ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ก.คลังอนุมัติ บง.เอไอจีไฟแนนซ์ เป็นธนาคาร นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด ก.คลัง เปิดเผย
ว่า คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติการจัดตั้ง ธ.พาณิชย์แห่งใหม่ ได้พิจารณาอนุมัติให้ บง.เอไอจี
ไฟแนนซ์ (ประเทศไทย) สามารถตั้งเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยแล้ว ส่วนอีก 1 รายอยู่ระหว่างการพิจารณา ผู้ที่
ผ่านการพิจารณาแล้วจะต้องไปดำเนินการจัดตั้งธนาคารให้เสร็จภายใน 1 ปี ด้านนางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่า
การ สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า บง.เอไอจีไฟแนนซ์นับเป็นรายที่ 2 ที่ ก.คลังอนุมัติต่อจาก
บง.ทิสโก้ และคาดว่าหลังจากนี้จะมีการประกาศออกมาเป็นระยะ ซึ่งตอนนี้ ธปท. เสนอรายชื่อ บง. และ บค. ที่
ขอจัดตั้งเป็นธนาคารให้ ก.คลังพิจารณาแล้ว ในจำนวนนี้มี บง.มากกว่า 1 ราย ที่ไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติยกระดับ
เป็นธนาคาร (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. กองทุนฟื้นฟูยังไม่มีแนวคิดขายหุ้นธนาคารที่กองทุนฯ ถือหุ้นอยู่ในขณะนี้ นางสว่างจิตต์ จัยวัฒน์ ผู้
ช่วยผู้ว่าการ ธปท. ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กล่าวว่า ยังไม่มีแนวคิดที่
จะขายหุ้น ธ.พาณิชย์ทั้ง 5 แห่ง ที่ทางกองทุนฯ ถือหุ้นอยู่ในเวลาอันใกล้นี้ โดย ธ.กรุงไทย ธ.นครหลวงไทย
และ ธ.ไทยธนาคาร กองทุนฯ มีแนวทางที่จะขายหุ้นที่เหลือออกไปใน 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากเพิ่งขายหุ้นของ
ธนาคารดังกล่าวออกไปเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา จึงต้องรอจังหวะเวลาและราคาที่เหมาะสม ถ้ากองทุนฯ ขายหุ้นใน
เวลาใกล้เคียงจำนวนมากอาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาดของทั้ง 3 ธนาคาร ส่วน ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
และ ธ.ยูโอบี รัตนสิน กองทุนฯ ถือหุ้นส่วนน้อยคงจะต้องดูแนวทางของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
3. เศรษฐกิจไทยปี 48 จะขยายตัวลดลงจากปี 47 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์
เศรษฐกิจและธุรกิจหอการค้า เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 48 ว่า คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.5 ชะลอลง
จากปี 47 ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.3 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวม 110,376 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว
เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เทียบกับปี 47 การนำเข้ามีมูลค่า 112,612 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 19 ซึ่งจะ
ทำให้ไทยขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี มูลค่า 2,236 ล้านดอลลลาร์ สรอ. ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดยัง
เกินดุล 3,164 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5 ด้านอัตราแลกเปลี่ยน
จะแข็งค่าขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 38.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงเพราะมีปัจจัยรุม
เร้ามาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่อาจจะต้องปรับขึ้นลิตรละ 4 บาท ดอกเบี้ยจะปรับขึ้นร้อยละ 0.5 —
0.75 ขณะที่เงินเฟ้อจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 รวมถึงปัจจัยเสี่ยงเรื่องไข้หวัดนก สำหรับภาวะเศรษฐกิจ
ปี 47 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.3 โดยมีมูลค่าส่งออกรวม 95,979 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ
22.9 การนำเข้ามีมูลค่ารวม 94,632 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 27.3 (ข่าวสด, กรุงเทพ
ธุรกิจ, มติชน)
4. สศช. เสนอ 3 ยุทธศาสตร์บริหารจัดการเศรษฐกิจนอกระบบ นายสันติ บางอ้อ รอง
เลขาธิการ สนง.คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า เศรษฐกิจนอกระบบในประทศ
ไทยมีขนาดค่อนข้างกว้าง มีผู้เกี่ยวข้องถึง 23 ล้านคน ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน มีมูลค่าประมาณ 2.38 ล้านล้าน
บาท คิดเป็นร้อยละ 43.8 ของจีดีพี แต่ผู้ที่อยู่ในเศรษฐกิจนอกระบบยังไม่ได้รับการคุ้มครองและดูแลจากภาครัฐ
จึงเสนอยุทธศาสตร์ 3 ประการ เพื่อบริหารจัดการเศรษฐกิจนอกระบบให้มีประสิทธิภาพ คือ 1) ยุทธศาสตร์ส่ง
เสริมและพัฒนาเศรษฐกิจนอกระบบให้เป็นฐานสนับสนุนเศรษฐกิจไทย โดยการสร้างแรงจูงใจให้กลับเข้าสู่ระบบมาก
ขึ้น เช่น การฝึกอาชีพ การช่วยเหลือสนับสนุนทางการเงิน เพื่อสร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพ 2) ยุทธศาสตร์การ
บริหารความเสี่ยงเพื่อการคุ้มครองทางสังคม ด้วยการจัดตั้งกองทุนเพื่อแรงงานเศรษฐกิจนอกระบบ โดยมีเงื่อนไข
ให้ภาครัฐและนายจ้างสนับสนุนการจ่ายเงินสมทบให้กับแรงงานมีหลักประกันความมั่นคงในการทำงาน และ 3)
การบริหารจัดการเศรษฐกิจนอกระบบที่มีผลกระทบต่อสังคม โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มบริการทางเพศ และกลุ่ม
ธุรกิจการพนัน ซึ่งเป็นธุรกจิที่ผิดกฎหมาย แนวทางแรกเสนอให้มีการจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อสอบถามความเห็นจาก
ทุกฝ่าย หรือแนวทางที่ 2 การอนุญาตให้เปิดสถานบริการทางเพศและบ่อนการพนันถูกกฎหมาย โดยกำหนดเงื่อนไข
ให้มีการขึ้นทะเบียนและต้องดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มงวด (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 ที่ร้อยละ 2.0
รายงานจากแฟรงเฟิร์ต เมื่อ 2 ธ.ค.47 ธ.กลางยุโรปประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
จากเดือนก่อนเช่นที่คาดการณ์ไว้ โดยอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.0 ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 18และยังคงเฝ้าติดตามความ
กดดันด้านเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดท่ามกลางกลไกการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกระทบต่อการ
เติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรป และผลักดันให้ภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น นอกจากนี้ อุปสรรคสำคัญในขณะนี้
คือค่าเงินสกุลยูโรที่พุ่งทะยานสูงขึ้นอันส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ตลอดจนความกดดันด้านราคา อย่างไรก็ตาม
นักการเมืองเริ่มกระตุ้นให้ ธ.กลางยุโรปพิจารณาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อรักษาการฟื้นตัวทาง
เศรษฐกิจและช่วยให้ความแข็งแกร่งของเงินยูโรให้อ่อนค่าลง ขณะที่ผู้ว่าการ ธ.กลางยุโรป (Jean-Claude
Trichet) ยังคงยึดมั่นในความระมัดระวังเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อรวมทั้งการลดความกดดันด้านเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ Trichet จะแถลงมติของคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางยุโรปเกี่ยวกับการตัดสินใจใช้นโยบาย
การเงินในรูปแบบใดในวันนี้ (3 ธ.ค.47) เวลา 13.30 น. ตามเวลามาตรฐาน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า
ธ.กลางยุโรปจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบเดิมไปอีกหลายเดือน จนกว่าจะแน่ใจว่ามีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แท้
จริง รอยเตอร์)
2. ธ.กลางยุโรปปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าของประเทศในเขต
เศรษฐกิจยุโรปจากร้อยละ 2.3 เป็นร้อยละ 1.9 ต่อปี รายงานจากแฟรงค์เฟริท์ เมื่อ 2 ธ.ค.47 ธ.กลางยุโรป
หรือ ECB ได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าของเขตเศรษฐกิจยุโรปซึ่งประกอบด้วย
ประเทศสมาชิก 12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรจากร้อยละ 2.3 ที่คาดไว้เมื่อ 3 เดือนก่อนเป็นร้อยละ 1.9 ต่อปี ใน
ขณะที่ปรับเพิ่มประมาณการอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าจากร้อยละ 1.8 ต่อปีเป็นร้อยละ 2.0 ต่อปี จากการคาดว่าราคา
น้ำมันโดยเฉลี่ยในปีหน้าจะอยู่ที่ 44.40 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล จากราคา 39.0 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลใน
ปีนี้ก่อนที่จะอ่อนตัวลงเหลือ 40.80 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลในปี 49 และได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยาย
ตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้จากร้อยละ 1.9 ต่อปีเป็นร้อยละ 1.8 ต่อปีโดยคงประมาณการอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ร้อยละ
2.2 ต่อปี นอกจากนี้ ECB ยังได้ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับปี 49 เป็นครั้งแรกโดยคาดว่า
อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงเหลือระหว่างร้อยละ 1.0 ถึง 2.2 ต่อปีในขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะ
เพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 1.7 ถึง 2.7 ต่อปี (รอยเตอร์)
3. รมว.คลังอังกฤษคาดว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัวร้อยละ 3.25 ในปีนี้และอัตราดอกเบี้ยอาจจะ
ต้องปรับสูงขึ้นอีก รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 2 ธ.ค 47 รมว.คลังอังกฤษกล่าวที่รัฐสภาเมื่อวานนี้ว่า ปัจจัย
พื้นฐานและเศรษฐกิจโลกขยายตัวเอื้อต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอังกฤษอย่างมาก คาดว่าเศรษฐกิจ
อังกฤษในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 3.25 ส่วนปีหน้ายังคงขยายตัวได้ในระหว่างร้อยละ 3.0 — 3.25 ซึ่งขัดแย้งอย่าง
มากกับการคาดการณ์ของธ.กลางอังกฤษว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.5 นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าหาก
การคาดการณ์ของรมว.คลังเป็นจริงจะมีความเสี่ยงที่อัตราดอกเบี้ยจะต้องปรับสูงขึ้น อนึ่งองค์การเพื่อความร่วมมือ
ทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดว่าอัตราดอกเบี้ยของอังกฤษจะปรับเพิ่มถึงร้อยละ 5.5 ในราวปลายปี
หน้าจากระดับร้อยละ 4.75 ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามธ.กลางอังกฤษอาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่คาด
การณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าของธ.กลางยังต่ำกว่าที่รมว.คลังอังกฤษคาดการณ์อย่างมาก อย่างไรก็ตาม
ผู้คาดการณ์บางส่วนในตลาดการเงินเชื่อว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระดับร้อยละ 4.75 ใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว และอาจจะมี
การปรับลดลงได้ในปีหน้า แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่าคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของ รมว.คลังอาจจะเพิ่ม
แรงกดดันด้านเงินเฟ้อขณะที่ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าการคาดการณ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้(รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.47 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 20
เดือน รายงานจากโซลเมื่อ 2 ธ.ค.47 The Federation of Korean Industries (FKI) เปิดเผยผล
การสำรวจความคิดเห็นจากบรรดานักธุรกิจว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.47 ลดลงที่
ระดับ 91.0 จากระดับ 96.2 ในเดือนก่อน และเป็นการลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือนนับตั้งแต่เดือน เม.
ย.46 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 81.9 สะท้อนว่าภาวะเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากความต้องการ
ภายในประเทศและการส่งออกซึ่งชะลอตัวต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว โดยมีสาเหตุหลักจากการแข็งค่าของเงิน
วอน ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่สำรวจโดย FKI เป็นไปในทิศทางเดียวกับการสำรวจของ ธ.กลางเกาหลีใต้
โดย All-industry Business Survey Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ธุรกิจใน
อนาคตของบรรดาธุรกิจ ลดลงที่ระดับ 71 ในเดือน ธ.ค.47 จากระดับ 73 ในเดือนก่อน โดยการที่ดัชนีฯ อยู่ต่ำ
กว่าระดับ 100 สะท้อนว่าบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจคาดว่าธุรกิจของตนจะต้องประสบกับภาวะซบเซามากกว่าที่จะดี
ขึ้น อนึ่ง การที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจทั้ง 2 ปรับตัวลดลง ประกอบกับการชะลอตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมและ
ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน พ.ย.47 โดยผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงเกินความคาดหมายร้อยละ 0.9 ขณะที่ดัชนีราคา
ผู้บริโภคลดลงร้อยละ 3.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน อาจเป็นสาเหตุให้ ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยทางการลงเพื่อช่วยค้ำจุนภาวะเศรษฐกิจ หลังจากที่เคยปรับลดอัตราดอกเบี้ยทางการลงร้อยละ 1 เหลือ
ร้อยละ 3.25 เมื่อต้นปี 46 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 3 ธ.ค.47 2 ธ.ค 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.18 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0047/39.2885 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.7500-1.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 661.08/ 25.44 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,350/8,450 8,400/8,500 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 31.89 33.16 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 19 พ.ย.47 21.19*/14.59 21.19/14.59 16.99/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ก.คลังอนุมัติ บง.เอไอจีไฟแนนซ์ เป็นธนาคาร นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด ก.คลัง เปิดเผย
ว่า คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติการจัดตั้ง ธ.พาณิชย์แห่งใหม่ ได้พิจารณาอนุมัติให้ บง.เอไอจี
ไฟแนนซ์ (ประเทศไทย) สามารถตั้งเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยแล้ว ส่วนอีก 1 รายอยู่ระหว่างการพิจารณา ผู้ที่
ผ่านการพิจารณาแล้วจะต้องไปดำเนินการจัดตั้งธนาคารให้เสร็จภายใน 1 ปี ด้านนางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่า
การ สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า บง.เอไอจีไฟแนนซ์นับเป็นรายที่ 2 ที่ ก.คลังอนุมัติต่อจาก
บง.ทิสโก้ และคาดว่าหลังจากนี้จะมีการประกาศออกมาเป็นระยะ ซึ่งตอนนี้ ธปท. เสนอรายชื่อ บง. และ บค. ที่
ขอจัดตั้งเป็นธนาคารให้ ก.คลังพิจารณาแล้ว ในจำนวนนี้มี บง.มากกว่า 1 ราย ที่ไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติยกระดับ
เป็นธนาคาร (โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
2. กองทุนฟื้นฟูยังไม่มีแนวคิดขายหุ้นธนาคารที่กองทุนฯ ถือหุ้นอยู่ในขณะนี้ นางสว่างจิตต์ จัยวัฒน์ ผู้
ช่วยผู้ว่าการ ธปท. ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กล่าวว่า ยังไม่มีแนวคิดที่
จะขายหุ้น ธ.พาณิชย์ทั้ง 5 แห่ง ที่ทางกองทุนฯ ถือหุ้นอยู่ในเวลาอันใกล้นี้ โดย ธ.กรุงไทย ธ.นครหลวงไทย
และ ธ.ไทยธนาคาร กองทุนฯ มีแนวทางที่จะขายหุ้นที่เหลือออกไปใน 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากเพิ่งขายหุ้นของ
ธนาคารดังกล่าวออกไปเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา จึงต้องรอจังหวะเวลาและราคาที่เหมาะสม ถ้ากองทุนฯ ขายหุ้นใน
เวลาใกล้เคียงจำนวนมากอาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาดของทั้ง 3 ธนาคาร ส่วน ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
และ ธ.ยูโอบี รัตนสิน กองทุนฯ ถือหุ้นส่วนน้อยคงจะต้องดูแนวทางของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
3. เศรษฐกิจไทยปี 48 จะขยายตัวลดลงจากปี 47 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์
เศรษฐกิจและธุรกิจหอการค้า เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 48 ว่า คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.5 ชะลอลง
จากปี 47 ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.3 โดยมีมูลค่าการส่งออกรวม 110,376 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว
เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เทียบกับปี 47 การนำเข้ามีมูลค่า 112,612 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 19 ซึ่งจะ
ทำให้ไทยขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี มูลค่า 2,236 ล้านดอลลลาร์ สรอ. ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดยัง
เกินดุล 3,164 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5 ด้านอัตราแลกเปลี่ยน
จะแข็งค่าขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 38.5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงเพราะมีปัจจัยรุม
เร้ามาก โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลที่อาจจะต้องปรับขึ้นลิตรละ 4 บาท ดอกเบี้ยจะปรับขึ้นร้อยละ 0.5 —
0.75 ขณะที่เงินเฟ้อจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 รวมถึงปัจจัยเสี่ยงเรื่องไข้หวัดนก สำหรับภาวะเศรษฐกิจ
ปี 47 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 6.3 โดยมีมูลค่าส่งออกรวม 95,979 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ
22.9 การนำเข้ามีมูลค่ารวม 94,632 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 27.3 (ข่าวสด, กรุงเทพ
ธุรกิจ, มติชน)
4. สศช. เสนอ 3 ยุทธศาสตร์บริหารจัดการเศรษฐกิจนอกระบบ นายสันติ บางอ้อ รอง
เลขาธิการ สนง.คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า เศรษฐกิจนอกระบบในประทศ
ไทยมีขนาดค่อนข้างกว้าง มีผู้เกี่ยวข้องถึง 23 ล้านคน ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน มีมูลค่าประมาณ 2.38 ล้านล้าน
บาท คิดเป็นร้อยละ 43.8 ของจีดีพี แต่ผู้ที่อยู่ในเศรษฐกิจนอกระบบยังไม่ได้รับการคุ้มครองและดูแลจากภาครัฐ
จึงเสนอยุทธศาสตร์ 3 ประการ เพื่อบริหารจัดการเศรษฐกิจนอกระบบให้มีประสิทธิภาพ คือ 1) ยุทธศาสตร์ส่ง
เสริมและพัฒนาเศรษฐกิจนอกระบบให้เป็นฐานสนับสนุนเศรษฐกิจไทย โดยการสร้างแรงจูงใจให้กลับเข้าสู่ระบบมาก
ขึ้น เช่น การฝึกอาชีพ การช่วยเหลือสนับสนุนทางการเงิน เพื่อสร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพ 2) ยุทธศาสตร์การ
บริหารความเสี่ยงเพื่อการคุ้มครองทางสังคม ด้วยการจัดตั้งกองทุนเพื่อแรงงานเศรษฐกิจนอกระบบ โดยมีเงื่อนไข
ให้ภาครัฐและนายจ้างสนับสนุนการจ่ายเงินสมทบให้กับแรงงานมีหลักประกันความมั่นคงในการทำงาน และ 3)
การบริหารจัดการเศรษฐกิจนอกระบบที่มีผลกระทบต่อสังคม โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มบริการทางเพศ และกลุ่ม
ธุรกิจการพนัน ซึ่งเป็นธุรกจิที่ผิดกฎหมาย แนวทางแรกเสนอให้มีการจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อสอบถามความเห็นจาก
ทุกฝ่าย หรือแนวทางที่ 2 การอนุญาตให้เปิดสถานบริการทางเพศและบ่อนการพนันถูกกฎหมาย โดยกำหนดเงื่อนไข
ให้มีการขึ้นทะเบียนและต้องดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มงวด (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 ที่ร้อยละ 2.0
รายงานจากแฟรงเฟิร์ต เมื่อ 2 ธ.ค.47 ธ.กลางยุโรปประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
จากเดือนก่อนเช่นที่คาดการณ์ไว้ โดยอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.0 ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 18และยังคงเฝ้าติดตามความ
กดดันด้านเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดท่ามกลางกลไกการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกระทบต่อการ
เติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจยุโรป และผลักดันให้ภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น นอกจากนี้ อุปสรรคสำคัญในขณะนี้
คือค่าเงินสกุลยูโรที่พุ่งทะยานสูงขึ้นอันส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ตลอดจนความกดดันด้านราคา อย่างไรก็ตาม
นักการเมืองเริ่มกระตุ้นให้ ธ.กลางยุโรปพิจารณาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อรักษาการฟื้นตัวทาง
เศรษฐกิจและช่วยให้ความแข็งแกร่งของเงินยูโรให้อ่อนค่าลง ขณะที่ผู้ว่าการ ธ.กลางยุโรป (Jean-Claude
Trichet) ยังคงยึดมั่นในความระมัดระวังเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อรวมทั้งการลดความกดดันด้านเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ Trichet จะแถลงมติของคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางยุโรปเกี่ยวกับการตัดสินใจใช้นโยบาย
การเงินในรูปแบบใดในวันนี้ (3 ธ.ค.47) เวลา 13.30 น. ตามเวลามาตรฐาน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า
ธ.กลางยุโรปจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบเดิมไปอีกหลายเดือน จนกว่าจะแน่ใจว่ามีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แท้
จริง รอยเตอร์)
2. ธ.กลางยุโรปปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าของประเทศในเขต
เศรษฐกิจยุโรปจากร้อยละ 2.3 เป็นร้อยละ 1.9 ต่อปี รายงานจากแฟรงค์เฟริท์ เมื่อ 2 ธ.ค.47 ธ.กลางยุโรป
หรือ ECB ได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าของเขตเศรษฐกิจยุโรปซึ่งประกอบด้วย
ประเทศสมาชิก 12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรจากร้อยละ 2.3 ที่คาดไว้เมื่อ 3 เดือนก่อนเป็นร้อยละ 1.9 ต่อปี ใน
ขณะที่ปรับเพิ่มประมาณการอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าจากร้อยละ 1.8 ต่อปีเป็นร้อยละ 2.0 ต่อปี จากการคาดว่าราคา
น้ำมันโดยเฉลี่ยในปีหน้าจะอยู่ที่ 44.40 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล จากราคา 39.0 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลใน
ปีนี้ก่อนที่จะอ่อนตัวลงเหลือ 40.80 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลในปี 49 และได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยาย
ตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้จากร้อยละ 1.9 ต่อปีเป็นร้อยละ 1.8 ต่อปีโดยคงประมาณการอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ร้อยละ
2.2 ต่อปี นอกจากนี้ ECB ยังได้ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับปี 49 เป็นครั้งแรกโดยคาดว่า
อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงเหลือระหว่างร้อยละ 1.0 ถึง 2.2 ต่อปีในขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะ
เพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 1.7 ถึง 2.7 ต่อปี (รอยเตอร์)
3. รมว.คลังอังกฤษคาดว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัวร้อยละ 3.25 ในปีนี้และอัตราดอกเบี้ยอาจจะ
ต้องปรับสูงขึ้นอีก รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 2 ธ.ค 47 รมว.คลังอังกฤษกล่าวที่รัฐสภาเมื่อวานนี้ว่า ปัจจัย
พื้นฐานและเศรษฐกิจโลกขยายตัวเอื้อต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอังกฤษอย่างมาก คาดว่าเศรษฐกิจ
อังกฤษในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 3.25 ส่วนปีหน้ายังคงขยายตัวได้ในระหว่างร้อยละ 3.0 — 3.25 ซึ่งขัดแย้งอย่าง
มากกับการคาดการณ์ของธ.กลางอังกฤษว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.5 นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าหาก
การคาดการณ์ของรมว.คลังเป็นจริงจะมีความเสี่ยงที่อัตราดอกเบี้ยจะต้องปรับสูงขึ้น อนึ่งองค์การเพื่อความร่วมมือ
ทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดว่าอัตราดอกเบี้ยของอังกฤษจะปรับเพิ่มถึงร้อยละ 5.5 ในราวปลายปี
หน้าจากระดับร้อยละ 4.75 ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามธ.กลางอังกฤษอาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่คาด
การณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าของธ.กลางยังต่ำกว่าที่รมว.คลังอังกฤษคาดการณ์อย่างมาก อย่างไรก็ตาม
ผู้คาดการณ์บางส่วนในตลาดการเงินเชื่อว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระดับร้อยละ 4.75 ใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว และอาจจะมี
การปรับลดลงได้ในปีหน้า แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่าคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของ รมว.คลังอาจจะเพิ่ม
แรงกดดันด้านเงินเฟ้อขณะที่ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าการคาดการณ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้(รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.47 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 20
เดือน รายงานจากโซลเมื่อ 2 ธ.ค.47 The Federation of Korean Industries (FKI) เปิดเผยผล
การสำรวจความคิดเห็นจากบรรดานักธุรกิจว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.47 ลดลงที่
ระดับ 91.0 จากระดับ 96.2 ในเดือนก่อน และเป็นการลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือนนับตั้งแต่เดือน เม.
ย.46 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 81.9 สะท้อนว่าภาวะเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากความต้องการ
ภายในประเทศและการส่งออกซึ่งชะลอตัวต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว โดยมีสาเหตุหลักจากการแข็งค่าของเงิน
วอน ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่สำรวจโดย FKI เป็นไปในทิศทางเดียวกับการสำรวจของ ธ.กลางเกาหลีใต้
โดย All-industry Business Survey Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ธุรกิจใน
อนาคตของบรรดาธุรกิจ ลดลงที่ระดับ 71 ในเดือน ธ.ค.47 จากระดับ 73 ในเดือนก่อน โดยการที่ดัชนีฯ อยู่ต่ำ
กว่าระดับ 100 สะท้อนว่าบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจคาดว่าธุรกิจของตนจะต้องประสบกับภาวะซบเซามากกว่าที่จะดี
ขึ้น อนึ่ง การที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจทั้ง 2 ปรับตัวลดลง ประกอบกับการชะลอตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมและ
ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน พ.ย.47 โดยผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงเกินความคาดหมายร้อยละ 0.9 ขณะที่ดัชนีราคา
ผู้บริโภคลดลงร้อยละ 3.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน อาจเป็นสาเหตุให้ ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยทางการลงเพื่อช่วยค้ำจุนภาวะเศรษฐกิจ หลังจากที่เคยปรับลดอัตราดอกเบี้ยทางการลงร้อยละ 1 เหลือ
ร้อยละ 3.25 เมื่อต้นปี 46 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 3 ธ.ค.47 2 ธ.ค 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.18 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0047/39.2885 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.7500-1.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 661.08/ 25.44 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,350/8,450 8,400/8,500 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 31.89 33.16 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 19 พ.ย.47 21.19*/14.59 21.19/14.59 16.99/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--