'นิพิฎฐ์'กระทู้ถาม ใช้ขรก.-จนท.ของรัฐ เป็นเครื่องมือในทางการเมือง เพื่อหวังผลการเลือกตั้ง อัดยับ 'รัฐบาลเล่นกับไม่ขีด' ใช้การเมืองแทรกแซงศาสนา ด้าน 'พีระพันธุ์' ข้องใจรัฐบาลซื้อเครื่องบินใช้เอง ไม่คำนึงถึงอายุการใช้งาน'เครื่องบินพระที่นั่ง'ที่ใกล้หมดอายุ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดเรื่อง การใช้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเครื่องมือในทางการเมือง ถามนายกรัฐมนตรีว่า การที่นายกฯ ไม่มาตอบคำถามในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้มีการบันทึกไว้ว่าเป็นนายกรัฐมนตรี คนแรกของสภานี้ที่ไม่ยอมรับการตรวจสอบของสภาแม้แต่ครั้งเดียว หนีการตอบคำถามมาตลอด 4 ปี ถือว่าไม่กล้าและกล้าเพียงในงานสโมสร ซึ่งว่ากันว่า เผด็จการกลัวสภากลัวประชาชน แต่ก็ยังให้เกียรติตัวแทนประชาชน แต่รัฐบาลนี้เป็นยิ่งกว่าอีก
“การตั้งกระทู้ถามถามนายกรัฐมนตรีหลายครั้งในสภาแห่งนี้ ทุกครั้งที่ตั้งกระทู้ถามถามท่านนายกฯไม่ๆได้มาตอบแม้แต่ครั้งเดียวและผมจะบอกว่า ผมค่อนข้างผิดหวังและเสียใจที่ท่านนายกฯไม่ให้เกียรติ์แก่สภาฯแห่งนี้ แต่วันนี้ผมไม่เสียใจครับ วันนี้ผมไม่น้อยใจครับ วันนี้ผมดีใจเสียด้วยซ้ำ ที่ท่านนายกฯไม่มาตอบคำถามของผมในสภาฯแห่งนี้ เพราะอะไรครับท่านประธานครับ เพราะท่านนายกฯจะเป็นนายกฯคนแรกของรัฐสภาแห่งประเทศนี้ ที่จะถูกจารึกไว้ว่า ไม่ยอมรับการตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎรแม้แต่ครั้งเดียว” นายนิพิฎฐ์ กล่าว
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลใช้เจ้าหน้าที่และงบประมาณของรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อหวังผลทางการเลือกตั้ง โดยเมื่อกลางปี 2547กระทรวงมหาดไทยได้ย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยแต่กลางเดือนกันยายน 2547 นายเนวิน ชิดชอบ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ไปพบประชาชนที่พัทลุงต่อรองว่าถ้าไม่อยากให้ย้ายผู้ว่าฯ ต้องเลือกพรรคไทยรักไทย จากนั้นปลัดกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้ว่าฯพัทลุงคนเดิมมารักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯพัทลุงเป็นการต่อรองตำแหน่งผู้ว่าฯ โดยยึดประชาชนเป็นตัวประกัน
นอกจากนี้ผู้ว่าฯพัทลุงยังได้เป็นประธานสั่งข้าราชการทำโพลสำรวจความเห็นเกี่ยวกับส.ส.พัทลุง โดยใช้งบประมาณแผ่นดิน เพื่อผลประโยชน์ของพรรคไทยรักไทย และยังใช้ศาลากลางจังหวัดเป็นที่ทำการของพรรคไทยรักไทยด้วย ซึ่งนอกจากที่พัทลุงแล้วปัญหานี้ยังเกิดไปทั่วทุกจังหวัด
นายนิพิฏฐ์ อภิปรายต่อว่าในวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เลขาธิการพรรคไทยรักไทย พร้อมนายเนวินได้เดินทางไปภาคใต้โดยก่อนกลับผู้ว่าฯพัทลุงได้ไปรอพบที่สนามบินหาดใหญ่ เพื่อสรุปสถานการณ์การเมืองให้เลขาธิการพรรคไทยรักไทยทราบ และเลขาธิการพรรคไทยรักไทยได้จ่ายเงินให้ผู้สมัคร ส.ส.ทุกเขตต่อหน้าผู้ว่าฯพัทลุงจึงอยากให้มีการนำเรื่องนี้ไปฟ้องร้อง ซึ่งพร้อมที่จะนำชาวบ้านและเทปอัดเสียงการพูดคุยระหว่างตนเองกับนายอำเภอหลายคนมายืนยัน อยากให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นัดวันมา ซึ่งในการพูดคุยกับนายอำเภอมีการระบุว่า ผู้ว่าฯพัทลุงสั่งนายอำเภอให้เดินหาเสียงให้พรรคไทยรักไทย ทำให้รู้สึกอึดอัด และที่พูดเพื่อปกป้องเกียรติของกระทรวงมหาดไทย และไม่เคยมีครั้งใดที่คนชิงชังรัฐบาลเท่ากับครั้งนี้
ขณะที่นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ชี้แจงว่า ได้เดินทางไปจังหวัดพัทลุง 3 ครั้งเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนตามนโยบายรัฐบาล แต่ไม่เคยขึ้นไปบนศาลากลางจังหวัดเลย และไม่เป็นความจริงกรณีที่บอกว่าเลขาธิการพรรคไทยรักไทยมอบเงินให้ผู้สมัคร ส.ส.และผู้ว่าฯพัทลุงก็ไม่ได้ไปพบเลขาธิการพรรค แต่ไปหาตนเองเพื่อเชิญมาเป็นประธานในโครงการของสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม ปัญหาของจังหวัดพัทลุง เมื่อกลางปี 2547
ด้านนายนิพิฏฐ์ ได้อภิปรายต่อว่า นายเนวินพูดความจริงไม่หมด และตนเองไม่เคยเชื่อเกียรติยศของนายเนวินเลย เพราะเส้นทางการเมืองไม่สง่างาม และกล่าวต่อไปว่า การจัดงานเมาลิดกลางที่มีการใช้เงินของศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยี กระทรวงเกษตรฯ ขนคนมาร่วมงาน ทำให้โต๊ะอิหม่ามบ่นว่าละอายใจต่อคนพุทธ เพราะเห็นว่างบควรเป็นประโยชน์ต่อคนทุกศาสนาจึงเห็นว่าปัญหาของไฟใต้จะเกิดจากจุดนี้ โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รมว.เกษตรฯ เป็นประธานจัดงาน ใช้การเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับศาสนา รัฐบาลเล่นกับอำนาจ เล่นกับเงิน เล่นกับไม้ขีดไฟ โดยไม่ทราบว่าไม้ขีดไฟมันลุกได้ ไม่ทราบว่าจะดับไฟใต้อย่างไร
ทางด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ชี้แจงว่า การที่นายวันมูหะมัดนอร์ มาเป็นประธานจัดงานเพราะในการจัดงานดังกล่าวที่ผ่านมามีผู้นำศาสนาอิสลามสองฝ่ายเกิดปัญหากัน มีการทำหนังสือกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเปิดงานถึงสองฉบับ จึงต้องเรียกมาคุยจึงแก้ปัญหาได้
ทางด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดเรื่องปัญหาการดำเนินการของเครื่องบินของบุคคลสำคัญ ซึ่งติดใจที่รัฐบาลซื้อเครื่องใช้เอง โดยไม่คำนึงถึงอายุการใช้งานของเครื่องบินพระที่นั่งที่ใกล้หมดลงทุกที โดยถามนายกรัฐมนตรีว่า กองทัพอากาศได้กำหนดอายุเครื่องบินพระที่นั่ง 737-400 ไว้ 15 ปี แม้จะมีอายุใช้งานได้ถึง 30 ปี แต่จะครบกำหนดในปี พ.ศ. 2553 ส่วนอีก 2 ลำคือ 737-200 และแอร์บัส 310 ได้ปลดมาเป็นเครื่องบินพระที่นั่งสำรอง ขณะนี้กองทัพมีเครื่องบินลำเลียงทหารประเภทซี 130 และจี 222 โดยจี 222 สามารถบินได้เพียง 1 ลำจาก 6 ลำเท่านั้น ขณะที่ซี 130 ก็มีปัญหาล้อไม่กาง ซึ่งกองทัพได้ตั้งงบในการซ่อมบำรุงไว้ในปี 2546 แต่รัฐบาลกลับนำงบดังกล่าวจำนวน 109 ล้านบาทมามัดจำซื้อเครื่องบินแอร์บัส 319 ซึ่งเรียกว่า เครื่องบินไทยคู่ฟ้า ทั้งที่รัฐบาลได้ใช้งบในการจัดงานเหลียวหลังแลหน้า จากรากหญ้าสู่รากแก้ว สูงถึง 800 ล้านบาท แต่กลับมาเบียดบังงบของกองทัพ
ทางด้านนายวิษณุ เครืองาม ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่า เครื่องบินแอร์บัส 319 ที่จะจัดซื้อได้ขึ้นทะเบียนเป็นเครื่องบินพระที่นั่งสำรองเหมือนกับอีก 2 ลำก่อนหน้านี้คือ 737-200 และแอร์บัส 310 ซึ่งเครื่องบินลำใหม่นี้ในครั้งแรกไม่คิดจะจัดซื้อ แต่เป็นความจำเป็นที่ต้องกำจัดเครื่องซูเปอร์พูม่า ในเมื่อขายไม่ได้จึงได้นำมาแลกเปลี่ยนกับเครื่องบินลำใหม่ซึ่งต้องเพิ่มเงิน แต่ก็ได้เปิดการประมูลให้ทั่วโลกมาร่วมด้วย และสาเหตุที่ต้องเร่งจัดซื้อเนื่องจากหากปล่อยให้ข้ามปีราคาของเครื่องบินซูเปอร์พูม่าจะตกลงไปอีก แต่การจัดซื้อไม่ได้รีบร้อน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดเรื่อง การใช้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเครื่องมือในทางการเมือง ถามนายกรัฐมนตรีว่า การที่นายกฯ ไม่มาตอบคำถามในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้มีการบันทึกไว้ว่าเป็นนายกรัฐมนตรี คนแรกของสภานี้ที่ไม่ยอมรับการตรวจสอบของสภาแม้แต่ครั้งเดียว หนีการตอบคำถามมาตลอด 4 ปี ถือว่าไม่กล้าและกล้าเพียงในงานสโมสร ซึ่งว่ากันว่า เผด็จการกลัวสภากลัวประชาชน แต่ก็ยังให้เกียรติตัวแทนประชาชน แต่รัฐบาลนี้เป็นยิ่งกว่าอีก
“การตั้งกระทู้ถามถามนายกรัฐมนตรีหลายครั้งในสภาแห่งนี้ ทุกครั้งที่ตั้งกระทู้ถามถามท่านนายกฯไม่ๆได้มาตอบแม้แต่ครั้งเดียวและผมจะบอกว่า ผมค่อนข้างผิดหวังและเสียใจที่ท่านนายกฯไม่ให้เกียรติ์แก่สภาฯแห่งนี้ แต่วันนี้ผมไม่เสียใจครับ วันนี้ผมไม่น้อยใจครับ วันนี้ผมดีใจเสียด้วยซ้ำ ที่ท่านนายกฯไม่มาตอบคำถามของผมในสภาฯแห่งนี้ เพราะอะไรครับท่านประธานครับ เพราะท่านนายกฯจะเป็นนายกฯคนแรกของรัฐสภาแห่งประเทศนี้ ที่จะถูกจารึกไว้ว่า ไม่ยอมรับการตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎรแม้แต่ครั้งเดียว” นายนิพิฎฐ์ กล่าว
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลใช้เจ้าหน้าที่และงบประมาณของรัฐเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อหวังผลทางการเลือกตั้ง โดยเมื่อกลางปี 2547กระทรวงมหาดไทยได้ย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยแต่กลางเดือนกันยายน 2547 นายเนวิน ชิดชอบ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ไปพบประชาชนที่พัทลุงต่อรองว่าถ้าไม่อยากให้ย้ายผู้ว่าฯ ต้องเลือกพรรคไทยรักไทย จากนั้นปลัดกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้ว่าฯพัทลุงคนเดิมมารักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯพัทลุงเป็นการต่อรองตำแหน่งผู้ว่าฯ โดยยึดประชาชนเป็นตัวประกัน
นอกจากนี้ผู้ว่าฯพัทลุงยังได้เป็นประธานสั่งข้าราชการทำโพลสำรวจความเห็นเกี่ยวกับส.ส.พัทลุง โดยใช้งบประมาณแผ่นดิน เพื่อผลประโยชน์ของพรรคไทยรักไทย และยังใช้ศาลากลางจังหวัดเป็นที่ทำการของพรรคไทยรักไทยด้วย ซึ่งนอกจากที่พัทลุงแล้วปัญหานี้ยังเกิดไปทั่วทุกจังหวัด
นายนิพิฏฐ์ อภิปรายต่อว่าในวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เลขาธิการพรรคไทยรักไทย พร้อมนายเนวินได้เดินทางไปภาคใต้โดยก่อนกลับผู้ว่าฯพัทลุงได้ไปรอพบที่สนามบินหาดใหญ่ เพื่อสรุปสถานการณ์การเมืองให้เลขาธิการพรรคไทยรักไทยทราบ และเลขาธิการพรรคไทยรักไทยได้จ่ายเงินให้ผู้สมัคร ส.ส.ทุกเขตต่อหน้าผู้ว่าฯพัทลุงจึงอยากให้มีการนำเรื่องนี้ไปฟ้องร้อง ซึ่งพร้อมที่จะนำชาวบ้านและเทปอัดเสียงการพูดคุยระหว่างตนเองกับนายอำเภอหลายคนมายืนยัน อยากให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นัดวันมา ซึ่งในการพูดคุยกับนายอำเภอมีการระบุว่า ผู้ว่าฯพัทลุงสั่งนายอำเภอให้เดินหาเสียงให้พรรคไทยรักไทย ทำให้รู้สึกอึดอัด และที่พูดเพื่อปกป้องเกียรติของกระทรวงมหาดไทย และไม่เคยมีครั้งใดที่คนชิงชังรัฐบาลเท่ากับครั้งนี้
ขณะที่นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ชี้แจงว่า ได้เดินทางไปจังหวัดพัทลุง 3 ครั้งเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนตามนโยบายรัฐบาล แต่ไม่เคยขึ้นไปบนศาลากลางจังหวัดเลย และไม่เป็นความจริงกรณีที่บอกว่าเลขาธิการพรรคไทยรักไทยมอบเงินให้ผู้สมัคร ส.ส.และผู้ว่าฯพัทลุงก็ไม่ได้ไปพบเลขาธิการพรรค แต่ไปหาตนเองเพื่อเชิญมาเป็นประธานในโครงการของสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม ปัญหาของจังหวัดพัทลุง เมื่อกลางปี 2547
ด้านนายนิพิฏฐ์ ได้อภิปรายต่อว่า นายเนวินพูดความจริงไม่หมด และตนเองไม่เคยเชื่อเกียรติยศของนายเนวินเลย เพราะเส้นทางการเมืองไม่สง่างาม และกล่าวต่อไปว่า การจัดงานเมาลิดกลางที่มีการใช้เงินของศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยี กระทรวงเกษตรฯ ขนคนมาร่วมงาน ทำให้โต๊ะอิหม่ามบ่นว่าละอายใจต่อคนพุทธ เพราะเห็นว่างบควรเป็นประโยชน์ต่อคนทุกศาสนาจึงเห็นว่าปัญหาของไฟใต้จะเกิดจากจุดนี้ โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รมว.เกษตรฯ เป็นประธานจัดงาน ใช้การเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับศาสนา รัฐบาลเล่นกับอำนาจ เล่นกับเงิน เล่นกับไม้ขีดไฟ โดยไม่ทราบว่าไม้ขีดไฟมันลุกได้ ไม่ทราบว่าจะดับไฟใต้อย่างไร
ทางด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ชี้แจงว่า การที่นายวันมูหะมัดนอร์ มาเป็นประธานจัดงานเพราะในการจัดงานดังกล่าวที่ผ่านมามีผู้นำศาสนาอิสลามสองฝ่ายเกิดปัญหากัน มีการทำหนังสือกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเปิดงานถึงสองฉบับ จึงต้องเรียกมาคุยจึงแก้ปัญหาได้
ทางด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดเรื่องปัญหาการดำเนินการของเครื่องบินของบุคคลสำคัญ ซึ่งติดใจที่รัฐบาลซื้อเครื่องใช้เอง โดยไม่คำนึงถึงอายุการใช้งานของเครื่องบินพระที่นั่งที่ใกล้หมดลงทุกที โดยถามนายกรัฐมนตรีว่า กองทัพอากาศได้กำหนดอายุเครื่องบินพระที่นั่ง 737-400 ไว้ 15 ปี แม้จะมีอายุใช้งานได้ถึง 30 ปี แต่จะครบกำหนดในปี พ.ศ. 2553 ส่วนอีก 2 ลำคือ 737-200 และแอร์บัส 310 ได้ปลดมาเป็นเครื่องบินพระที่นั่งสำรอง ขณะนี้กองทัพมีเครื่องบินลำเลียงทหารประเภทซี 130 และจี 222 โดยจี 222 สามารถบินได้เพียง 1 ลำจาก 6 ลำเท่านั้น ขณะที่ซี 130 ก็มีปัญหาล้อไม่กาง ซึ่งกองทัพได้ตั้งงบในการซ่อมบำรุงไว้ในปี 2546 แต่รัฐบาลกลับนำงบดังกล่าวจำนวน 109 ล้านบาทมามัดจำซื้อเครื่องบินแอร์บัส 319 ซึ่งเรียกว่า เครื่องบินไทยคู่ฟ้า ทั้งที่รัฐบาลได้ใช้งบในการจัดงานเหลียวหลังแลหน้า จากรากหญ้าสู่รากแก้ว สูงถึง 800 ล้านบาท แต่กลับมาเบียดบังงบของกองทัพ
ทางด้านนายวิษณุ เครืองาม ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่า เครื่องบินแอร์บัส 319 ที่จะจัดซื้อได้ขึ้นทะเบียนเป็นเครื่องบินพระที่นั่งสำรองเหมือนกับอีก 2 ลำก่อนหน้านี้คือ 737-200 และแอร์บัส 310 ซึ่งเครื่องบินลำใหม่นี้ในครั้งแรกไม่คิดจะจัดซื้อ แต่เป็นความจำเป็นที่ต้องกำจัดเครื่องซูเปอร์พูม่า ในเมื่อขายไม่ได้จึงได้นำมาแลกเปลี่ยนกับเครื่องบินลำใหม่ซึ่งต้องเพิ่มเงิน แต่ก็ได้เปิดการประมูลให้ทั่วโลกมาร่วมด้วย และสาเหตุที่ต้องเร่งจัดซื้อเนื่องจากหากปล่อยให้ข้ามปีราคาของเครื่องบินซูเปอร์พูม่าจะตกลงไปอีก แต่การจัดซื้อไม่ได้รีบร้อน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-