ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นมาตรการที่กำหนดให้สอดคล้องกับนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและประหยัดพลังงานในระยะยาว ตลอดจนเป็นการลดการนำเข้าพลังงาน ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ อันจะมีส่วนช่วยในการรักษาดุลการชำระเงินของชาติด้วย
มาตรการที่นำเสนอข้างต้น มีสาระสำคัญให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลซึ่งได้ทำการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เดิมเป็นอุปกรณ์ที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน สามารถหักรายจ่ายเพื่อการลงทุนได้ในอัตรา 1.25 เท่าของมูลค่าทรัพย์สิน สำหรับมูลค่าการลงทุน 50 ล้านบาทแรก โดยให้ทยอยหักรายจ่ายดังกล่าวภายใน 5 รอบระยะเวลาบัญชี นับแต่วันที่ทรัพย์สินนั้นใช้งานได้ โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
1. อุปกรณ์ประหยัดพลังงานดังกล่าวจะต้องพร้อมใช้งานภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549
2. ผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ฯ จะต้องไม่ได้รับหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาขอรับการสนับสนุนจากโครงการอื่นใดเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3. การหักรายจ่ายต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
มาตรการที่นำเสนอข้างต้นคาดว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ภาษีอากรประมาณ 3,210 ล้านบาท อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าพลังงาน อันจะส่งผลดีต่อดุลการชำระเงินและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ซึ่งจะเป็นการประหยัดพลังงานของประเทศ อันจะส่ง ผลดีต่อการจัดเก็บภาษีในระยะยาวต่อไป
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 28/2548 26 เมษายน 2548--
มาตรการที่นำเสนอข้างต้น มีสาระสำคัญให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลซึ่งได้ทำการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เดิมเป็นอุปกรณ์ที่มีผลต่อการประหยัดพลังงาน ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน สามารถหักรายจ่ายเพื่อการลงทุนได้ในอัตรา 1.25 เท่าของมูลค่าทรัพย์สิน สำหรับมูลค่าการลงทุน 50 ล้านบาทแรก โดยให้ทยอยหักรายจ่ายดังกล่าวภายใน 5 รอบระยะเวลาบัญชี นับแต่วันที่ทรัพย์สินนั้นใช้งานได้ โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
1. อุปกรณ์ประหยัดพลังงานดังกล่าวจะต้องพร้อมใช้งานภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549
2. ผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ฯ จะต้องไม่ได้รับหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาขอรับการสนับสนุนจากโครงการอื่นใดเพื่อการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
3. การหักรายจ่ายต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
มาตรการที่นำเสนอข้างต้นคาดว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ภาษีอากรประมาณ 3,210 ล้านบาท อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าพลังงาน อันจะส่งผลดีต่อดุลการชำระเงินและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ซึ่งจะเป็นการประหยัดพลังงานของประเทศ อันจะส่ง ผลดีต่อการจัดเก็บภาษีในระยะยาวต่อไป
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 28/2548 26 เมษายน 2548--