นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการพับนกเพื่อนำไปโปรยให้แก่พี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นการสื่อความรู้สึกของพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ ทางด้านจิตใจ ซึ่งมีความห่วงใยต่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการสื่อที่ต้องการให้เกิดสันติภาพ แต่ปรากฏว่า ได้มีรัฐมนตรีท่านหนึ่งคือคุณเนวิน ชิดชอบ ได้ออกนโยบายเก็บนกแลกของ เช่น ถ้าใครเก็บนกได้ 20 ตัวก็สามารถนำมาแลกนมได้ 1 กล่อง ขณะเดียวกันก็มีผู้ว่าราชการจังหวัดได้เตรียมสิ่งของไว้แลกเช่นกัน
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า วิธีการของรัฐบาลเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม เพราะต้องยอมรับความจริงว่า นกที่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศพับให้กับพี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เป็นการสื่อทางด้านจิตใจ เพราะฉะนั้นเรื่องของการสื่อทางด้านจิตใจ ในเรื่องของความรัก ความห่วงใย ความต้องการเห็นสันติภาพนั้น ไม่สามารถวัดเป็นตัวเงินหรือสิ่งของได้
‘ตนคิดว่ารัฐบาลชุดนี้พยายามทำทุกทางในการใช้เงินเป็นตัวตั้งและทำให้คนหลงคิดว่า เงินสามารถแก้ไขปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างได้ รัฐบาลควรจะต้องคำนึงเป็นอย่างมากว่า เรื่องของจิตใจไม่สามารถวัดเป็นมูลค่าได้ เรื่องของจิตใจที่ดีงามนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งและเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงให้มาก มากกว่าการใช้วิธีการคิดแบบง่ายๆ’ นายองอาจ กล่าว
ส่วนกรณีสถานการณ์ทางการเมือง นายองอาจ กล่าวว่า ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ค่อนข้างมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านได้สร้างประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยว่า สภาฯ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนและรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยสามารถอยู่ได้ครบ 4 ปีเต็ม แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์อยากให้พิจารณาควบคู่กันคือ อีกด้านหนึ่งของรัฐบาล ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่า มีสภาพเป็นเผด็จการมากที่สุด และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด จนนำไปสู่การประณามและมีเสียงตำหนิจากทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างมาก อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลายเหตุการณ์สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้อำนาจรัฐ การใช้อำนาจมืด การใช้กลุ่มผู้มีอิทธิพลในทุกรูปแบบทั้งข่มขู่ คุกคาม และการดำเนินการกับฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส เสียชีวิต จนนำไปสู่ข้อเคลือบแคลงต่างๆ ยิ่งใกล้เลือกตั้งความรุนแรงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะสิ่งที่รัฐบาลหรือพรรคไทยรักไทยตั้งเป้าหมาย คือ ต้องการชนะการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาด เพียงพรรคเดียว ตามยุทธศาสตร์ 400 เสียง
พรรคประชาธิปัตย์ได้รวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 4 ปีที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ ในระดับต่างๆ และบุคคลที่มีส่วนสนับสนุนการทำงานของพรรคได้รับผลกระทบจากการใช้อำนาจรัฐของรัฐบาล มีทั้งสิ้น 20 รายการ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.การใช้กลไกอำนาจรัฐเข้าไปดำเนินการเล่นงานคนของพรรคประชาธิปัตย์หลายระดับ ตั้งแต่ระดับอดีตรัฐมนตรีถึงระดับสมาชิกพรรคทั่วไป ผ่านปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2. การใช้องค์กรอิสระเข้าไปดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ 3. การใช้ผู้มีอิทธพลลอบยิง ลอบฆ่า บุคลากรของพรรคประชาธิปัตย์
‘จากตัวอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รวบรวมเอาไว้ หลายกรณีเป็นคดี แต่ก็เงียบหายไปและไม่สามารถดำเนินคดีได้ เหตุการณ์ต่างๆ นี้เกิดขึ้นมาตลอด 4 ปี เรียกได้ว่า ไม่เคยมียุคใด สมัยใด ที่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามถูกกระทำเช่นนี้มาก่อน แสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดยเฉพาะพฤติกรรม เล่นงานฝ่ายตรงข้าม คือเผด็จการ พฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่ต้องการใช้อำนาจในการทำลายล้าง ใช้คราบของการเป็นนักการเมือง เพื่อจัดการกับฝ่ายตรงข้าม มากกว่าสร้างสรรค์ผลงานเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน จะเห็นได้ว่า กรณีต่างๆ เป็นการไม่ชอบมาพากล เป็นการใช้อำนาจรัฐที่ไม่โปร่งใส ใช้อำนาจมืด เพื่อผลประโยช์ทางการเมือง’ นายองอาจ กล่าว
พรรคประชาธิปัตย์ อยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ในฐานะที่รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมกลไลอำนาจรัฐ เป็นผู้รักษากฎหมาย รัฐบาลจะไม่สนับสนุนการใช้กลไกอำนาจรัฐเข้าข่มขู่ คุกคาม รังแก นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ในช่วงระยะเวลาของการเลือกตั้ง รัฐบาลจะไม่ใช้กฎหมายเพื่อผลประโยชน์ในการเอาชนะทางการเมืองเพียงอย่างเดียว และขอให้ใช้ด้วยความเสมอภาคกับทุกพรรคการเมืองและกับนักการเมืองทุกคน ไม่เลือกปฏิบัติ และควรจัดการไม่ให้กลุ่มที่มีอิทธิพลทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบเคลื่อนไว แผ่อิทธิพลของตนเอง
โฆษกปชป. กล่าวว่า นับจากนี้ไปถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับพรรคฝ่ายค้าน โดยที่รัฐบาลไม่สามารถจัดการได้ พรรคประชาธิปัตย์คงจะมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากรัฐบาลจะรู้เห็นเป็นใจกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลก็ได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอำนาจรัฐ อำนาจเงิน เพราะฉะนั้นรัฐบาลไม่ควรเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ควรใช้วิธีการแข่งขันทางการเมืองตามระบบ ตามกฎหมาย ในรูปแบบกันอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยอยู่คู่ประเทศไทยได้อย่างมั่นคง ไม่มีราคีใดๆ ในการเลือกตั้งครั้งนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า วิธีการของรัฐบาลเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม เพราะต้องยอมรับความจริงว่า นกที่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศพับให้กับพี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เป็นการสื่อทางด้านจิตใจ เพราะฉะนั้นเรื่องของการสื่อทางด้านจิตใจ ในเรื่องของความรัก ความห่วงใย ความต้องการเห็นสันติภาพนั้น ไม่สามารถวัดเป็นตัวเงินหรือสิ่งของได้
‘ตนคิดว่ารัฐบาลชุดนี้พยายามทำทุกทางในการใช้เงินเป็นตัวตั้งและทำให้คนหลงคิดว่า เงินสามารถแก้ไขปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างได้ รัฐบาลควรจะต้องคำนึงเป็นอย่างมากว่า เรื่องของจิตใจไม่สามารถวัดเป็นมูลค่าได้ เรื่องของจิตใจที่ดีงามนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งและเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงให้มาก มากกว่าการใช้วิธีการคิดแบบง่ายๆ’ นายองอาจ กล่าว
ส่วนกรณีสถานการณ์ทางการเมือง นายองอาจ กล่าวว่า ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ค่อนข้างมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านได้สร้างประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยว่า สภาฯ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนและรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยสามารถอยู่ได้ครบ 4 ปีเต็ม แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์อยากให้พิจารณาควบคู่กันคือ อีกด้านหนึ่งของรัฐบาล ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่า มีสภาพเป็นเผด็จการมากที่สุด และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด จนนำไปสู่การประณามและมีเสียงตำหนิจากทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างมาก อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลายเหตุการณ์สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้อำนาจรัฐ การใช้อำนาจมืด การใช้กลุ่มผู้มีอิทธิพลในทุกรูปแบบทั้งข่มขู่ คุกคาม และการดำเนินการกับฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส เสียชีวิต จนนำไปสู่ข้อเคลือบแคลงต่างๆ ยิ่งใกล้เลือกตั้งความรุนแรงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะสิ่งที่รัฐบาลหรือพรรคไทยรักไทยตั้งเป้าหมาย คือ ต้องการชนะการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาด เพียงพรรคเดียว ตามยุทธศาสตร์ 400 เสียง
พรรคประชาธิปัตย์ได้รวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 4 ปีที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ ในระดับต่างๆ และบุคคลที่มีส่วนสนับสนุนการทำงานของพรรคได้รับผลกระทบจากการใช้อำนาจรัฐของรัฐบาล มีทั้งสิ้น 20 รายการ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.การใช้กลไกอำนาจรัฐเข้าไปดำเนินการเล่นงานคนของพรรคประชาธิปัตย์หลายระดับ ตั้งแต่ระดับอดีตรัฐมนตรีถึงระดับสมาชิกพรรคทั่วไป ผ่านปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2. การใช้องค์กรอิสระเข้าไปดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ 3. การใช้ผู้มีอิทธพลลอบยิง ลอบฆ่า บุคลากรของพรรคประชาธิปัตย์
‘จากตัวอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รวบรวมเอาไว้ หลายกรณีเป็นคดี แต่ก็เงียบหายไปและไม่สามารถดำเนินคดีได้ เหตุการณ์ต่างๆ นี้เกิดขึ้นมาตลอด 4 ปี เรียกได้ว่า ไม่เคยมียุคใด สมัยใด ที่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามถูกกระทำเช่นนี้มาก่อน แสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดยเฉพาะพฤติกรรม เล่นงานฝ่ายตรงข้าม คือเผด็จการ พฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่ต้องการใช้อำนาจในการทำลายล้าง ใช้คราบของการเป็นนักการเมือง เพื่อจัดการกับฝ่ายตรงข้าม มากกว่าสร้างสรรค์ผลงานเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน จะเห็นได้ว่า กรณีต่างๆ เป็นการไม่ชอบมาพากล เป็นการใช้อำนาจรัฐที่ไม่โปร่งใส ใช้อำนาจมืด เพื่อผลประโยช์ทางการเมือง’ นายองอาจ กล่าว
พรรคประชาธิปัตย์ อยากจะเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ในฐานะที่รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมกลไลอำนาจรัฐ เป็นผู้รักษากฎหมาย รัฐบาลจะไม่สนับสนุนการใช้กลไกอำนาจรัฐเข้าข่มขู่ คุกคาม รังแก นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ในช่วงระยะเวลาของการเลือกตั้ง รัฐบาลจะไม่ใช้กฎหมายเพื่อผลประโยชน์ในการเอาชนะทางการเมืองเพียงอย่างเดียว และขอให้ใช้ด้วยความเสมอภาคกับทุกพรรคการเมืองและกับนักการเมืองทุกคน ไม่เลือกปฏิบัติ และควรจัดการไม่ให้กลุ่มที่มีอิทธิพลทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบเคลื่อนไว แผ่อิทธิพลของตนเอง
โฆษกปชป. กล่าวว่า นับจากนี้ไปถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับพรรคฝ่ายค้าน โดยที่รัฐบาลไม่สามารถจัดการได้ พรรคประชาธิปัตย์คงจะมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากรัฐบาลจะรู้เห็นเป็นใจกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลก็ได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอำนาจรัฐ อำนาจเงิน เพราะฉะนั้นรัฐบาลไม่ควรเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ควรใช้วิธีการแข่งขันทางการเมืองตามระบบ ตามกฎหมาย ในรูปแบบกันอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยอยู่คู่ประเทศไทยได้อย่างมั่นคง ไม่มีราคีใดๆ ในการเลือกตั้งครั้งนี้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 ธ.ค. 2547--จบ--
-ดท-