นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังประชุมคณะผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า วันนี้พรรคได้พิจารณากฎหมายที่พรรคได้เคยเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา และพบว่ามีกฎหมายหลายฉบับที่ไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาล ทั้งๆที่หลายฉบับเป็นกฎหมายสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น กฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยและอาชีวะอนามัยของผู้ใช้แรงงาน กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องของการขจัดความรุนแรงต่อสตรี เป็นต้น ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะดำเนินการในการผลักดันกฎหมายที่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนต่อไป
ส่วนการพิจารณาผู้สมัครส.ส.ของพรรควันนี้ที่ประชุมได้มีมติเปลี่ยนแปลงผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งใน จ.สตูล คือ เขต 1 นายแพทย์อสิ มะหะมัดยังกี แทนนายธานินทร์ ใจสมุทร ที่จะไปลงในเขต 2 ส่วนนายสนั่น สุธากูล จะขึ้นไปอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ และในกรุงเทพมหานครมีมติให้ นายกรณ์ จาติกวนิช ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 6 สาทร-ยานนาวา แทน อ.เจริญ คันธวงศ์ ส.ส.พื้นที่เดิมที่จะขึ้นไปอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ ทั้งนี้การพิจารณาผู้สมัครในกรุงเทพฯยังเหลือ 4 — 5 เขตที่ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากมีผู้สนใจจะลงสมัครในนามของพรรคหลายคน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคัดสรรผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตามคาดว่าประมาณต้นเดือนธันวาคมการพิจารณาผู้สมัครส.ส. กทม.ของพรรคจะเสร็จสิ้นเรียบร้อย
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้รับรายงานจากรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลในภาคต่างๆว่าผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคมีความวิตกกังวล คือ 1. มีผู้สมัครบางพรรคใช้เงินมาก และเป็นการใช้เงินที่ไม่เกรงกลัวต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง 2. มีการใช้อำนาจรัฐ โดยมีการแจกสิ่งของ เงินทอง ผ่านทางระบบราชการ และทำให้ประชาชนเชื่อว่าได้รับจากผู้สมัครจากบางพรรคการเมือง และ 3. มีการใช้อำนาจของข้าราชการในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์โดยไม่มีที่มาที่ไป เช่น การเข้าตรวจสอบภาษี เป็นต้น
ส่วนกรณีที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะจัดให้ 4 หัวหน้าพรรคการเมืองร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ “เลือกตั้ง ’48 อนาคตประเทศไทย” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบรับที่จะเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้แล้ว แต่ทราบว่าหัวหน้าพรรคไทยรักไทยอาจจะไม่เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ พรรคประชาธิปัตย์จึงอยากเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่ประกาศตัวว่าจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ดังนั้นข้ออ้างที่นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทยบอกว่ามีงานราชการอื่นที่สำคัญกว่าต้องทำเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น ‘ท่านหัวหน้าพรรคไทยรักไทยคงจะสามารถจัดสรรเวลาได้ ถ้าท่านมองเห็นว่ากิจกรรมครั้งนี้เป็นกิจกรรมจำเป็น ที่สมควรให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้เห็นถึงความรู้ความสามารถ รวมทั้งความคิดความอ่านในการที่จะเข้ามารับผิดชอบบ้านเมืองในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง จึงอยากเรียกร้องไปยังหัวหน้าพรรคไทยรักไทยด้วยว่าไม่ควรหนีการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ โดยยกข้ออ้างต่างๆขึ้นมาบังหน้า’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
ส่วนการพิจารณาผู้สมัครส.ส.ของพรรควันนี้ที่ประชุมได้มีมติเปลี่ยนแปลงผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งใน จ.สตูล คือ เขต 1 นายแพทย์อสิ มะหะมัดยังกี แทนนายธานินทร์ ใจสมุทร ที่จะไปลงในเขต 2 ส่วนนายสนั่น สุธากูล จะขึ้นไปอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ และในกรุงเทพมหานครมีมติให้ นายกรณ์ จาติกวนิช ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 6 สาทร-ยานนาวา แทน อ.เจริญ คันธวงศ์ ส.ส.พื้นที่เดิมที่จะขึ้นไปอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ ทั้งนี้การพิจารณาผู้สมัครในกรุงเทพฯยังเหลือ 4 — 5 เขตที่ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากมีผู้สนใจจะลงสมัครในนามของพรรคหลายคน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคัดสรรผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตามคาดว่าประมาณต้นเดือนธันวาคมการพิจารณาผู้สมัครส.ส. กทม.ของพรรคจะเสร็จสิ้นเรียบร้อย
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้รับรายงานจากรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลในภาคต่างๆว่าผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคมีความวิตกกังวล คือ 1. มีผู้สมัครบางพรรคใช้เงินมาก และเป็นการใช้เงินที่ไม่เกรงกลัวต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง 2. มีการใช้อำนาจรัฐ โดยมีการแจกสิ่งของ เงินทอง ผ่านทางระบบราชการ และทำให้ประชาชนเชื่อว่าได้รับจากผู้สมัครจากบางพรรคการเมือง และ 3. มีการใช้อำนาจของข้าราชการในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์โดยไม่มีที่มาที่ไป เช่น การเข้าตรวจสอบภาษี เป็นต้น
ส่วนกรณีที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะจัดให้ 4 หัวหน้าพรรคการเมืองร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ “เลือกตั้ง ’48 อนาคตประเทศไทย” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบรับที่จะเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้แล้ว แต่ทราบว่าหัวหน้าพรรคไทยรักไทยอาจจะไม่เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ พรรคประชาธิปัตย์จึงอยากเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่ประกาศตัวว่าจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ดังนั้นข้ออ้างที่นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทยบอกว่ามีงานราชการอื่นที่สำคัญกว่าต้องทำเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น ‘ท่านหัวหน้าพรรคไทยรักไทยคงจะสามารถจัดสรรเวลาได้ ถ้าท่านมองเห็นว่ากิจกรรมครั้งนี้เป็นกิจกรรมจำเป็น ที่สมควรให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้เห็นถึงความรู้ความสามารถ รวมทั้งความคิดความอ่านในการที่จะเข้ามารับผิดชอบบ้านเมืองในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง จึงอยากเรียกร้องไปยังหัวหน้าพรรคไทยรักไทยด้วยว่าไม่ควรหนีการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ โดยยกข้ออ้างต่างๆขึ้นมาบังหน้า’ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-