บัญญัติ’ชี้ ฐานเสียง ‘อิสาน’กระแสดีขึ้นมาก ย้ำวันนี้ ปชป.ต้อง‘สจฺจํเว อมตา วาจา’เท่านั้น จวก ‘นายกฯวอล์กเอาต์’หากถกใต้-ตากใบในการประชุมที่ลาว ถาม ‘มารยาททางการเมืองระหว่างประเทศ’เป็นอย่างไร ? ในวันข้างหน้า
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์หลังจากเดินทางสักการะพระธาตุเรณู จังหวัดนครพนม ว่า การเคารพสักการะพระธาตุในจังหวัดนครพนม เพื่อขอพรให้ช่วยลูกพรรคและผู้สมัครส.ส.ของพรรคฯให้ชนะการเลือกตั้ง และเห็นว่าการเคารพสักการะพระธาตุเป็นสิ่งที่ถือปฎิบัติกันมาแต่ช้านาน นอกจากนี้ยังถือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาไม่ว่าจะเป็นบุคคลในภาคไหนๆ ก็ต้องมีการเคารพสักการะทั้งในจังหวัดของตัวเองและต่างจังหวัดก็ตาม เพราะนอกจากจะทำให้เราสบายใจแล้ว คนที่อยู่ในพื้นที่ก็จะสบายใจไปด้วย และที่สำคัญคือ สังคมไทยท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์ในวันนี้ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม ทำท่าว่าจะเลือนหายไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีส่วนในการสนับสนุนส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ให้ดำรงอยู่ไว้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการลงพื้นที่ทั่วประเทศผู้สมัครในพรรคฯได้ร้องเรียนว่า มีข้าราชการระดับสูงให้ความช่วยเหลือผู้สมัครพรรคไทยรักไทยหาเสียง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีเป็นบางพื้นที่เท่านั้น หลายพื้นที่มีข่าวดีว่า มีข้าราชการเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น และเริ่มระมัดระวังที่จะไม่ทำอะไรน่าเกลียด ส่วนพื้นที่ที่ข้าราชการมีความเป็นกลางก็มีมาก ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องของตัวบุคคลมากกว่า
เมื่อถามถึงยุทธศาสตร์ในการหาเสียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นจุดอ่อนของพรรคฯ นายบัญญัติ กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่า พรรคฯค่อนข้างห่างเหินเหมือนกัน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ผู้สมัครของพรรคฯมีไม่ครบในทุกพื้นที่และตัวผู้สมัครเองก็ยังไม่มีความขยันขันแข็งมากพอ และช่องว่างระหว่างพรรคฯกับชาวบ้านก็ยังมีอยู่ ประกอบกับถูกโจมตี ถูกใส่ร้ายป้ายสีอย่างมาก จึงทำให้ประชาชนสับสนไปเหมือนกัน ทั้งนี้กระแสของพรรคฯดีขึ้นเพราะว่าเข้าถึงพื้นที่ได้กว้างขวางมากขึ้น และผู้สมัครรับเลือกตั้งขยันขันแข็งยิ่งพรรคฯลงมาช่วยในพื้นที่ด้วยแล้วก็จะเห็นชัดว่า ผู้สมัครมีกำลังเพิ่มมากขึ้นที่จะทำงานต่อไปหลังจากคาราวานกลับไปแล้ว
“การที่คนของเราเดินพบปะชาวบ้านมากขึ้น นอกเหนือจะผูกพันกับชาวบ้านมากขึ้นโอกาสที่ชาวบ้านจะรับรู้รับทราบปัญหาหรือความเข้าในที่คลาดเคลื่อน เพราะคนอื่น พรรคอื่น มาใส่ร้ายป้ายสีเราก็มีโอกาสจะอธิบายความจริงให้เป็นที่เข้าใจ” นายบัญญัติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ตั้งเป้าส.ส.กี่คน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะพรรคอื่นตั้งเป้าจะกวาดส.ส.ในพื้นที่นี้จำนวนมาก นายบัญญัติ กล่าวว่า วัฒนธรรมทางการเมืองของแต่ละพรรคไม่เหมือนกัน อ่านดูที่คำขวัญของพรรคประชาธิปัตย์ที่ระบุว่า ‘สจฺจํเว อมตา วาจา’เราจะต้องพูดในสิ่งที่เป็นจริงหรือน้อยกว่าความจริงเล็กน้อยก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าพูดมากกว่าความจริงจะเสียหาย ซึ่งพรรคอื่นจะมั่นใจอย่างไรเราไม่ทราบ แต่เราจะดูในส่วนของเรา
เมื่อถามถึงกลยุทธในการช่วงชิงคะแนนเสียงในพื้นที่นี้อย่างไร นายบัญญัติ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ทำงานทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ที่เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด พูดความจริงให้มากที่สุด ทั้งในส่วนที่เป็นปัญหา ที่ประชาชนและประเทศกำลังประสบอยู่ ส่วนแนวทางการในการแก้ปัญหาซึ่งทั้งหมดต้องพูดอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงไม่หวือหวาเกินความเป็นจริง
ส่วนกรณีที่สภามาเลเซียมีมติประณามการประทำของรัฐบาลไทย ต่อกรณีการสลายผู้ชุมนุมหน้า สภ.อ.ตากใบ จังหวัดนราธิวาส หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกประเทศที่มีความสงสัยในเหตุการณ์ที่ตากใบ โดยเฉพาะกับประเทศมาเลเซีย เพราะหากสัมพันธภาพระหว่างไทยกับมาเลเซียมีแนวโน้มในทางไม่ดี จะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้
"ถ้านายกฯ ยังยืนยันไม่คิดแก้ไขปรับปรุงทั้งนโยบายและมาตรการที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล เมื่อสถานการณ์ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้แล้วรัฐบาลต้องรับฟังข้อเรียกร้องจากทุกฝ่าย ซึ่งเป็นจุดที่รัฐบาลน่าจะได้เริ่มต้นทบทวนนโยบาย หากนายกฯ ยังยืนยันเช่นนี้ก็น่าเป็นห่วง ต่อให้พับนก 62 ล้านตัวก็คงช่วยอะไรไม่ได้" นายบัญญัติ กล่าว
นายบัญญัติกล่าวว่า การที่นายกฯ ประกาศจะวอล์กเอาต์จากที่ประชุมอาเซียนหากมีการพูดถึงตากใบ ตนเห็นว่าการพูดเช่นนี้เป็นสิ่งไม่ดี ไม่ทราบว่ามารยาททางการเมืองระหว่างประเทศเป็นอย่างไร แต่ในความรู้สึกธรรมดาถือว่าเป็นการกดดัน และสร้างบรรยากาศที่กดดัน เท่ากับป้องกันไม่ประสงค์ให้ที่ประชุมหยิบยกเรื่องนี้มาพูด เป็นการสร้างบรรยากาศการประชุมที่ไม่ดี ซึ่งการเมืองระหว่างประเทศขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ทุกชาติทุกประเทศมีอธิปไตยของตัวเองทั้งสิ้น การสร้างความกดดันแม้จะไม่ส่งผลอะไรในขณะนี้ แต่จะส่งผลต่อความร่วมมือในวันข้างหน้า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์หลังจากเดินทางสักการะพระธาตุเรณู จังหวัดนครพนม ว่า การเคารพสักการะพระธาตุในจังหวัดนครพนม เพื่อขอพรให้ช่วยลูกพรรคและผู้สมัครส.ส.ของพรรคฯให้ชนะการเลือกตั้ง และเห็นว่าการเคารพสักการะพระธาตุเป็นสิ่งที่ถือปฎิบัติกันมาแต่ช้านาน นอกจากนี้ยังถือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาไม่ว่าจะเป็นบุคคลในภาคไหนๆ ก็ต้องมีการเคารพสักการะทั้งในจังหวัดของตัวเองและต่างจังหวัดก็ตาม เพราะนอกจากจะทำให้เราสบายใจแล้ว คนที่อยู่ในพื้นที่ก็จะสบายใจไปด้วย และที่สำคัญคือ สังคมไทยท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์ในวันนี้ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม ทำท่าว่าจะเลือนหายไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีส่วนในการสนับสนุนส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ให้ดำรงอยู่ไว้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการลงพื้นที่ทั่วประเทศผู้สมัครในพรรคฯได้ร้องเรียนว่า มีข้าราชการระดับสูงให้ความช่วยเหลือผู้สมัครพรรคไทยรักไทยหาเสียง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีเป็นบางพื้นที่เท่านั้น หลายพื้นที่มีข่าวดีว่า มีข้าราชการเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น และเริ่มระมัดระวังที่จะไม่ทำอะไรน่าเกลียด ส่วนพื้นที่ที่ข้าราชการมีความเป็นกลางก็มีมาก ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องของตัวบุคคลมากกว่า
เมื่อถามถึงยุทธศาสตร์ในการหาเสียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นจุดอ่อนของพรรคฯ นายบัญญัติ กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่า พรรคฯค่อนข้างห่างเหินเหมือนกัน ซึ่งอาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ผู้สมัครของพรรคฯมีไม่ครบในทุกพื้นที่และตัวผู้สมัครเองก็ยังไม่มีความขยันขันแข็งมากพอ และช่องว่างระหว่างพรรคฯกับชาวบ้านก็ยังมีอยู่ ประกอบกับถูกโจมตี ถูกใส่ร้ายป้ายสีอย่างมาก จึงทำให้ประชาชนสับสนไปเหมือนกัน ทั้งนี้กระแสของพรรคฯดีขึ้นเพราะว่าเข้าถึงพื้นที่ได้กว้างขวางมากขึ้น และผู้สมัครรับเลือกตั้งขยันขันแข็งยิ่งพรรคฯลงมาช่วยในพื้นที่ด้วยแล้วก็จะเห็นชัดว่า ผู้สมัครมีกำลังเพิ่มมากขึ้นที่จะทำงานต่อไปหลังจากคาราวานกลับไปแล้ว
“การที่คนของเราเดินพบปะชาวบ้านมากขึ้น นอกเหนือจะผูกพันกับชาวบ้านมากขึ้นโอกาสที่ชาวบ้านจะรับรู้รับทราบปัญหาหรือความเข้าในที่คลาดเคลื่อน เพราะคนอื่น พรรคอื่น มาใส่ร้ายป้ายสีเราก็มีโอกาสจะอธิบายความจริงให้เป็นที่เข้าใจ” นายบัญญัติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ตั้งเป้าส.ส.กี่คน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะพรรคอื่นตั้งเป้าจะกวาดส.ส.ในพื้นที่นี้จำนวนมาก นายบัญญัติ กล่าวว่า วัฒนธรรมทางการเมืองของแต่ละพรรคไม่เหมือนกัน อ่านดูที่คำขวัญของพรรคประชาธิปัตย์ที่ระบุว่า ‘สจฺจํเว อมตา วาจา’เราจะต้องพูดในสิ่งที่เป็นจริงหรือน้อยกว่าความจริงเล็กน้อยก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าพูดมากกว่าความจริงจะเสียหาย ซึ่งพรรคอื่นจะมั่นใจอย่างไรเราไม่ทราบ แต่เราจะดูในส่วนของเรา
เมื่อถามถึงกลยุทธในการช่วงชิงคะแนนเสียงในพื้นที่นี้อย่างไร นายบัญญัติ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ทำงานทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ที่เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด พูดความจริงให้มากที่สุด ทั้งในส่วนที่เป็นปัญหา ที่ประชาชนและประเทศกำลังประสบอยู่ ส่วนแนวทางการในการแก้ปัญหาซึ่งทั้งหมดต้องพูดอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงไม่หวือหวาเกินความเป็นจริง
ส่วนกรณีที่สภามาเลเซียมีมติประณามการประทำของรัฐบาลไทย ต่อกรณีการสลายผู้ชุมนุมหน้า สภ.อ.ตากใบ จังหวัดนราธิวาส หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกประเทศที่มีความสงสัยในเหตุการณ์ที่ตากใบ โดยเฉพาะกับประเทศมาเลเซีย เพราะหากสัมพันธภาพระหว่างไทยกับมาเลเซียมีแนวโน้มในทางไม่ดี จะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้
"ถ้านายกฯ ยังยืนยันไม่คิดแก้ไขปรับปรุงทั้งนโยบายและมาตรการที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล เมื่อสถานการณ์ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้แล้วรัฐบาลต้องรับฟังข้อเรียกร้องจากทุกฝ่าย ซึ่งเป็นจุดที่รัฐบาลน่าจะได้เริ่มต้นทบทวนนโยบาย หากนายกฯ ยังยืนยันเช่นนี้ก็น่าเป็นห่วง ต่อให้พับนก 62 ล้านตัวก็คงช่วยอะไรไม่ได้" นายบัญญัติ กล่าว
นายบัญญัติกล่าวว่า การที่นายกฯ ประกาศจะวอล์กเอาต์จากที่ประชุมอาเซียนหากมีการพูดถึงตากใบ ตนเห็นว่าการพูดเช่นนี้เป็นสิ่งไม่ดี ไม่ทราบว่ามารยาททางการเมืองระหว่างประเทศเป็นอย่างไร แต่ในความรู้สึกธรรมดาถือว่าเป็นการกดดัน และสร้างบรรยากาศที่กดดัน เท่ากับป้องกันไม่ประสงค์ให้ที่ประชุมหยิบยกเรื่องนี้มาพูด เป็นการสร้างบรรยากาศการประชุมที่ไม่ดี ซึ่งการเมืองระหว่างประเทศขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ทุกชาติทุกประเทศมีอธิปไตยของตัวเองทั้งสิ้น การสร้างความกดดันแม้จะไม่ส่งผลอะไรในขณะนี้ แต่จะส่งผลต่อความร่วมมือในวันข้างหน้า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-