รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ระบุการกำหนดวันเลือกตั้งต้องอยู่บนความเหมาะสม กกต.ควรจะยึดความเป็นธรรม และจะต้องพิสูจน์ตัวเองในการแสดงความเป็นอิสระ พร้อมเรียกร้องคนถืออำนาจรัฐ อย่าคิดใช้ความได้เปรียบของการมีสื่อในมือ มาเอารัดเอาเปรียบกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวยามเช้า ทางคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 101.0 ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่สามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ว่า ตนคิดว่าทุกพรรคการเมืองต้องมีความพร้อมเสมอสำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งการกำหนดวันต้องอยู่บนความเหมาะสม เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริต ยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ กกต. ยึดถือประโยชน์ตรงนี้เป็นที่ตั้ง เมื่อสภาครบวาระ กกต.ก็ต้องดูขั้นตอนต่างๆตามกฎหมาย เพื่อให้ตนเองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพราะขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่เรื่องของการเปิดรับสมัคร การตรวจสอบคุณสมบัติ ไปจนถึงการจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า โดยเฉพาะการเลือกตั้งในต่างประเทศ แล้วจึงกำหนดวันเลือกตั้งที่เหมาะสม ดังนั้นการที่จะอ้างว่าจะมีผลกระทบต่อการบริหารบ้านเมือง ความจริงในประเทศประชาธิปไตย กระบวนการการเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติ และอำนาจหน้าที่ต่างๆมันไม่ได้มีสุญญากาศจริง จะมีแค่บางส่วนเท่านั้น นั่นคืออะไรที่มีความจำเป็น รัฐธรรมนูญและกฎหมายก็ให้ฝ่ายบริหารสามารถทำได้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่เป็นนโยบายใหม่ ก็ต้องถามประชาชนก่อนว่าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่งระยะเวลาก็ไม่ได้ยืดเยื้อเป็นปี อาจจะ 1 เดือน หรือ 1 เดือนครึ่งเท่านั้น
ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีพยายามจะให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีก็คงจะมีความคิดของท่าน แต่ กกต.ควรจะยึดความเป็นธรรม และจะต้องพิสูจน์ตัวเองในการแสดงความเป็นอิสระ หากฝ่ายบริหารในปัจจุบันชี้ช่องทางหรือต้องการอะไร และ กกต.ก็เห็นคล้อยตามไปหมด ตนคิดว่าคงไม่เสริมความเชื่อมั่นในเรื่องความเป็นกลางและความเป็นอิสระของ กกต.
เมื่อถามว่ายิ่งเลือกเร็วเท่าไหร่พรรครัฐบาลยิ่งได้เปรียบ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่คิดเช่นนั้น เพราะสถานการณ์การเมืองไทย ใครจะไปคาดเดาได้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และจะมีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นแต่ละคนจึงไม่ควรไปกังวลเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบของตนเอง ทุกคนควรจะให้องค์กรที่มีหน้าที่รักษาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด กกต. เองควรที่จะสร้างความชัดเจนว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงจะเป็นปัญหาว่าอะไรที่ถือว่าผิดกฎหมาย ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งอันนี้มีการสั่งสมประสบการณ์จากการเลือกตั้งท้องถิ่น และกรณีตัวอย่างต่างๆ และหวังว่าจะไม่มีปัญหาว่าเคยวินิจฉัยอะไรไว้ แล้วต้องมาเปลี่ยนแปลงทีหลัง ซึ่งจะสร้างความสับสนได้
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า อยากให้ กกต. เร่งให้คำตอบเรื่องการกำหนดพื้นที่การติดป้าย การจัดสรรเวลาในการออกอากาศทางโทรทัศน์และวิทยุ เพราะอาจจะเกิดความสับสน เนื่องจากมีกิจกรรมหรือรูปแบบของการหาเสียงในการใช้สื่อบางอย่างที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าห้ามคนอื่นทำ แต่ให้รัฐเป็นผู้จัดสรร เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ซึ่งตรงนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ตนจึงอยากให้ กกต.พูดให้ชัดเจน จะได้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน และอยากเรียน กกต. ว่าการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม และเป็นประโยชน์ สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากที่สุด ในขณะเดียวกันขอเรียกร้องไปยังคนที่ถืออำนาจรัฐอยู่ว่า อย่าคิดจะใช้ความได้เปรียบของการมีสื่อในมือ หรือใช้การสื่อสารข้างเดียวมาเอารัดเอาเปรียบกัน ซึ่งไม่เป็นประโยชน์กับพรรคและไม่เป็นประโยชน์กับระบอบประชาธิปไตยในระยะยาว
“บางเรื่องผมว่านายกฯน่าจะประกาศออกมาเลย เช่น ที่ออกวิทยุอยู่ท่านเดียวตอนวันเสาร์จะเลิกมั้ย เพราะว่าที่จริงหลายครั้งก็ไม่อยากท้วง ว่าบางทีท่านก็ไม่ได้พูดเรื่องรัฐบาล ท่านพูดเรื่องการเมือง พูดเรื่องพรรค ก็คิดว่าอาจจะเผลอไป ไม่ได้เจตนา แต่ว่าในช่วงเลือกตั้งจะยิ่งเป็นปัญหามากขึ้น เพราะฉะนั้นกติกาเหล่านี้ก็ให้ชัด เช่นเดียวกับที่มีองค์กรจัดแสดงวิสัยทัศน์ ผมคิดว่าทุกคนควรจะมาร่วมมือกัน เพราะนี่คือกระบวนการประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น ไม่ใช่มานั่งคิดกังวลถึงความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง หรือกังวลจะถูกเปิดโปง ก็เลยพยายามลดความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ กระบวนการการเลือกตั้งเป็นช่วงเวลาที่เราต้องส่งเสริมกระบวนการประชาธิปไตยเต็มที่ ดังนั้นจึงควรที่จะมาแสดงวิสัยทัศน์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวและว่า การจัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อให้หัวหน้าพรรคการเมืองมาแสดงความคิดเห็น จะมีความหมายต่อการเลือกตั้งและเป็นประโยชน์กับประชาชน ดังนั้นหัวหน้าพรรคการเมืองควรที่จะไปร่วมงาน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวยามเช้า ทางคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 101.0 ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่สามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ว่า ตนคิดว่าทุกพรรคการเมืองต้องมีความพร้อมเสมอสำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งการกำหนดวันต้องอยู่บนความเหมาะสม เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริต ยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ กกต. ยึดถือประโยชน์ตรงนี้เป็นที่ตั้ง เมื่อสภาครบวาระ กกต.ก็ต้องดูขั้นตอนต่างๆตามกฎหมาย เพื่อให้ตนเองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพราะขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่เรื่องของการเปิดรับสมัคร การตรวจสอบคุณสมบัติ ไปจนถึงการจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า โดยเฉพาะการเลือกตั้งในต่างประเทศ แล้วจึงกำหนดวันเลือกตั้งที่เหมาะสม ดังนั้นการที่จะอ้างว่าจะมีผลกระทบต่อการบริหารบ้านเมือง ความจริงในประเทศประชาธิปไตย กระบวนการการเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติ และอำนาจหน้าที่ต่างๆมันไม่ได้มีสุญญากาศจริง จะมีแค่บางส่วนเท่านั้น นั่นคืออะไรที่มีความจำเป็น รัฐธรรมนูญและกฎหมายก็ให้ฝ่ายบริหารสามารถทำได้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่เป็นนโยบายใหม่ ก็ต้องถามประชาชนก่อนว่าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่งระยะเวลาก็ไม่ได้ยืดเยื้อเป็นปี อาจจะ 1 เดือน หรือ 1 เดือนครึ่งเท่านั้น
ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีพยายามจะให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีก็คงจะมีความคิดของท่าน แต่ กกต.ควรจะยึดความเป็นธรรม และจะต้องพิสูจน์ตัวเองในการแสดงความเป็นอิสระ หากฝ่ายบริหารในปัจจุบันชี้ช่องทางหรือต้องการอะไร และ กกต.ก็เห็นคล้อยตามไปหมด ตนคิดว่าคงไม่เสริมความเชื่อมั่นในเรื่องความเป็นกลางและความเป็นอิสระของ กกต.
เมื่อถามว่ายิ่งเลือกเร็วเท่าไหร่พรรครัฐบาลยิ่งได้เปรียบ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่คิดเช่นนั้น เพราะสถานการณ์การเมืองไทย ใครจะไปคาดเดาได้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และจะมีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นแต่ละคนจึงไม่ควรไปกังวลเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบของตนเอง ทุกคนควรจะให้องค์กรที่มีหน้าที่รักษาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด กกต. เองควรที่จะสร้างความชัดเจนว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงจะเป็นปัญหาว่าอะไรที่ถือว่าผิดกฎหมาย ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งอันนี้มีการสั่งสมประสบการณ์จากการเลือกตั้งท้องถิ่น และกรณีตัวอย่างต่างๆ และหวังว่าจะไม่มีปัญหาว่าเคยวินิจฉัยอะไรไว้ แล้วต้องมาเปลี่ยนแปลงทีหลัง ซึ่งจะสร้างความสับสนได้
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า อยากให้ กกต. เร่งให้คำตอบเรื่องการกำหนดพื้นที่การติดป้าย การจัดสรรเวลาในการออกอากาศทางโทรทัศน์และวิทยุ เพราะอาจจะเกิดความสับสน เนื่องจากมีกิจกรรมหรือรูปแบบของการหาเสียงในการใช้สื่อบางอย่างที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าห้ามคนอื่นทำ แต่ให้รัฐเป็นผู้จัดสรร เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ซึ่งตรงนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ตนจึงอยากให้ กกต.พูดให้ชัดเจน จะได้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน และอยากเรียน กกต. ว่าการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรม และเป็นประโยชน์ สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากที่สุด ในขณะเดียวกันขอเรียกร้องไปยังคนที่ถืออำนาจรัฐอยู่ว่า อย่าคิดจะใช้ความได้เปรียบของการมีสื่อในมือ หรือใช้การสื่อสารข้างเดียวมาเอารัดเอาเปรียบกัน ซึ่งไม่เป็นประโยชน์กับพรรคและไม่เป็นประโยชน์กับระบอบประชาธิปไตยในระยะยาว
“บางเรื่องผมว่านายกฯน่าจะประกาศออกมาเลย เช่น ที่ออกวิทยุอยู่ท่านเดียวตอนวันเสาร์จะเลิกมั้ย เพราะว่าที่จริงหลายครั้งก็ไม่อยากท้วง ว่าบางทีท่านก็ไม่ได้พูดเรื่องรัฐบาล ท่านพูดเรื่องการเมือง พูดเรื่องพรรค ก็คิดว่าอาจจะเผลอไป ไม่ได้เจตนา แต่ว่าในช่วงเลือกตั้งจะยิ่งเป็นปัญหามากขึ้น เพราะฉะนั้นกติกาเหล่านี้ก็ให้ชัด เช่นเดียวกับที่มีองค์กรจัดแสดงวิสัยทัศน์ ผมคิดว่าทุกคนควรจะมาร่วมมือกัน เพราะนี่คือกระบวนการประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น ไม่ใช่มานั่งคิดกังวลถึงความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง หรือกังวลจะถูกเปิดโปง ก็เลยพยายามลดความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ กระบวนการการเลือกตั้งเป็นช่วงเวลาที่เราต้องส่งเสริมกระบวนการประชาธิปไตยเต็มที่ ดังนั้นจึงควรที่จะมาแสดงวิสัยทัศน์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวและว่า การจัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อให้หัวหน้าพรรคการเมืองมาแสดงความคิดเห็น จะมีความหมายต่อการเลือกตั้งและเป็นประโยชน์กับประชาชน ดังนั้นหัวหน้าพรรคการเมืองควรที่จะไปร่วมงาน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-