นทางหมายเลข 9 เข้าลาวและไทยที่จังหวัดมุกดาหาร พิษณุโลก และตากไปออกทะเลอันดามันที่พม่า และเส้นทาง North-South Economic Corridor เชื่อมโยงคุนหมิงทางตอนใต้ของจีนกับไทย โดยผ่านลาวและอาจต่อเนื่องลงไปถึงสิงคโปร์ นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางอากาศ โดยเร่งการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิให้แล้วเสร็จและสามารถจะเปิดใช้งานภายในปีหน้า เพื่อใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศให้มากที่สุด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-