เลขาฯปชป. สรุปผลเดินสาย ‘คาราวานประชาธิปไตย’เชื่อยึดฐานสียง ‘อีสาน’ ด้าน ‘ดร.คุณหญิงกัลยา’ ชี้ ‘กรณีปลดป้ายหาเสียง’เป็นมาตรฐานการทำงานของกทม.ไม่เกี่ยวกับ ‘ปชป.’
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สรุปการเดินสายคาราวานพื้นที่ภาคอีสานในวันที่ 25-30 พ.ย.47 ว่าจากการออกคาราวานครั้งนี้พรรคฯจะต้องปรับแผนหลายอย่าง ซึ่งการเดินสายคาราวานในตรั้งนี้อย่างน้อยก็เป็นการช่วยเปิดทางให้กับผู้สมัคร และเพื่อเป็นการรับทราบการทำงานในพื้นที่ของผู้สมัคร หากมีปัญหาพรรคจะได้หาวิธีแก้ไข ในขณะเดียวกันก็ทำให้พรรคเห็นข้อบกพร่อง เห็นข้อดี - ข้อเสียต่างๆของผู้สมัคร ซึ่งการออกคาราวานครั้งนี้มีความแตกต่างจากทุกครั้ง เพราะพรรคได้นำเสนอว่าจะทำอะไรให้กับประชาชน ซึ่งมีความแตกต่างกับพรรคไทยรักไทยที่เป็นการลงพื้นที่เพื่อแก้ตัวเพียงอย่างเดียว ซึ่งกระแสพรรคในภาคอีสานถือว่าดีขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว
นายประดิษฐ์ ยังกล่าวถึง พื้นที่ภาคอีสาน ว่า ถือเป็นตลาดใหญ่ ที่พรรคฯหวังทั้งคะแนนเขต และคะแนนระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งต่อไปนี้พรรคฯจะเน้นที่ภาคอีสานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันที่ 11-15 ธ.ค.47 ขบวนคาราวาน จะลงพื้นที่ที่ภาคอีสานตอนล่าง และหลังจากนั้นขบวนคาราวานจะลงพื้นที่ภาคใต้ ในวันที่ 17-22 ธ.ค.47 พร้อมกันนี้จะมีคาราวานทางน้ำในวันที่ 7-9 ธ.ค.47 เพื่อหาเสียงกับประชาชนรอบๆกทม.โดยจะมีการล่องเรือ ไปจ.สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ซึ่งในช่วงปลายปีนี้ คาราวานจะวนมาที่ภาคอีสานอีกรอบ เพราะพรรคเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่เป็นบวกกับพรรคฯ
พร้อมกันนี้พรรคจะจัดมินิคาราวาน โดยจะมีการแบ่งเป็น 4-5 กลุ่ม กระจายเดินสายลงพื้นที่ที่ภาคอีสาน โดยจะใช้วิธีปราศรัยย่อย นำเสนอสิ่งที่จะให้กับประชาชน พร้อมกับแจกแผ่นพับนโยบายพรรคให้กับประชาชนได้รับทราบ เพราะขณะนี้พรรคไม่สามารถใช้สื่ออะไรได้นอกจากการลงพื้นที่พบปะประชาชนโดยตรง ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ได้ผล และพรรคฯก็ยังมั่นใจว่าภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่พรรคเห็นว่ามีโอกาสมาก
ส่วนกรณีที่กรณีจะมีมติเลื่อนวันเลือกตั้งขึ้นมา เป็นวันที่ 30 ม.ค.48 ตนเห็นว่าเป็นเรื่องน่าเกลียด รัฐบาลอธิบายกับพรรคการเมือง เพราะพรรคการเมืองมีความพร้อมทุกสถานการณ์ แต่อยู่ที่ว่าจะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายกับประชาชน ‘หาก กกต.จะให้มีการเลือกตั้งวันที่ 30 ม.ค.จริงๆก็ไม่ต้องไปหวังพึ่งใครแล้ว แต่เราจะทำงานมากขึ้น คงต้องมีการเดินสายคาราวานทั้งวันทั้งคืน’ นายประดิษฐ์กล่าว
ด้านดร.คุณหญิง กัลยา โสภณพณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กทม.มีคำสั่งให้ปลดป้ายหาเสียงออกนั้นเป็นคำสั่งของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่? ว่า ทางกทม.มีมาตรฐาน ทำเช่นนี้มาโดยตลอดเป็นต้นว่าในช่วงเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ก็ใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้ ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน ซึ่งก่อนที่พรรคการเมืองจะปลดป้าย ทางกทม.ได้ทำหนังสือถึงพรรคการเมืองก่อนล่วงหน้า 3 วัน เพื่อให้พรรคการเมืองดำเนินการปลด แต่หากไม่ดำเนินการ ก็เป็นเรื่องที่กทม.ต้องจัดการเอง ซึ่งก่อนปลดก็ได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ดังนั้นตนจึงขอยืนยันว่า ไม่ใช่คำสั่งของพรรคนอย่างแน่นอน เพราะป้ายของพรรคก็ถูกปลดเช่นกัน
ส่วนกรณีที่นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ประกาศว่าจะรักษาที่นั่งเดิม ในกทม.ได้ทั้งหมด และจะยึด 9 ที่นั่งของ ปชป.ด้วยนั้น ตนเห็นว่าเป็นสิทธิของพรรคไทยรักไทยที่จะพูดเช่นนั้น แต่พรรคคงไม่ไปโอ้อวดว่าจะได้เท่าไหร่ แต่เรายึดมั่นศรัทธา และการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งตนอยากย้อนถามคนกทม.ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2547 พรรคไทยรักไทย พูดอย่างไร ในเรื่องส่งผู้สมัคร ส.ส. และเรื่องส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ คนกรุงเทพฯ คงไม่ลืมว่าเมื่อหาเสียงผู้ว่าฯ พรรคไทยรักไทยพูดอะไรไว้บ้าง ซึ่งพรรคเชื่อมั่นในคนกรุงเทพฯ และขณะนี้การจัดสรรผู้สมัครในพื้นที่ กทม.เรียบร้อยกว่า 90 % แล้ว ซึ่งพรรคจะส่งลงสมัครทุกเขตพื้นที่ ในกทม. และขบวนคาราวานก็จะลงพื้นที่กทม.ในเดือนธันวาคม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ สรุปการเดินสายคาราวานพื้นที่ภาคอีสานในวันที่ 25-30 พ.ย.47 ว่าจากการออกคาราวานครั้งนี้พรรคฯจะต้องปรับแผนหลายอย่าง ซึ่งการเดินสายคาราวานในตรั้งนี้อย่างน้อยก็เป็นการช่วยเปิดทางให้กับผู้สมัคร และเพื่อเป็นการรับทราบการทำงานในพื้นที่ของผู้สมัคร หากมีปัญหาพรรคจะได้หาวิธีแก้ไข ในขณะเดียวกันก็ทำให้พรรคเห็นข้อบกพร่อง เห็นข้อดี - ข้อเสียต่างๆของผู้สมัคร ซึ่งการออกคาราวานครั้งนี้มีความแตกต่างจากทุกครั้ง เพราะพรรคได้นำเสนอว่าจะทำอะไรให้กับประชาชน ซึ่งมีความแตกต่างกับพรรคไทยรักไทยที่เป็นการลงพื้นที่เพื่อแก้ตัวเพียงอย่างเดียว ซึ่งกระแสพรรคในภาคอีสานถือว่าดีขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว
นายประดิษฐ์ ยังกล่าวถึง พื้นที่ภาคอีสาน ว่า ถือเป็นตลาดใหญ่ ที่พรรคฯหวังทั้งคะแนนเขต และคะแนนระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งต่อไปนี้พรรคฯจะเน้นที่ภาคอีสานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันที่ 11-15 ธ.ค.47 ขบวนคาราวาน จะลงพื้นที่ที่ภาคอีสานตอนล่าง และหลังจากนั้นขบวนคาราวานจะลงพื้นที่ภาคใต้ ในวันที่ 17-22 ธ.ค.47 พร้อมกันนี้จะมีคาราวานทางน้ำในวันที่ 7-9 ธ.ค.47 เพื่อหาเสียงกับประชาชนรอบๆกทม.โดยจะมีการล่องเรือ ไปจ.สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี ซึ่งในช่วงปลายปีนี้ คาราวานจะวนมาที่ภาคอีสานอีกรอบ เพราะพรรคเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่เป็นบวกกับพรรคฯ
พร้อมกันนี้พรรคจะจัดมินิคาราวาน โดยจะมีการแบ่งเป็น 4-5 กลุ่ม กระจายเดินสายลงพื้นที่ที่ภาคอีสาน โดยจะใช้วิธีปราศรัยย่อย นำเสนอสิ่งที่จะให้กับประชาชน พร้อมกับแจกแผ่นพับนโยบายพรรคให้กับประชาชนได้รับทราบ เพราะขณะนี้พรรคไม่สามารถใช้สื่ออะไรได้นอกจากการลงพื้นที่พบปะประชาชนโดยตรง ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ได้ผล และพรรคฯก็ยังมั่นใจว่าภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่พรรคเห็นว่ามีโอกาสมาก
ส่วนกรณีที่กรณีจะมีมติเลื่อนวันเลือกตั้งขึ้นมา เป็นวันที่ 30 ม.ค.48 ตนเห็นว่าเป็นเรื่องน่าเกลียด รัฐบาลอธิบายกับพรรคการเมือง เพราะพรรคการเมืองมีความพร้อมทุกสถานการณ์ แต่อยู่ที่ว่าจะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายกับประชาชน ‘หาก กกต.จะให้มีการเลือกตั้งวันที่ 30 ม.ค.จริงๆก็ไม่ต้องไปหวังพึ่งใครแล้ว แต่เราจะทำงานมากขึ้น คงต้องมีการเดินสายคาราวานทั้งวันทั้งคืน’ นายประดิษฐ์กล่าว
ด้านดร.คุณหญิง กัลยา โสภณพณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กทม.มีคำสั่งให้ปลดป้ายหาเสียงออกนั้นเป็นคำสั่งของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่? ว่า ทางกทม.มีมาตรฐาน ทำเช่นนี้มาโดยตลอดเป็นต้นว่าในช่วงเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ก็ใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้ ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน ซึ่งก่อนที่พรรคการเมืองจะปลดป้าย ทางกทม.ได้ทำหนังสือถึงพรรคการเมืองก่อนล่วงหน้า 3 วัน เพื่อให้พรรคการเมืองดำเนินการปลด แต่หากไม่ดำเนินการ ก็เป็นเรื่องที่กทม.ต้องจัดการเอง ซึ่งก่อนปลดก็ได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ดังนั้นตนจึงขอยืนยันว่า ไม่ใช่คำสั่งของพรรคนอย่างแน่นอน เพราะป้ายของพรรคก็ถูกปลดเช่นกัน
ส่วนกรณีที่นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ประกาศว่าจะรักษาที่นั่งเดิม ในกทม.ได้ทั้งหมด และจะยึด 9 ที่นั่งของ ปชป.ด้วยนั้น ตนเห็นว่าเป็นสิทธิของพรรคไทยรักไทยที่จะพูดเช่นนั้น แต่พรรคคงไม่ไปโอ้อวดว่าจะได้เท่าไหร่ แต่เรายึดมั่นศรัทธา และการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งตนอยากย้อนถามคนกทม.ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2547 พรรคไทยรักไทย พูดอย่างไร ในเรื่องส่งผู้สมัคร ส.ส. และเรื่องส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ คนกรุงเทพฯ คงไม่ลืมว่าเมื่อหาเสียงผู้ว่าฯ พรรคไทยรักไทยพูดอะไรไว้บ้าง ซึ่งพรรคเชื่อมั่นในคนกรุงเทพฯ และขณะนี้การจัดสรรผู้สมัครในพื้นที่ กทม.เรียบร้อยกว่า 90 % แล้ว ซึ่งพรรคจะส่งลงสมัครทุกเขตพื้นที่ ในกทม. และขบวนคาราวานก็จะลงพื้นที่กทม.ในเดือนธันวาคม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 พ.ย. 2547--จบ--
-ดท-