ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ชี้แจงกระแสข่าวเรื่อง ธปท.แทรกแซงค่าเงินบาท ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ธปท.ได้นำเงินจำนวนสูงถึง 3,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. ไปแทรกแซงค่า
เงินบาท และส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องว่า ไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมา ธปท.ได้เข้าไปดูแลค่า
เงินบาทเพื่อไม่ให้ผันผวน โดยตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ย. มีการใช้เงินซื้อดอลลาร์ประมาณ 1,100 ล.ดอลลาร์
สรอ.เท่านั้น ทั้งนี้ การที่ ธปท.เข้าไปดูแลค่าเงินบาทเพื่อเป็นการรักษาระดับราคาให้มีความเหมาะสมกับการค้า
ขาย และจะเข้าดูแลทันทีที่ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวเร็วเกินไปจนส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกและการค้าขายระหว่าง
ประเทศ อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ ธปท.เข้าดูแลค่าเงินบาทจะมีการดูดซับสภาพคล่องเพื่อไม่ให้สภาพคล่องในระบบมี
เพิ่มขึ้น ตามหลักการ “Neutralize” สำหรับมาตรการในการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทในขณะนี้นั้นถือว่ามี
เพียงพอโดยไม่ได้ออกมาตรการใดๆ เพิ่มเติม (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
2. สศช.คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปี 48 ที่ระดับ 5.5-6.5% เลขาธิการสำนัก
งานเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงการคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 48 ว่าจะ
เติบโตอยู่ในระดับ 5.5-6.5% โดยมีอัตราเงินเฟ้อยู่ในระดับ 2.9-3.2 ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
ในปี 48 คือการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งคาดว่าจะขยายตัวชะลอลงเป็น 3.8% จาก 4.6% ในปี 47 ปัจจัย
ด้านราคาน้ำมันดิบซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ระดับราคาเฉลี่ย 35 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล รวมถึงปัจจัยเสี่ยงด้านอัตรา
แลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย การดูแลสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ และการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ทั้งนี้
การคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 48 นั้น สศช.ได้คำนวณผลกระทบจากการเลิกตรึงราคาน้ำมัน
ดีเซลในไตรมาสสองปีหน้าด้วย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้จีดีพีลดลง 1.02% การบริโภคภาคเอกชนลดลง 0.60% การ
ส่งออกลดลง 0.42% และราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 0.69% ทั้งนี้ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบโอมานไม่เกิน 35
ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ครม.อนุมัติให้นำเงินจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศร่วมลงทุนในเอเชียบอนด์ 2 จำนวน
250 ล.ดอลลาร์ สรอ. โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติให้นำเงินจากเงิน
ทุนสำรองระหว่างประเทศไม่เกิน 250 ล.ดอลลาร์ สรอ. ไปร่วมลงทุนในการจัดตั้งกองทุน พธบ.เอเชียระยะที่
2 (เอเชียบอนด์ฟันด์ 2 หรือ ABF 2) ภายใต้กรอบการประชุม ธ.กลางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก
(EMEAP) เพื่อการพัฒนาตลาดเอเชียบอนด์ หลังจากที่ ครม.ได้เห็นชอบให้มีการก่อตั้งเอเชียบอนด์ฟันด์ 1 เมื่อวัน
ที่ 22 เม.ย.46 ที่ผ่านมา ในวงเงินลงทุน 200 ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่ง
ของการดำเนินมาตรการริเริ่มพัฒนาตลาด พธบ.เอเชียด้านอุปสงค์ ซึ่งภาครัฐต้องการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใน
พธบ.หรือตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่น โดยจะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และ
พัฒนาตลาด พธบ.ท้องถิ่นภายในภูมิภาค (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
4. อัตราการจ่ายผลตอบแทนของ บจ.ในปี 47 อยู่ที่ 3.5-4% สูงกว่า 2-3% ในปีก่อน กรรมการ
ผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปี 47
มีทิศทางที่น่าลงทุน แม้ว่าอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะชะลอตัวจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่ม
ขึ้น แต่ในส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดย บจ.สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ที่ 3.5-
4% จากปีที่ผ่านมาจ่ายปันผลเฉลี่ย 2-3% และมีบางบริษัทจ่ายเงินปันผลงวดสิ้นปี 47 สูงถึง 10% ซึ่งเมื่อเทียบกับ
ตลาดหุ้นทั่วโลกแล้วตลาดหุ้นไทยจ่ายเงินปันผลสูงติด 1 ใน 3 ของเอเชีย ทั้งนี้ การที่ บจ.จ่ายเงินปันผลในอัตราที่
สูง เนื่องจากระดับราคาหุ้นในปีนี้ลดต่ำลง ประกอบกับ บจ.มีกระแสเงินสดมากขึ้น ทำให้ผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น
สูงขึ้น บริษัทจึงต้องจ่ายเงินปันผลออกมาเพื่อลดอัตราผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น ส่วนดัชนีตลาดหุ้นในปี 48 คาดว่า
จะอยู่ที่ 774 จุด P/E 9.3 เท่า อัตราการเติบโตของกำไร บจ.อยู่ที่ 8.5% อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อยู่
ที่ 4.25% สำหรับปัจจัยระยะสั้นที่เป็นตัวขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยในปี 48 คือ กระแสเงินสดจากนักลงทุนต่างประเทศ
ที่ไหลเข้ามา เนื่องจากค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. และการเลือกตั้งสมาชิกสภา
ผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้นในเดือน ก.พ.48 ส่วนปัจจัยระยะยาว ได้แก่ อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นของไทยซึ่งค่อนข้างสูง
และราคาหุ้นไทยที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ความสามารถในการผลิตของ สรอ. ในไตรมาส 3 ปี 47 ชะลอตัวเนื่องจากต้นทุนแรงงานสูง
ขึ้น รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 7 ธ.ค.47 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ความสามารถในการผลิตนอกภาค
เกษตร หรือผลผลิตของคนงานต่อชั่วโมง ของ สรอ.ในไตรมาส 3 ปี 47 เติบโตเพียงร้อยละ 1.8 เทียบต่อปี นับ
เป็นการขยายตัวน้อยที่สุดตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 45 เนื่องจากต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 อันอาจสนับสนุนให้
เกิดภาวะเงินเฟ้อได้ ในขณะที่ นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ความสามารถในการผลิตของ สรอ.
(หลังจากทบทวนตัวเลขแล้ว) ในไตรมาสที่ 3 ปี 47 จะขยายตัวร้อยละ 2.0 จากที่รายงานก่อนหน้านี้ว่าจะขยาย
ตัวร้อยละ 1.9 เทียบกับในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาขยายตัวร้อยละ 3.9 โดยยอดขายของร้านค้าปลีกใน สรอ.ลดลง
ในช่วงฤดูกาลใช้จ่ายที่สำคัญหลังเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ในขณะที่ธุรกิจมีการแผนการปรับลดงานระหว่างเดือน พ.
ย.47 รวมทั้งผลสำรวจเกี่ยวกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคล่าสุดไม่ค่อยดีนัก อันอาจสามารถเป็นเครื่องชี้ได้ว่า
เศรษฐกิจ สรอ.ในเดือนสุดท้ายของปีนี้จะชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของความสามารถในการผลิตทำ
ให้มีความพยายามเพิ่มชั่วโมงการทำงานเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 2.4 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่รวด
เร็วที่สุดตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 42 เป็นต้นมา (จากที่เคยรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1) เนื่องจากธุรกิจ
พยายามที่จะรักษาระดับผลผลิตในระยะยาวไว้ให้ได้ (รอยเตอร์)
2. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดหมายจาก
เดือนก่อน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 7 ธ.ค.47 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีซึ่งสำรวจจากนัก
วิเคราะห์และนักลงทุนสถาบันจำนวน 300 รายในระหว่างวันที่ 22 พ.ย. ถึง 6 ธ.ค.47 โดย ZEW ซึ่งเป็น
สถาบันวิจัยชั้นนำของเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดหมายอยู่ที่ระดับ 14.4 จากระดับ 13.9 ในเดือน พ.ย.47 ซึ่ง
เป็นระดับเกือบต่ำสุดในรอบ 2 ปี และสูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 10.0 ผลจากราคา
น้ำมันลดลงซึ่งเป็นผลทั้งจากราคาในตลาดโลกลดลงและจากค่าเงินยูโรที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.ช่วยชด
เชยความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของค่าเงินยูโรที่มีต่อการส่งออก ในขณะที่ผลสำรวจความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์
ในปัจจุบันลดลงอย่างไม่คาดหมายอยู่ที่ — 64.2 จาก — 57.8 เช่นเดียวกับดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นสำหรับ 12
ประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ลดลงอยู่ที่ระดับ 17.7 จากระดับ 22.1 ผลสำรวจของ ZEW เป็นตัวชี้แนวโน้มของ
ดัชนีที่สำรวจโดย Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำอีกแห่งหนึ่งและถูกมองว่ามีความสำคัญมากกว่าในการเป็นตัวชี้ภาวะ
เศรษฐกิจของเยอรมนีโดยมีกำหนดจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ธ.ค.47 นี้ (รอยเตอร์)
3. อัตราเงินเฟ้อและการลงทุนในจีนมีแนวโน้มชะลอลงอย่างต่อเนื่อง รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่
7 ธ.ค 47 นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในเดือนพ.ย.จะอยู่ที่ร้อย
ละ 3.8 และร้อยละ 15.8 ตามลำดับ ชะลอตัวจากร้อยละ 4.3 และร้อยละ 15.7 ในเดือนต.ค.ทำให้ไม่แน่ใจ
ว่าทางการจีนจะเห็นความจำเป็นในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้อีกหรือไม่ อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนยัง
คงให้ความสำคัญกับทั้งอัตราเงินเฟ้อและการลงทุนเพื่อที่จะชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจซึ่งธ.กลางจีนคาดว่าจะ
เข้มงวดกับนโยบายสินเชื่อจนถึงปี 48 อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์จากธ.DBS ในฮ่องกงให้ความเห็นว่ารัฐบาล
จะไม่มีมาตรการเพิ่มเติมจากที่ได้ดำเนินมาแล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลจีนวิตกว่ามีการลงทุนในบางภาคอุตสาหกรรม
อาทิ อุตสาหกรรมเหล็กกล้า และอสังหาริมทรัพย์มากเกินไปซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไม่สมดุล รัฐบาลจีนจึงมีมาตรการ
ควบคุมการปล่อยสินเชื่อของธพ.ในการลงทุนในโครงการดังกล่าว อนึ่งเมื่อปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมาธ.กลางจีนได้
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายประมาณร้อยละ 0.27 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี(รอยเตอร์)
4. ทุนสำรองทางการของญี่ปุ่นในเดือนพ.ย. ทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 รายงานจาก
โตเกียวเมื่อวันที่ 7 ธ.ค 47 รมว.คลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนพ.ย.47 ทุนสำรองทางการของญี่ปุ่นอยู่ที่
ระดับ 840.087 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.209 พัน ล.ดอลลาร์สรอ. เนื่องจากมีผลตอบแทน
จากการถือครองหลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินยูโร และราคาทองคำที่สูงขึ้น โดยค่าเงินยูโรแข็ง
ขึ้นประมาณร้อยละ 4 ขณะที่มูลค่าทองคำในสต็อกของญี่ปุ่นในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นถึง 685 ล้านดอลลาร์ สรอ.อย่างไร
ก็ตามเงินฝากและหลักทรัพย์ในรูปเงินดอลลาร์สรอ.ก็ยังเป็นสินทรัพย์ส่วนใหญ่ที่ญี่ปุ่นถืออยู่ในเงินทุนสำรองทางการ
แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สรอ.จะอ่อนค่าลงแต่ทางการญี่ปุ่นก็ยังไม่มีแผนที่จะปรับสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์ในรูปเงิน
ดอลลาร์สรอ.มาเป็นเงินยูโร เชื่อกันว่าตั๋วเงินคลังของสรอ.ที่ญี่ปุ่นถือครองอยู่มีค่าลดลงจาก 696.422 พันล.
ดอลลาร์สรอ. เหลือ 696.275 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 ธ.ค.47 7 ธ.ค 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.176 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0237/39.3038 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.78125-1.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 655.83/ 15.92 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,350/8,450 8,400/8,500 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 33.25 33.53 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 20.39*/14.59 20.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 8 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ชี้แจงกระแสข่าวเรื่อง ธปท.แทรกแซงค่าเงินบาท ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ธปท.ได้นำเงินจำนวนสูงถึง 3,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. ไปแทรกแซงค่า
เงินบาท และส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องว่า ไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมา ธปท.ได้เข้าไปดูแลค่า
เงินบาทเพื่อไม่ให้ผันผวน โดยตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ย. มีการใช้เงินซื้อดอลลาร์ประมาณ 1,100 ล.ดอลลาร์
สรอ.เท่านั้น ทั้งนี้ การที่ ธปท.เข้าไปดูแลค่าเงินบาทเพื่อเป็นการรักษาระดับราคาให้มีความเหมาะสมกับการค้า
ขาย และจะเข้าดูแลทันทีที่ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวเร็วเกินไปจนส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกและการค้าขายระหว่าง
ประเทศ อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ ธปท.เข้าดูแลค่าเงินบาทจะมีการดูดซับสภาพคล่องเพื่อไม่ให้สภาพคล่องในระบบมี
เพิ่มขึ้น ตามหลักการ “Neutralize” สำหรับมาตรการในการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทในขณะนี้นั้นถือว่ามี
เพียงพอโดยไม่ได้ออกมาตรการใดๆ เพิ่มเติม (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
2. สศช.คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปี 48 ที่ระดับ 5.5-6.5% เลขาธิการสำนัก
งานเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงการคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 48 ว่าจะ
เติบโตอยู่ในระดับ 5.5-6.5% โดยมีอัตราเงินเฟ้อยู่ในระดับ 2.9-3.2 ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
ในปี 48 คือการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งคาดว่าจะขยายตัวชะลอลงเป็น 3.8% จาก 4.6% ในปี 47 ปัจจัย
ด้านราคาน้ำมันดิบซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ระดับราคาเฉลี่ย 35 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล รวมถึงปัจจัยเสี่ยงด้านอัตรา
แลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย การดูแลสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ และการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ทั้งนี้
การคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 48 นั้น สศช.ได้คำนวณผลกระทบจากการเลิกตรึงราคาน้ำมัน
ดีเซลในไตรมาสสองปีหน้าด้วย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้จีดีพีลดลง 1.02% การบริโภคภาคเอกชนลดลง 0.60% การ
ส่งออกลดลง 0.42% และราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 0.69% ทั้งนี้ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบโอมานไม่เกิน 35
ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
3. ครม.อนุมัติให้นำเงินจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศร่วมลงทุนในเอเชียบอนด์ 2 จำนวน
250 ล.ดอลลาร์ สรอ. โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติให้นำเงินจากเงิน
ทุนสำรองระหว่างประเทศไม่เกิน 250 ล.ดอลลาร์ สรอ. ไปร่วมลงทุนในการจัดตั้งกองทุน พธบ.เอเชียระยะที่
2 (เอเชียบอนด์ฟันด์ 2 หรือ ABF 2) ภายใต้กรอบการประชุม ธ.กลางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก
(EMEAP) เพื่อการพัฒนาตลาดเอเชียบอนด์ หลังจากที่ ครม.ได้เห็นชอบให้มีการก่อตั้งเอเชียบอนด์ฟันด์ 1 เมื่อวัน
ที่ 22 เม.ย.46 ที่ผ่านมา ในวงเงินลงทุน 200 ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่ง
ของการดำเนินมาตรการริเริ่มพัฒนาตลาด พธบ.เอเชียด้านอุปสงค์ ซึ่งภาครัฐต้องการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใน
พธบ.หรือตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่น โดยจะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และ
พัฒนาตลาด พธบ.ท้องถิ่นภายในภูมิภาค (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
4. อัตราการจ่ายผลตอบแทนของ บจ.ในปี 47 อยู่ที่ 3.5-4% สูงกว่า 2-3% ในปีก่อน กรรมการ
ผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปี 47
มีทิศทางที่น่าลงทุน แม้ว่าอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะชะลอตัวจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่ม
ขึ้น แต่ในส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดย บจ.สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ที่ 3.5-
4% จากปีที่ผ่านมาจ่ายปันผลเฉลี่ย 2-3% และมีบางบริษัทจ่ายเงินปันผลงวดสิ้นปี 47 สูงถึง 10% ซึ่งเมื่อเทียบกับ
ตลาดหุ้นทั่วโลกแล้วตลาดหุ้นไทยจ่ายเงินปันผลสูงติด 1 ใน 3 ของเอเชีย ทั้งนี้ การที่ บจ.จ่ายเงินปันผลในอัตราที่
สูง เนื่องจากระดับราคาหุ้นในปีนี้ลดต่ำลง ประกอบกับ บจ.มีกระแสเงินสดมากขึ้น ทำให้ผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น
สูงขึ้น บริษัทจึงต้องจ่ายเงินปันผลออกมาเพื่อลดอัตราผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น ส่วนดัชนีตลาดหุ้นในปี 48 คาดว่า
จะอยู่ที่ 774 จุด P/E 9.3 เท่า อัตราการเติบโตของกำไร บจ.อยู่ที่ 8.5% อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อยู่
ที่ 4.25% สำหรับปัจจัยระยะสั้นที่เป็นตัวขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยในปี 48 คือ กระแสเงินสดจากนักลงทุนต่างประเทศ
ที่ไหลเข้ามา เนื่องจากค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ สรอ. และการเลือกตั้งสมาชิกสภา
ผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้นในเดือน ก.พ.48 ส่วนปัจจัยระยะยาว ได้แก่ อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นของไทยซึ่งค่อนข้างสูง
และราคาหุ้นไทยที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ความสามารถในการผลิตของ สรอ. ในไตรมาส 3 ปี 47 ชะลอตัวเนื่องจากต้นทุนแรงงานสูง
ขึ้น รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 7 ธ.ค.47 ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ความสามารถในการผลิตนอกภาค
เกษตร หรือผลผลิตของคนงานต่อชั่วโมง ของ สรอ.ในไตรมาส 3 ปี 47 เติบโตเพียงร้อยละ 1.8 เทียบต่อปี นับ
เป็นการขยายตัวน้อยที่สุดตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 45 เนื่องจากต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 อันอาจสนับสนุนให้
เกิดภาวะเงินเฟ้อได้ ในขณะที่ นักวิเคราะห์จากวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ความสามารถในการผลิตของ สรอ.
(หลังจากทบทวนตัวเลขแล้ว) ในไตรมาสที่ 3 ปี 47 จะขยายตัวร้อยละ 2.0 จากที่รายงานก่อนหน้านี้ว่าจะขยาย
ตัวร้อยละ 1.9 เทียบกับในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาขยายตัวร้อยละ 3.9 โดยยอดขายของร้านค้าปลีกใน สรอ.ลดลง
ในช่วงฤดูกาลใช้จ่ายที่สำคัญหลังเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ในขณะที่ธุรกิจมีการแผนการปรับลดงานระหว่างเดือน พ.
ย.47 รวมทั้งผลสำรวจเกี่ยวกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคล่าสุดไม่ค่อยดีนัก อันอาจสามารถเป็นเครื่องชี้ได้ว่า
เศรษฐกิจ สรอ.ในเดือนสุดท้ายของปีนี้จะชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของความสามารถในการผลิตทำ
ให้มีความพยายามเพิ่มชั่วโมงการทำงานเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 2.4 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่รวด
เร็วที่สุดตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 42 เป็นต้นมา (จากที่เคยรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1) เนื่องจากธุรกิจ
พยายามที่จะรักษาระดับผลผลิตในระยะยาวไว้ให้ได้ (รอยเตอร์)
2. ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีในเดือน ธ.ค.47 เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดหมายจาก
เดือนก่อน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 7 ธ.ค.47 ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีซึ่งสำรวจจากนัก
วิเคราะห์และนักลงทุนสถาบันจำนวน 300 รายในระหว่างวันที่ 22 พ.ย. ถึง 6 ธ.ค.47 โดย ZEW ซึ่งเป็น
สถาบันวิจัยชั้นนำของเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดหมายอยู่ที่ระดับ 14.4 จากระดับ 13.9 ในเดือน พ.ย.47 ซึ่ง
เป็นระดับเกือบต่ำสุดในรอบ 2 ปี และสูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลงอยู่ที่ระดับ 10.0 ผลจากราคา
น้ำมันลดลงซึ่งเป็นผลทั้งจากราคาในตลาดโลกลดลงและจากค่าเงินยูโรที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ.ช่วยชด
เชยความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของค่าเงินยูโรที่มีต่อการส่งออก ในขณะที่ผลสำรวจความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์
ในปัจจุบันลดลงอย่างไม่คาดหมายอยู่ที่ — 64.2 จาก — 57.8 เช่นเดียวกับดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นสำหรับ 12
ประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ลดลงอยู่ที่ระดับ 17.7 จากระดับ 22.1 ผลสำรวจของ ZEW เป็นตัวชี้แนวโน้มของ
ดัชนีที่สำรวจโดย Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำอีกแห่งหนึ่งและถูกมองว่ามีความสำคัญมากกว่าในการเป็นตัวชี้ภาวะ
เศรษฐกิจของเยอรมนีโดยมีกำหนดจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ธ.ค.47 นี้ (รอยเตอร์)
3. อัตราเงินเฟ้อและการลงทุนในจีนมีแนวโน้มชะลอลงอย่างต่อเนื่อง รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่
7 ธ.ค 47 นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในเดือนพ.ย.จะอยู่ที่ร้อย
ละ 3.8 และร้อยละ 15.8 ตามลำดับ ชะลอตัวจากร้อยละ 4.3 และร้อยละ 15.7 ในเดือนต.ค.ทำให้ไม่แน่ใจ
ว่าทางการจีนจะเห็นความจำเป็นในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้อีกหรือไม่ อย่างไรก็ตามรัฐบาลจีนยัง
คงให้ความสำคัญกับทั้งอัตราเงินเฟ้อและการลงทุนเพื่อที่จะชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจซึ่งธ.กลางจีนคาดว่าจะ
เข้มงวดกับนโยบายสินเชื่อจนถึงปี 48 อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์จากธ.DBS ในฮ่องกงให้ความเห็นว่ารัฐบาล
จะไม่มีมาตรการเพิ่มเติมจากที่ได้ดำเนินมาแล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลจีนวิตกว่ามีการลงทุนในบางภาคอุตสาหกรรม
อาทิ อุตสาหกรรมเหล็กกล้า และอสังหาริมทรัพย์มากเกินไปซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไม่สมดุล รัฐบาลจีนจึงมีมาตรการ
ควบคุมการปล่อยสินเชื่อของธพ.ในการลงทุนในโครงการดังกล่าว อนึ่งเมื่อปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมาธ.กลางจีนได้
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายประมาณร้อยละ 0.27 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี(รอยเตอร์)
4. ทุนสำรองทางการของญี่ปุ่นในเดือนพ.ย. ทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 รายงานจาก
โตเกียวเมื่อวันที่ 7 ธ.ค 47 รมว.คลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนพ.ย.47 ทุนสำรองทางการของญี่ปุ่นอยู่ที่
ระดับ 840.087 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.209 พัน ล.ดอลลาร์สรอ. เนื่องจากมีผลตอบแทน
จากการถือครองหลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินยูโร และราคาทองคำที่สูงขึ้น โดยค่าเงินยูโรแข็ง
ขึ้นประมาณร้อยละ 4 ขณะที่มูลค่าทองคำในสต็อกของญี่ปุ่นในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นถึง 685 ล้านดอลลาร์ สรอ.อย่างไร
ก็ตามเงินฝากและหลักทรัพย์ในรูปเงินดอลลาร์สรอ.ก็ยังเป็นสินทรัพย์ส่วนใหญ่ที่ญี่ปุ่นถืออยู่ในเงินทุนสำรองทางการ
แม้ว่าค่าเงินดอลลาร์สรอ.จะอ่อนค่าลงแต่ทางการญี่ปุ่นก็ยังไม่มีแผนที่จะปรับสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์ในรูปเงิน
ดอลลาร์สรอ.มาเป็นเงินยูโร เชื่อกันว่าตั๋วเงินคลังของสรอ.ที่ญี่ปุ่นถือครองอยู่มีค่าลดลงจาก 696.422 พันล.
ดอลลาร์สรอ. เหลือ 696.275 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 ธ.ค.47 7 ธ.ค 47 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.176 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0237/39.3038 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 1.78125-1.8000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 655.83/ 15.92 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,350/8,450 8,400/8,500 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 33.25 33.53 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 20.39*/14.59 20.79*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 8 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--