เดือนตุลาคม 2547 ภาวะเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงขยายตัวจากการผลิตนอกภาคเกษตรเป็นสำคัญ ภาคเกษตร ราคาข้าวเปลือกลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่มันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ราคาปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการของตลาด การผลิตนอกภาคเกษตร การใช้จ่ายภาคเอกชนเพิ่มขึ้น เห็นได้จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพื่อที่อยู่อาศัย การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนที่ยังมีทิศทางที่ดี การผลิตภาคอุตสาหกรรมสำคัญของภาคขยายตัว ได้แก่ การผลิตผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อุตสาหกรรมผลิตวัสดุก่อสร้างอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูป ฯลฯ ความต้องการแรงงานขยายตัว ภาคการคลัง การจัดเก็บรายได้และการเบิกจ่ายงบประมาณลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อน อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นร้อยละ 3.9 การค้าชายแดนไทย-ลาว และไทย-กัมพูชา ขยายตัว
1. ภาคการเกษตร
ข้าว ในเดือนตุลาคม พื้นที่ทำนาประสบกับภาวะฝนทิ้งช่วงในจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น ร้อยเอ็ด สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ และนครพนม มีพื้นที่ทำนาเสียหาย สำหรับนาดอนได้ผลผลิตดี ราคาข้าวเปลือกปรับตัวลดลง เนื่องจากพ่อค้าชะลอการรับซื้อเพื่อรอข้าวฤดูใหม่ ราคาขายส่งข้าวเปลือกเจ้า 5% เฉลี่ยเกวียนละ 6,935 บาท เทียบกับเดือนก่อนราคาเกวียนละ 7,343 บาท ลดลงร้อยละ 5.6 และเมื่อเทียบกับในเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งราคาเกวียนละ 8,204 บาท ลดลงร้อยละ 15.5 ราคาขายส่งข้าวเปลือกเหนียว 10% (เมล็ดยาว) เฉลี่ยเกวียนละ 5,423 บาท เทียบกับเดือนก่อน ซึ่งราคาเกวียนละ 5,760 บาท ลดลงร้อยละ 5.9 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งราคาเกวียนละ 5,844 บาท ลดลงร้อยละ 7.1
มันสำปะหลัง ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น แต่ความต้องการของโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมาก โดยเฉพาะจากประเทศจีน ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ราคาขายส่งหัวมันสำปะหลังเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.08 บาท เทียบกับเดือนก่อนราคากิโลกรัมละ 1.02 บาท สูงขึ้นร้อยละ 5.9 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกิโลกรัมละ 0.86 บาท สูงขึ้นร้อยละ 25.6 ส่วนราคาขายส่งมันเส้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.58 บาท เทียบกับเดือนก่อนซึ่งกิโลกรัมละ 2.74 บาท ลดลงร้อยละ 5.8 แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนซึ่งกิโลกรัมละ 1.85 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.5
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงตามฤดูกาล ในขณะที่ความต้องการของโรงงานอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัญหาไข้หวัดนกเริ่มคลี่คลาย ส่งผลถึงราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาขายส่งเฉลี่ยเดือนนี้กิโลกรัมละ 4.11 บาท เทียบกับเดือนก่อนซึ่งกิโลกรัมละ 3.99 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 แต่เมื่อเทียบกับในเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกิโลกรัมละ 4.31 บาท ลดลงร้อยละ 4.7
2. การใช้จ่ายภาคเอกชน เดือนนี้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน เห็นได้จาก การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0 เนื่องจากธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรในจังหวัดนครราชสีมา และอุตสาหกรรมผลิตเบียร์ในจังหวัดขอนแก่น
ยื่นชำระภาษีเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ
ด้านรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.9 เนื่องจากการแข่งขันของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ทวีความรุนแรงมากขึ้น ประกอบกับมีการนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่กลับลดลงร้อยละ 7.9 เนื่องจากผู้ซื้อบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อรถเพื่อรอพิจารณารถรุ่นใหม่ ประกอบกับการส่งมอบรถใหม่ล่าช้า รถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ลดลงร้อยละ 2.2 เนื่องจากยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ใหม่ในจังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา และศรีสะเกษลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ประกอบกับผู้ซื้อมีภาระหนี้มากขึ้น ทำให้ผู้ซื้อระมัดระวังการใช้จ่าย ส่งผลให้ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ลดลง
3. การลงทุนภาคเอกชน ภาวะการลงทุนในเดือนนี้ ยังขยายตัว เมื่อดูจากกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนรายและเงินลงทุน การจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ การใช้ไฟฟ้าของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
กิจการที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในเดือนนี้มีจำนวน 12 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่าเท่าตัว เงินลงทุน 5,953.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 6 เท่าตัว โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในเดือนนี้ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดอุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลทางการเกษตรจำนวน 6 โครงการ ได้แก่ กิจการผลิตอบพืชและไซโล กิจการโรงสีข้าวคุณภาพดี กิจการผลิตไข่ไก่ กิจการผลิตพืชผักผลไม้อบแห้ง กิจการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพ หมวดอุตสาหกรรมเบา 4 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นกิจการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป และอีก 2 โครงการ เป็นกิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
การใช้ไฟฟ้าในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.0
แม้ว่าการจดทะเบียนนิติบุคคลตั้งใหม่ในภาคฯจะมีจำนวนรายลดลง แต่เป็นกิจการใช้เงินลงทุนมาก โดยเงินทุนของธุรกิจที่จดทะเบียนตั้งใหม่ 586.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 41.3 เนื่องจากในเดือนนี้มีบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดที่มีเงินทุนสูงจดทะเบียนหลายแห่ง เช่น กิจการค้ารถจักรยานยนต์และอะไหล่ กิจการรับเหมาก่อสร้าง กิจการค้ารถยนต์และจำหน่ายรถยนต์ เป็นต้น สำหรับประเภทของกิจการที่สำคัญในเดือนนี้ ได้แก่ กิจการค้าวัสดุก่อสร้าง กิจการรับเหมาก่อสร้าง กิจการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค กิจการนำเข้า-ส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (ส่วนใหญ่เป็นกิจการที่จังหวัดหนองคาย)
4. ภาคการก่อสร้าง พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครภาคฯลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นการขออนุญาตก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยตามสวัสดิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รวบรวมสินเชื่อ ทั้งนี้ ธอส. ร่วมกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดตัวโครงการรีไฟแนนซ์เงินกู้ที่อยู่อาศัยสำหรับสมาชิก กบข. ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2547 โดยโครงการนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) รีไฟแนนซ์สมาชิก กบข. ที่เป็นลูกค้าของ ธอส. เดิม และ 2) รีไฟแนนซ์ลูกค้าใหม่ที่ย้ายมาจากสถาบันการเงินอื่น โดย กบข. และ ธอส. ได้พิจารณาขยายระยะเวลาการยื่นกู้ในโครงการดังกล่าวออกไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 และขยายระยะเวลาในการทำนิติกรรมออกไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2548 สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการนั้น สมาชิกจะได้รับสิทธิในการไถ่ถอนภาระจำนองจากสถาบันการเงินอื่นมาสู่โครงการนี้ คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ โดยปีแรกอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.9 ปีที่ 2 ร้อยละ 3.5 ปีที่ 3 ร้อยละ 4.25 และหลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเท่ากับ MRR - 1.75 โดยมีระยะเวลาในการผ่อนชำระสูงสุดนานถึง 30 ปี
ปัจจุบันมีสถาบันการเงินหลาย ๆ แห่งแข่งขันกันให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหลายรูปแบบ เช่น ระยะเวลา เงื่อนไขของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และการส่งเสริมเพื่อจูงใจให้ผู้ซื้อมีการตัดสินใจในการซื้อบ้าน ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ยังคงต่ำ เป็นปัจจัยให้ผู้ประกอบการยังคงให้ความสนใจในการทำธุรกิจบ้านจัดสรร เนื่องจากผู้ซื้อยังมีความต้องการ ซึ่งการลงทุนในด้านการสร้างที่อยู่อาศัยให้ผลตอบแทนแก่ผู้ประกอบการที่สูงกว่าการฝากเงินกับสถาบันการเงิน
พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครภาคฯเดือนนี้ 121,878 ตารางเมตร ลดลงร้อยละ 22.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน 157,093 ตารางเมตร และเมื่อเทียบกับเดือนก่อน 182,252 ตารางเมตร จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีการขอรับอนุญาตก่อสร้างในภาคฯมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.9 ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสัดส่วนร้อยละ 67.2 อาคารพาณิชย์สัดส่วนร้อยละ 27.5 และเพื่อการบริการสัดส่วนร้อยละ 3.7 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขออนุญาตสร้างหอพักในจังหวัดอุดรธานี
5. การผลิตภาคอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ยังมีการขยายตัว อุตสาหกรรมแปรรูปมันสำปะหลังมีการผลิตมากขึ้น โดยเฉพาะโรงงานแป้งมัน ส่วนลานมันเส้นเริ่มทำการผลิตบ้างแล้ว เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย เนื่องจากความต้องการเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะจีน สำหรับภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นมีหลายประเภทที่สำคัญได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตแหอวน อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ส่วนอุตสาหกรรมที่มีการผลิตลดลงได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษและโรงสีข้าว ผู้ประกอบการโรงสีข้าวในช่วงนี้ต่างประสบปัญหาด้านเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ เป็นผลจากมาตรการประกันราคาข้าวเปลือกของรัฐบาลซึ่งค่อนข้างสูง ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงสีข้าวสามารถซื้อข้าวเปลือกได้น้อยลง ในขณะที่มีกำลังการผลิตยังไม่เต็มที่เนื่องจากข้าวฤดูกาลใหม่ยังไม่ออกสู่ท้องตลาด
6. ภาคการจ้างงาน
6.1 การจ้างงาน
จากรายงานของศูนย์ข่าวสารตลาดแรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนนี้แจ้งว่า ตำแหน่งงานว่างจำนวน 7,005 อัตรา เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนมีตำแหน่งงานว่าง 4,880 อัตรา แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อน 9,735 อัตรา ลดลงร้อยละ 28.1 ส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งงานว่างในจังหวัดหนองคาย มุกดาหาร และสุรินทร์
ผู้สมัครงานจำนวน 2,266 คน ลดลงร้อยละ 41.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนมีผู้สมัครงาน 3,841 คน แต่เทียบกับเดือนก่อน 6,740 คน ลดลงร้อยละ 66.4 ส่วนใหญ่สมัครงานในจังหวัดนครราชสีมา มุกดาหาร และขอนแก่น
ผู้ที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานจำนวน 1,077 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนมีผู้ที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงาน 831 คน แต่เทียบกับเดือนก่อน 1,835 คน ลดลงร้อยละ 41.3 ส่วนใหญ่เป็นการบรรจุงานในจังหวัดนครราชสีมา มุกดาหาร และสุรินทร์ ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนการบรรจุเข้าทำงานต่อตำแหน่งงานว่างร้อยละ 15.4 ตามความเคลื่อนไหวของตลาดแรงงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งงานว่างในด้านการผลิตสัดส่วนร้อยละ 46.5 การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์สัดส่วนร้อยละ 21.8 การบริการสัดส่วนร้อยละ12.0 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ พบว่าผู้สมัครงานและผู้ได้รับการบรรจุเข้าทำงานส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาและมีอายุระหว่าง 18-24 ปี
6.2 แรงงานที่ขออนุมัติเดินทางไปทำงานต่างประเทศ
สำหรับแรงงานไทยในภาคฯที่ขออนุมัติเดินทางไปทำงานต่างประเทศเดือนนี้จำนวน 6,573 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 61.5 ของแรงงานทั้งประเทศจำนวน 10,691 คน ส่วนใหญ่เป็นชายสัดส่วนร้อยละ 84.2
อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีแรงงานขออนุมัติมากที่สุดในภาคฯมีจำนวน 1,295 คน รองลงมาเป็นนครราชสีมา 1,064 คน ขอนแก่น 619 คน ประเทศที่แรงงานในภาคฯขออนุมัติไปทำงานมาก 6 อันดับคือ ไต้หวัน 3,595 คน รองลงมาเป็นอิสราเอล 708 คน เกาหลีใต้ 526 คน สิงคโปร์ 467 คน บรูไน 249 คน และญี่ปุ่น 123 คน แรงงานไทยส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประโยคประถมศึกษา และทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม
7. การค้าชายแดน
7.1 การค้าชายแดนไทย-ลาว
ภาวะการค้าชายแดนไทย-ลาวเดือนตุลาคม 2547 มูลค่าการค้า 1,763.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แยกเป็นการส่งออก 1,384.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 การนำเข้า 379.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8
สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง 276.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.0 สินค้าอุปโภคบริโภค 209.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.8 วัสดุก่อสร้าง 116.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.8 ยานพาหนะและอุปกรณ์ 91.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 สินค้าที่ลดลงได้แก่
ผ้าผืน 54.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31.6 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 72.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18.0
สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 250.3 ล้านบาท ลดลง
ร้อยละ 10.1 พืชไร่ 44.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว สินแร่ 23.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 96.6
การค้าผ่านแดนไทย-ลาว มูลค่าการค้าผ่านแดน 3,747.3 ล้านบาท เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนมูลค่า 1,097.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว
สินค้าผ่านแดนไทยไปลาว 3,231.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 632.3 ล้านบาท สินค้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ 1,669.3 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักรที่นำเข้าจากสิงคโปร์และออสเตรเลียเพื่อการทำเหมืองแร่ รถยนต์-จักรยานยนต์ 449.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าสามสิบเท่าตัว)
สินค้าผ่านแดนจากลาว 516.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 สินค้าที่สำคัญ ได้แก่ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย 438.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 ไม้แปรรูป 48.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 79.4 เมล็ดกาแฟดิบ 9.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.1
7.2 การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา
การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา เดือนตุลาคม 2547 มูลค่าการค้า 2,060.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 40.2 แยกเป็นการส่งออก 1,915.8 ล้านบาท และการนำเข้า 144.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.0 และร้อยละ 10.8 ตามลำดับ
การส่งออก สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 226.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนกว่าเท่าตัว พลาสติกและผลิตภัณฑ์ 48.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว และกระดาษและผลิตภัณฑ์ 8.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนกว่า 3 เท่าตัว
การนำเข้า สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (รวมหวาย)5.6 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 74.3 ในเดือนนี้มีการนำเข้าเสื้อผ้าเก่าและผ้าห่มใช้แล้ว 21.0 ล้านบาท มีมูลค่าสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีการนำเข้าเพียง 0.2 ล้านบาท
8. ภาคการเงิน
เดือนนี้สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคฯ 498 สำนักงาน (รวมสาขาย่อย 61 สำนักงาน)ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้น ธนาคารพาณิชย์ในภาคฯมีเงินฝากคงค้าง 283,575 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.8 แต่ลดลงร้อยละ 0.04 จากเดือนก่อน เนื่องจากผู้ฝากบางส่วนถอนเงินไปลงทุนในตลาดทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการจองหุ้นออกใหม่ ซึ่งผู้ลงทุนคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ในด้านสินเชื่อ 225,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.3 และเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากเดือนก่อนมีการรวมกันของสถาบันการเงิน 3 แห่ง ได้แก่ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ธนาคาร
ดีบีเอส ไทยทนุ จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากยังคงเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนจากร้อยละ 75.5 เป็นร้อยละ 79.4
สำหรับสินเชื่อสำคัญที่เพิ่มขึ้นในเดือนนี้ได้แก่ สินเชื่ออุตสาหกรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากธัญพืช รองลงมาได้แก่ สินเชื่อการค้าส่งและค้าปลีก สินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคล และสินเชื่อเพื่อการก่อสร้าง
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ในภาคฯเดือนนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน เปลี่ยนแปลงลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 1.00-1.25 ต่อปีในเดือนก่อน เป็นร้อยละ 1.00 ต่อปีในเดือนนี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยประเภทอื่น ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภท 12 เดือนอยู่ระหว่างร้อยละ 1.00-1.50 ต่อปี ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่ระหว่างร้อยละ 0.50-1.00 ต่อปี อัตราดอกเบี้ย MLR อยู่ระหว่างร้อยละ 5.50 -6.70 ต่อปี MRR อยู่ระหว่างร้อยละ 5.75-7.75 ต่อปี และ MOR อยู่ระหว่างร้อยละ 5.75-7.00 ต่อปี
ปริมาณการใช้เช็ค
เดือนนี้ปริมาณการใช้เช็คผ่านสำนักหักบัญชีในภาคฯ 256,670 ฉบับ ลดลงร้อยละ 38.8 จากระยะเดียวกันของปีก่อน และจำนวนเงินที่สั่งจ่ายตามเช็คทั้งสิ้น 34,139.5 ล้านบาท ลดลง
ร้อยละ 8.3 เนื่องจากธนาคารสมาชิกมีการเปลี่ยนวิธีการเรียกเก็บไปใช้ระบบเรียกเก็บผ่านระบบ B/C 3D ที่กรุงเทพฯแทนการส่งไปเรียกเก็บที่สำนักหักบัญชีในจังหวัดต่าง ๆ มากขึ้น
สำหรับปริมาณเช็คคืนทั้งสิ้น 6,219 ฉบับ ลดลงร้อยละ 44.9 แต่จำนวนเงิน ในเช็คคืนที่สั่งจ่าย 969.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 ทำให้สัดส่วนจำนวนเงินตามเช็คคืนทั้งสิ้นต่อเช็คเรียกเก็บเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ร้อยละ 2.3 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ในเดือนนี้
ในขณะที่เช็คคืนเพราะไม่มีเงินมีทั้งสิ้น 3,782 ฉบับ ลดลงร้อยละ 46.1 จำนวนเงินที่สั่งจ่ายตามเช็คดังกล่าวมีทั้งสิ้น 359.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.1 จากปีก่อน ทำให้สัดส่วนจำนวนเงินเช็คคืนเพราะไม่มีเงินต่อเช็คเรียกเก็บเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 0.98 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.05 ในเดือนนี้
9. ภาคการคลังรัฐบาล เดือนนี้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในภาคฯ 1,576.6 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.3 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีสุราลดลงร้อยละ 12.3 ด้านการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 10,202.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.6 เนื่องจากรายจ่ายประจำเบิกจ่ายลดลงร้อยละ 3.0 ผลจากการเปลี่ยนระบบการเบิกจ่ายเงินบำนาญและเงินเดือนใหม่ โดยส่วนราชการบางส่วนเริ่มเบิกจ่ายตรงจากส่วนกลาง และรายจ่ายลงทุนลดลงร้อยละ 30.1 จากการเบิกจ่ายเงินหมวดอุดหนุนลดลงร้อยละ 52.5 เนื่องจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณที่ผูกพันมาจากปีงบประมาณก่อนหน้า ทำให้ฐานปีก่อนสูง
สำหรับอัตราการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี 2548 ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2547 มีผลการเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 68.2 ของวงเงินประจำงวดที่ได้รับอนุมัติซึ่งมีอัตราส่วนการเบิกจ่ายต่ำกว่าระยะเดียวกันของปีก่อน (อัตราการเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 82.4) เป็นการเบิกจ่ายงบประจำร้อยละ 84.5 ของวงเงินประจำงวดฯ (ปีก่อนอัตราการเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 88.0) และงบลงทุนเบิกจ่ายร้อยละ 25.2 (ปีก่อนอัตราการเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 64.7)
10. ระดับราคา
อัตราเงินเฟ้อวัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในภาคฯเดือนนี้ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน แต่สูงขึ้นร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีราคาสูงขึ้นได้แก่ ผักสดแปรรูป ไข่ ผลิตภัณฑ์นม เป็ด และไก่ เนื่องจากผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดมีไม่มาก ขณะที่ความต้องการบริโภคยังมีอย่างต่อเนื่อง
ราคาสินค้าในหมวดอื่น ๆ ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 3.4 สินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้นได้แก่ สินค้าในหมวดพาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร โดยเฉพาะราคาน้ำมันเบนซินที่ได้ปรับราคาขายปลีกสูงขึ้นมาก สินค้าในหมวดเคหสถาน ราคาก๊าซหุงต้มสูงขึ้นจากการปรับราคาจำหน่าย ณ คลังก๊าซ ตามมติกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และอนุกรรมการกำกับสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าให้ปรับค่าเอฟทีสูงขึ้น 5 สตางค์ต่อหน่วย
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--
1. ภาคการเกษตร
ข้าว ในเดือนตุลาคม พื้นที่ทำนาประสบกับภาวะฝนทิ้งช่วงในจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น ร้อยเอ็ด สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ และนครพนม มีพื้นที่ทำนาเสียหาย สำหรับนาดอนได้ผลผลิตดี ราคาข้าวเปลือกปรับตัวลดลง เนื่องจากพ่อค้าชะลอการรับซื้อเพื่อรอข้าวฤดูใหม่ ราคาขายส่งข้าวเปลือกเจ้า 5% เฉลี่ยเกวียนละ 6,935 บาท เทียบกับเดือนก่อนราคาเกวียนละ 7,343 บาท ลดลงร้อยละ 5.6 และเมื่อเทียบกับในเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งราคาเกวียนละ 8,204 บาท ลดลงร้อยละ 15.5 ราคาขายส่งข้าวเปลือกเหนียว 10% (เมล็ดยาว) เฉลี่ยเกวียนละ 5,423 บาท เทียบกับเดือนก่อน ซึ่งราคาเกวียนละ 5,760 บาท ลดลงร้อยละ 5.9 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งราคาเกวียนละ 5,844 บาท ลดลงร้อยละ 7.1
มันสำปะหลัง ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น แต่ความต้องการของโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมาก โดยเฉพาะจากประเทศจีน ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ราคาขายส่งหัวมันสำปะหลังเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.08 บาท เทียบกับเดือนก่อนราคากิโลกรัมละ 1.02 บาท สูงขึ้นร้อยละ 5.9 และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกิโลกรัมละ 0.86 บาท สูงขึ้นร้อยละ 25.6 ส่วนราคาขายส่งมันเส้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.58 บาท เทียบกับเดือนก่อนซึ่งกิโลกรัมละ 2.74 บาท ลดลงร้อยละ 5.8 แต่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนซึ่งกิโลกรัมละ 1.85 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.5
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงตามฤดูกาล ในขณะที่ความต้องการของโรงงานอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัญหาไข้หวัดนกเริ่มคลี่คลาย ส่งผลถึงราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาขายส่งเฉลี่ยเดือนนี้กิโลกรัมละ 4.11 บาท เทียบกับเดือนก่อนซึ่งกิโลกรัมละ 3.99 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 แต่เมื่อเทียบกับในเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกิโลกรัมละ 4.31 บาท ลดลงร้อยละ 4.7
2. การใช้จ่ายภาคเอกชน เดือนนี้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน เห็นได้จาก การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0 เนื่องจากธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรในจังหวัดนครราชสีมา และอุตสาหกรรมผลิตเบียร์ในจังหวัดขอนแก่น
ยื่นชำระภาษีเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ
ด้านรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.9 เนื่องจากการแข่งขันของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ทวีความรุนแรงมากขึ้น ประกอบกับมีการนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่กลับลดลงร้อยละ 7.9 เนื่องจากผู้ซื้อบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อรถเพื่อรอพิจารณารถรุ่นใหม่ ประกอบกับการส่งมอบรถใหม่ล่าช้า รถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ลดลงร้อยละ 2.2 เนื่องจากยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ใหม่ในจังหวัดขอนแก่น นครราชสีมา และศรีสะเกษลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ประกอบกับผู้ซื้อมีภาระหนี้มากขึ้น ทำให้ผู้ซื้อระมัดระวังการใช้จ่าย ส่งผลให้ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ลดลง
3. การลงทุนภาคเอกชน ภาวะการลงทุนในเดือนนี้ ยังขยายตัว เมื่อดูจากกิจการที่ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนรายและเงินลงทุน การจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ การใช้ไฟฟ้าของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
กิจการที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในเดือนนี้มีจำนวน 12 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่าเท่าตัว เงินลงทุน 5,953.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 6 เท่าตัว โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในเดือนนี้ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดอุตสาหกรรมเกษตรและผลิตผลทางการเกษตรจำนวน 6 โครงการ ได้แก่ กิจการผลิตอบพืชและไซโล กิจการโรงสีข้าวคุณภาพดี กิจการผลิตไข่ไก่ กิจการผลิตพืชผักผลไม้อบแห้ง กิจการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพ หมวดอุตสาหกรรมเบา 4 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นกิจการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป และอีก 2 โครงการ เป็นกิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
การใช้ไฟฟ้าในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.0
แม้ว่าการจดทะเบียนนิติบุคคลตั้งใหม่ในภาคฯจะมีจำนวนรายลดลง แต่เป็นกิจการใช้เงินลงทุนมาก โดยเงินทุนของธุรกิจที่จดทะเบียนตั้งใหม่ 586.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 41.3 เนื่องจากในเดือนนี้มีบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดที่มีเงินทุนสูงจดทะเบียนหลายแห่ง เช่น กิจการค้ารถจักรยานยนต์และอะไหล่ กิจการรับเหมาก่อสร้าง กิจการค้ารถยนต์และจำหน่ายรถยนต์ เป็นต้น สำหรับประเภทของกิจการที่สำคัญในเดือนนี้ ได้แก่ กิจการค้าวัสดุก่อสร้าง กิจการรับเหมาก่อสร้าง กิจการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค กิจการนำเข้า-ส่งออกไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (ส่วนใหญ่เป็นกิจการที่จังหวัดหนองคาย)
4. ภาคการก่อสร้าง พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครภาคฯลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นการขออนุญาตก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยตามสวัสดิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รวบรวมสินเชื่อ ทั้งนี้ ธอส. ร่วมกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดตัวโครงการรีไฟแนนซ์เงินกู้ที่อยู่อาศัยสำหรับสมาชิก กบข. ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2547 โดยโครงการนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) รีไฟแนนซ์สมาชิก กบข. ที่เป็นลูกค้าของ ธอส. เดิม และ 2) รีไฟแนนซ์ลูกค้าใหม่ที่ย้ายมาจากสถาบันการเงินอื่น โดย กบข. และ ธอส. ได้พิจารณาขยายระยะเวลาการยื่นกู้ในโครงการดังกล่าวออกไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 และขยายระยะเวลาในการทำนิติกรรมออกไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2548 สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการนั้น สมาชิกจะได้รับสิทธิในการไถ่ถอนภาระจำนองจากสถาบันการเงินอื่นมาสู่โครงการนี้ คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ โดยปีแรกอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.9 ปีที่ 2 ร้อยละ 3.5 ปีที่ 3 ร้อยละ 4.25 และหลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวเท่ากับ MRR - 1.75 โดยมีระยะเวลาในการผ่อนชำระสูงสุดนานถึง 30 ปี
ปัจจุบันมีสถาบันการเงินหลาย ๆ แห่งแข่งขันกันให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหลายรูปแบบ เช่น ระยะเวลา เงื่อนไขของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และการส่งเสริมเพื่อจูงใจให้ผู้ซื้อมีการตัดสินใจในการซื้อบ้าน ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ยังคงต่ำ เป็นปัจจัยให้ผู้ประกอบการยังคงให้ความสนใจในการทำธุรกิจบ้านจัดสรร เนื่องจากผู้ซื้อยังมีความต้องการ ซึ่งการลงทุนในด้านการสร้างที่อยู่อาศัยให้ผลตอบแทนแก่ผู้ประกอบการที่สูงกว่าการฝากเงินกับสถาบันการเงิน
พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครภาคฯเดือนนี้ 121,878 ตารางเมตร ลดลงร้อยละ 22.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน 157,093 ตารางเมตร และเมื่อเทียบกับเดือนก่อน 182,252 ตารางเมตร จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีการขอรับอนุญาตก่อสร้างในภาคฯมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.9 ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสัดส่วนร้อยละ 67.2 อาคารพาณิชย์สัดส่วนร้อยละ 27.5 และเพื่อการบริการสัดส่วนร้อยละ 3.7 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขออนุญาตสร้างหอพักในจังหวัดอุดรธานี
5. การผลิตภาคอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ยังมีการขยายตัว อุตสาหกรรมแปรรูปมันสำปะหลังมีการผลิตมากขึ้น โดยเฉพาะโรงงานแป้งมัน ส่วนลานมันเส้นเริ่มทำการผลิตบ้างแล้ว เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย เนื่องจากความต้องการเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะจีน สำหรับภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นมีหลายประเภทที่สำคัญได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตแหอวน อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ส่วนอุตสาหกรรมที่มีการผลิตลดลงได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษและโรงสีข้าว ผู้ประกอบการโรงสีข้าวในช่วงนี้ต่างประสบปัญหาด้านเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ เป็นผลจากมาตรการประกันราคาข้าวเปลือกของรัฐบาลซึ่งค่อนข้างสูง ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงสีข้าวสามารถซื้อข้าวเปลือกได้น้อยลง ในขณะที่มีกำลังการผลิตยังไม่เต็มที่เนื่องจากข้าวฤดูกาลใหม่ยังไม่ออกสู่ท้องตลาด
6. ภาคการจ้างงาน
6.1 การจ้างงาน
จากรายงานของศูนย์ข่าวสารตลาดแรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดือนนี้แจ้งว่า ตำแหน่งงานว่างจำนวน 7,005 อัตรา เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.5 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนมีตำแหน่งงานว่าง 4,880 อัตรา แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อน 9,735 อัตรา ลดลงร้อยละ 28.1 ส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งงานว่างในจังหวัดหนองคาย มุกดาหาร และสุรินทร์
ผู้สมัครงานจำนวน 2,266 คน ลดลงร้อยละ 41.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนมีผู้สมัครงาน 3,841 คน แต่เทียบกับเดือนก่อน 6,740 คน ลดลงร้อยละ 66.4 ส่วนใหญ่สมัครงานในจังหวัดนครราชสีมา มุกดาหาร และขอนแก่น
ผู้ที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานจำนวน 1,077 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนมีผู้ที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงาน 831 คน แต่เทียบกับเดือนก่อน 1,835 คน ลดลงร้อยละ 41.3 ส่วนใหญ่เป็นการบรรจุงานในจังหวัดนครราชสีมา มุกดาหาร และสุรินทร์ ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนการบรรจุเข้าทำงานต่อตำแหน่งงานว่างร้อยละ 15.4 ตามความเคลื่อนไหวของตลาดแรงงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งงานว่างในด้านการผลิตสัดส่วนร้อยละ 46.5 การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์สัดส่วนร้อยละ 21.8 การบริการสัดส่วนร้อยละ12.0 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ พบว่าผู้สมัครงานและผู้ได้รับการบรรจุเข้าทำงานส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาและมีอายุระหว่าง 18-24 ปี
6.2 แรงงานที่ขออนุมัติเดินทางไปทำงานต่างประเทศ
สำหรับแรงงานไทยในภาคฯที่ขออนุมัติเดินทางไปทำงานต่างประเทศเดือนนี้จำนวน 6,573 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน
ร้อยละ 61.5 ของแรงงานทั้งประเทศจำนวน 10,691 คน ส่วนใหญ่เป็นชายสัดส่วนร้อยละ 84.2
อุดรธานีเป็นจังหวัดที่มีแรงงานขออนุมัติมากที่สุดในภาคฯมีจำนวน 1,295 คน รองลงมาเป็นนครราชสีมา 1,064 คน ขอนแก่น 619 คน ประเทศที่แรงงานในภาคฯขออนุมัติไปทำงานมาก 6 อันดับคือ ไต้หวัน 3,595 คน รองลงมาเป็นอิสราเอล 708 คน เกาหลีใต้ 526 คน สิงคโปร์ 467 คน บรูไน 249 คน และญี่ปุ่น 123 คน แรงงานไทยส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประโยคประถมศึกษา และทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม
7. การค้าชายแดน
7.1 การค้าชายแดนไทย-ลาว
ภาวะการค้าชายแดนไทย-ลาวเดือนตุลาคม 2547 มูลค่าการค้า 1,763.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แยกเป็นการส่งออก 1,384.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 การนำเข้า 379.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8
สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง 276.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.0 สินค้าอุปโภคบริโภค 209.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.8 วัสดุก่อสร้าง 116.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.8 ยานพาหนะและอุปกรณ์ 91.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 สินค้าที่ลดลงได้แก่
ผ้าผืน 54.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31.6 เครื่องจักรและอุปกรณ์ 72.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18.0
สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 250.3 ล้านบาท ลดลง
ร้อยละ 10.1 พืชไร่ 44.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว สินแร่ 23.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 96.6
การค้าผ่านแดนไทย-ลาว มูลค่าการค้าผ่านแดน 3,747.3 ล้านบาท เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนมูลค่า 1,097.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว
สินค้าผ่านแดนไทยไปลาว 3,231.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 632.3 ล้านบาท สินค้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ 1,669.3 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักรที่นำเข้าจากสิงคโปร์และออสเตรเลียเพื่อการทำเหมืองแร่ รถยนต์-จักรยานยนต์ 449.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าสามสิบเท่าตัว)
สินค้าผ่านแดนจากลาว 516.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 สินค้าที่สำคัญ ได้แก่ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย 438.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 ไม้แปรรูป 48.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 79.4 เมล็ดกาแฟดิบ 9.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.1
7.2 การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา
การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา เดือนตุลาคม 2547 มูลค่าการค้า 2,060.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 40.2 แยกเป็นการส่งออก 1,915.8 ล้านบาท และการนำเข้า 144.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.0 และร้อยละ 10.8 ตามลำดับ
การส่งออก สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 226.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนกว่าเท่าตัว พลาสติกและผลิตภัณฑ์ 48.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว และกระดาษและผลิตภัณฑ์ 8.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนกว่า 3 เท่าตัว
การนำเข้า สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (รวมหวาย)5.6 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 74.3 ในเดือนนี้มีการนำเข้าเสื้อผ้าเก่าและผ้าห่มใช้แล้ว 21.0 ล้านบาท มีมูลค่าสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีการนำเข้าเพียง 0.2 ล้านบาท
8. ภาคการเงิน
เดือนนี้สาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคฯ 498 สำนักงาน (รวมสาขาย่อย 61 สำนักงาน)ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้น ธนาคารพาณิชย์ในภาคฯมีเงินฝากคงค้าง 283,575 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.8 แต่ลดลงร้อยละ 0.04 จากเดือนก่อน เนื่องจากผู้ฝากบางส่วนถอนเงินไปลงทุนในตลาดทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการจองหุ้นออกใหม่ ซึ่งผู้ลงทุนคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ในด้านสินเชื่อ 225,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.3 และเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากเดือนก่อนมีการรวมกันของสถาบันการเงิน 3 แห่ง ได้แก่ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ธนาคาร
ดีบีเอส ไทยทนุ จำกัด (มหาชน) และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากยังคงเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนจากร้อยละ 75.5 เป็นร้อยละ 79.4
สำหรับสินเชื่อสำคัญที่เพิ่มขึ้นในเดือนนี้ได้แก่ สินเชื่ออุตสาหกรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากธัญพืช รองลงมาได้แก่ สินเชื่อการค้าส่งและค้าปลีก สินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคล และสินเชื่อเพื่อการก่อสร้าง
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ในภาคฯเดือนนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน เปลี่ยนแปลงลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 1.00-1.25 ต่อปีในเดือนก่อน เป็นร้อยละ 1.00 ต่อปีในเดือนนี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยประเภทอื่น ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภท 12 เดือนอยู่ระหว่างร้อยละ 1.00-1.50 ต่อปี ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่ระหว่างร้อยละ 0.50-1.00 ต่อปี อัตราดอกเบี้ย MLR อยู่ระหว่างร้อยละ 5.50 -6.70 ต่อปี MRR อยู่ระหว่างร้อยละ 5.75-7.75 ต่อปี และ MOR อยู่ระหว่างร้อยละ 5.75-7.00 ต่อปี
ปริมาณการใช้เช็ค
เดือนนี้ปริมาณการใช้เช็คผ่านสำนักหักบัญชีในภาคฯ 256,670 ฉบับ ลดลงร้อยละ 38.8 จากระยะเดียวกันของปีก่อน และจำนวนเงินที่สั่งจ่ายตามเช็คทั้งสิ้น 34,139.5 ล้านบาท ลดลง
ร้อยละ 8.3 เนื่องจากธนาคารสมาชิกมีการเปลี่ยนวิธีการเรียกเก็บไปใช้ระบบเรียกเก็บผ่านระบบ B/C 3D ที่กรุงเทพฯแทนการส่งไปเรียกเก็บที่สำนักหักบัญชีในจังหวัดต่าง ๆ มากขึ้น
สำหรับปริมาณเช็คคืนทั้งสิ้น 6,219 ฉบับ ลดลงร้อยละ 44.9 แต่จำนวนเงิน ในเช็คคืนที่สั่งจ่าย 969.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 ทำให้สัดส่วนจำนวนเงินตามเช็คคืนทั้งสิ้นต่อเช็คเรียกเก็บเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ร้อยละ 2.3 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ในเดือนนี้
ในขณะที่เช็คคืนเพราะไม่มีเงินมีทั้งสิ้น 3,782 ฉบับ ลดลงร้อยละ 46.1 จำนวนเงินที่สั่งจ่ายตามเช็คดังกล่าวมีทั้งสิ้น 359.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.1 จากปีก่อน ทำให้สัดส่วนจำนวนเงินเช็คคืนเพราะไม่มีเงินต่อเช็คเรียกเก็บเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 0.98 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.05 ในเดือนนี้
9. ภาคการคลังรัฐบาล เดือนนี้การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในภาคฯ 1,576.6 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.3 เนื่องจากการจัดเก็บภาษีสุราลดลงร้อยละ 12.3 ด้านการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 10,202.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.6 เนื่องจากรายจ่ายประจำเบิกจ่ายลดลงร้อยละ 3.0 ผลจากการเปลี่ยนระบบการเบิกจ่ายเงินบำนาญและเงินเดือนใหม่ โดยส่วนราชการบางส่วนเริ่มเบิกจ่ายตรงจากส่วนกลาง และรายจ่ายลงทุนลดลงร้อยละ 30.1 จากการเบิกจ่ายเงินหมวดอุดหนุนลดลงร้อยละ 52.5 เนื่องจากเดือนตุลาคมปีที่แล้วมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณที่ผูกพันมาจากปีงบประมาณก่อนหน้า ทำให้ฐานปีก่อนสูง
สำหรับอัตราการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี 2548 ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2547 มีผลการเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 68.2 ของวงเงินประจำงวดที่ได้รับอนุมัติซึ่งมีอัตราส่วนการเบิกจ่ายต่ำกว่าระยะเดียวกันของปีก่อน (อัตราการเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 82.4) เป็นการเบิกจ่ายงบประจำร้อยละ 84.5 ของวงเงินประจำงวดฯ (ปีก่อนอัตราการเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 88.0) และงบลงทุนเบิกจ่ายร้อยละ 25.2 (ปีก่อนอัตราการเบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ 64.7)
10. ระดับราคา
อัตราเงินเฟ้อวัดจากดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในภาคฯเดือนนี้ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน แต่สูงขึ้นร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีราคาสูงขึ้นได้แก่ ผักสดแปรรูป ไข่ ผลิตภัณฑ์นม เป็ด และไก่ เนื่องจากผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดมีไม่มาก ขณะที่ความต้องการบริโภคยังมีอย่างต่อเนื่อง
ราคาสินค้าในหมวดอื่น ๆ ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 3.4 สินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้นได้แก่ สินค้าในหมวดพาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร โดยเฉพาะราคาน้ำมันเบนซินที่ได้ปรับราคาขายปลีกสูงขึ้นมาก สินค้าในหมวดเคหสถาน ราคาก๊าซหุงต้มสูงขึ้นจากการปรับราคาจำหน่าย ณ คลังก๊าซ ตามมติกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และอนุกรรมการกำกับสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าให้ปรับค่าเอฟทีสูงขึ้น 5 สตางค์ต่อหน่วย
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--